<h2>​กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เผยข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรชี้ ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไทย โดยในปี 2567 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต ที่ญี่ปุ่นโต 12% ตั้งเป้าปีนี้ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโตเพิ่มจากปีก่อนเป็น 15% หรือคิดเป็นมูลค่าราว 2,530 ล้านบาท </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สมหวัง โตรักตระกูล&nbsp;กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัตรกรุงศรีอยุธยา จำกัด&nbsp;ตัวแทนบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ประกอบไปด้วย บัตรเครดิต กรุงศรี, บัตรกรุงศรีเฟิร์สช้อยส์, บัตรเครดิต เซ็นทรัล เดอะวัน และบัตรเครดิตโลตัส กล่าวว่า ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไทย&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 498px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/qFkrgDRrhpaH4yygH1RJ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="498px,330px" data-align="center" data-file-name="qFkrgDRrhpaH4yygH1RJ.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,477" data-origin="498px,330px" style="width: 498px; height: 330px;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในต่างประเทศในปี 2567 พบว่า ญี่ปุ่น ยังครองอันดับหนึ่งในฐานะประเทศที่สมาชิกบัตรฯ เดินทางไปและมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรสูงที่สุด ซึ่งในปีที่ผ่านมา มีสมาชิกบัตรฯ เดินทางและใช้จ่ายที่ญี่ปุ่น กว่า 120,000 บัญชีบัตร เติบโต 18% และมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ญี่ปุ่นรวมกว่า 2,200 ล้านบาท เติบโต 12% เทียบกับปีก่อน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/wpYg7uyH5z7pQKSEwnFg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wpYg7uyH5z7pQKSEwnFg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ จากข้อมูลยังชี้ให้เห็นด้วยว่าการรูดชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตที่ญี่ปุ่นเฉลี่ยอยู่ที่ 4,000 บาทต่อครั้ง ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ญี่ปุ่นเฉลี่ยต่อคน 29,000 บาทต่อปี ส่วนหมวดใช้จ่ายยอดนิยมเรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้า, 2. สินค้าแฟชั่นและเครื่องแต่งกาย, 3. โรงแรมที่พัก, 4. เครื่องสำอางสินค้าเบ็ดเตล็ด และ 5. สินค้าปลอดภาษี”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/g4eimDU8u16SRc9F97t8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="g4eimDU8u16SRc9F97t8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จากศักยภาพด้านการท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงสานต่อแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” เพื่อรุกตลาดคนรักการท่องเที่ยวญี่ปุ่น รับเทศกาลท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว โดยจะต่อยอดความร่วมมือกับพันธมิตรแบรนด์ชั้นนำกว่า 600 ร้านค้าทั้งในไทยและญี่ปุ่น เพื่อขยายสิทธิประโยชน์ให้หลากหลายและครอบคลุมมากขึ้น เพื่อดึงดูดลูกค้าเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต พร้อมตั้งเป้าปี 2568 จะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่น 2,530 ล้านบาท เติบโต 15% เทียบกับปีก่อน”&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/04/MM14aeManyAJHboNWyRg.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="MM14aeManyAJHboNWyRg.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ได้มอบสิทธิพิเศษหลากหลายที่ญี่ปุ่น สำหรับสมาชิกบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขที่ญี่ปุ่น ตั้งแต่ 1 เมษายน 2568 - 30 มิถุนายน 2568 อาทิ มอบเครดิตเงินคืนรวมสูงสุด 5,000 บาท เมื่อใช้จ่ายผ่านบัตรตามเงื่อนไขเป็นสกุลเงินเยนที่ญี่ปุ่น หรือเลือกรับสิทธิ์เปลี่ยนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นในสกุลเงินเยนเป็นแบ่งชำระดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมถึงส่วนลดหรือสิทธิพิเศษเมื่อจองบัตรโดยสารสายการบินที่ร่วมรายการ; สิทธิพิเศษเมื่อเลือกจองโรงแรม และบัตรเข้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่นกับแพลตฟอร์มบริการท่องเที่ยวที่ร่วมรายการ เช่น Klook, Trip.com, Agoda เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ระยะเวลาและเงื่อนไขของแต่ละโปรโมชันขึ้นอยู่กับร้านค้าและประเภทของบัตรที่ร่วมรายการ สามารถตรวจสอบข้อมูลอื่นๆ เพิ่มเติมได้จาก&nbsp;<a href="https://www.krungsricard.com/th/promotion/category/Travel">www.krungsricard.com</a>&nbsp;โดยการใช้บัตรเครดิตนั้นควรใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนให้ได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภาพ :&nbsp;กรุงศรี คอนซูมเมอร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/red-bull-2025-strategy-premium-energy-drinks-recharge-and-refresh" alt="เหนือกว่าด้วย ‘ประสบการณ์’ กลยุทธ์พิชิตใจคนรุ่นใหม่ สร้างการเติบโต 2 เท่าฉบับ Red Bull ในตลาดเครื่องดื่มให้พลังงานพรีเมียม"></a><a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/entertainment-complex-update-oct-2024" alt="‘Entertainment Complex’ กาสิโนไทย โอกาสหรือความเสี่ยงของคนไทย">‘Entertainment Complex’ กาสิโนไทย โอกาสหรือความเสี่ยงของคนไทย</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘ญี่ปุ่น' ประเทศสุดฮิตของเหล่านักเที่ยว-นักชอป กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ตั้งเป้าปี 68 ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรโต 2,530 ล้านบาท 

<h2>ทางการนครเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ประกาศเมื่อวันอังคารที่ 14 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา ถึงแผนการขึ้นภาษีที่พักในญี่ปุ่นครั้งใหญ่ซึ่งจะมีอัตราสูงสุดอยู่ที่ 10,000 เยนต่อคืน เพื่อรับมือกับนักท่องเที่ยวจำนวนมหาศาล โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2026 เป็นต้นไป</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยทัศนียภาพอันสวยงาม แหล่งท่องเที่ยวมากมาย และค่าเงินเยนที่อ่อนตัวลง ทำให้ญี่ปุ่นต้องเผชิญกับนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมากตลอดระยะเวลาไม่กี่ปีมานี้ แต่ก็เหมือนจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวอื่นๆ หลายเมืองในญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับภาวะนักท่องเที่ยวล้นเมือง (Overtourism) จนกระทบความเป็นอยู่ของผู้คนในท้องถิ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับเกียวโตซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ และผู้คนท้องถิ่นก็ยังคงยึดถือขนบธรรมเนียมและประเพณีโบราณอย่างลึกซึ้ง เช่น การนำเสนอศิลปะชั้นสูงจากเกอิชา และวัดวาอารามต่างๆ การทะลักเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้ชาวเกียวโตพากันออกมาร้องเรียนพฤติกรรมไม่เหมาะสมที่นอกจากจะเป็นการดูหมิ่นวัฒนธรรมแล้ว ยังก่อให้เกิดความเดือดร้อนในการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการคุกคามเกอิชา การถ่ายรูปโดยไม่ได้รับอนุญาต การสร้างปัญหาจราจร ต่อเนื่องไปจนถึงการทิ้งขยะไม่เป็นที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทางการเกียวโตไม่ได้นิ่งนอนใจและดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหามาโดยตลอด อาทิ การเพิ่มอัตราค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ การแนะนำจุดท่องเที่ยวที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก รวมถึงการเปิดตัวระบบภาษีที่พักครั้งแรกในปี 2018 ซึ่งยังคงใช้งานเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ระบบภาษีที่พักในเกียวโตมีการแบ่งโรงแรมและที่พักต่างๆ ออกเป็น 3 ระดับตามช่วงราคาห้องพัก และคิดอัตราภาษีเพิ่มเติมจากราคาของห้องพัก ได้แก่ 200 เยนต่อคืน สำหรับห้องพักราคาต่ำกว่า 20,000 เยน, 500 เยนต่อคืนสำหรับห้องพักราคา 20,000 - 49,999 เยน และ 1,000 เยนต่อคืนสำหรับห้องพักราคา 50,000 เยนขึ้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ล่าสุด ทางการเกียวโตได้ประกาศปรับอัตราภาษีที่พัก โดยจะมีผลตั้งแต่เดือนมีนาคม 2026 เป็นต้นไป ซึ่งมีการแบ่งโรงแรมและที่พักต่างๆ ละเอียดขึ้นเป็น 5 ระดับ พร้อมอัตราภาษีที่พัก ดังนี้&nbsp; &nbsp; 1. 200 เยนต่อคืนสำหรับห้องพักราคาต่ำกว่า 6,000 เยน&nbsp; &nbsp; 2. 400 เยนต่อคืนสำหรับห้องพักราคา 6,000 - 19,999 เยน&nbsp; &nbsp; 3. 1,000 เยนต่อคืนสำหรับห้องพักราคา 20,000 - 49,999 เยน&nbsp; &nbsp; 4. 4,000 เยนต่อคืนสำหรับห้องพักราคา 50,000 - 99,999 เยน&nbsp; &nbsp; 5. 10,000 เยนต่อคืนสำหรับห้องพักราคา 100,000 เยนขึ้นไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทางการเกียวโตเผยในแถลงการณ์ว่า “เราตั้งใจเพิ่มอัตราภาษีที่พักเพื่อเน้นย้ำ ‘การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน’ โดยให้ความสำคัญกับระดับความพึงพอใจของทั้งพลเมือง นักท่องเที่ยว และธุรกิจต่างๆ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คาดว่าทางการเมืองเกียวโตเก็บภาษีที่พักเป็นมูลค่ารวมราว 4.8 พันล้านเยนในปีงบประมาณที่ 2024 แต่ยังคงต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเพื่อนำมาแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมยินดีที่นักท่องเที่ยวมาเยือนเมืองนี้ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าเราได้รับผลกระทบเชิงลบ เช่น ด้านสิ่งแวดล้อม” Daichi Hayase ซึ่งเป็นผู้อยู่อาศัยในท้องที่บอกกับสำนักข่าว AFP และบอกว่าเขาสนับสนุนการปรับอัตราภาษีครั้งใหม่นี้ แหล่งที่มา:​<a href="https://www.channelnewsasia.com/east-asia/japan-tourist-hotspot-kyoto-hike-hotel-taxes-4856921" alt="Japanese tourist magnet Kyoto to hike hotel taxes">Japanese tourist magnet Kyoto to hike hotel taxes</a>​ ​<a href="https://www.asahi.com/ajw/articles/15578374" alt="Kyoto to raise accommodation tax up to 10,000 yen a day">Kyoto to raise accommodation tax up to 10,000 yen a day</a>​ ภาพ: AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/global/toyota-to-open-its-futuristic-city-in-japan-this-year" alt="‘Woven City’ เมืองแห่งอนาคต แต่อาจไม่ทำกำไรของโตโยต้า เตรียมให้ 100 คนแรกเข้าไปอยู่ในปีนี้">‘Woven City’ เมืองแห่งอนาคต แต่อาจไม่ทำกำไรของโตโยต้า เตรียมให้ 100 คนแรกเข้าไปอยู่ในปีนี้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เกียวโตปรับอัตราภาษีที่พักสูงสุด 10,000 เยนต่อคืน รับมือปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง

<h2>กรุงศรี คอนซูมเมอร์ รุกตลาดคนรักญี่ปุ่นรับเทศกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปี เปิดตัว ‘U Japan’ ฟีเจอร์ใหม่ในแอป UCHOOSE เอาใจคนรักญี่ปุ่น เปลี่ยนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นในสกุลเงินเยนเป็นแบ่งชำระดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน ตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นเติบโต 30% แตะ 3,250 ล้านบาท ภายในปี 2568</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อธิศ รุจิรวัฒน์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านกรุงศรี คอนซูมเมอร์ เปิดเผยว่า “ญี่ปุ่นนับเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยวไทย และเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มยอดใช้จ่ายผ่านบัตรในประเทศญี่ปุ่นให้เติบโต โดยใช้ศักยภาพของกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ในฐานะบริษัทในเครือกรุงศรี หนึ่งในสมาชิกของ MUFG ที่มีเครือข่ายธุรกิจและพันธมิตรในญี่ปุ่นที่แข็งแกร่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทจึงได้เปิดตัวแคมเปญ “เรื่องญี่ปุ่น ต้องกรุงศรี” ซึ่งบัตรเครดิตในกลุ่ม กรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำกว่า 500 แบรนด์ ทั้งในญี่ปุ่นและไทย นำเสนอสิทธิประโยชน์หลากหลายทั้ง กิน ช้อป เที่ยว เพื่อคนรักการท่องเที่ยวญี่ปุ่น ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2567 มียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ที่ญี่ปุ่น 1,530 ล้านบาท (+22% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) หมวดใช้จ่ายสูงสุด เรียงตามยอดใช้จ่าย ได้แก่ 1. ห้างสรรพสินค้า 2. สินค้าแฟชั่น 3. โรงแรมและที่พัก 4. ร้านขายยาและสินค้าอุปโภคบริโภค 5. สนามบินและสินค้าปลอดภาษี โดยมียอดใช้จ่ายต่อคน เฉลี่ย 27,600 บาท”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“จากความสำเร็จของแคมเปญดังกล่าว ในช่วงเทศกาลท่องเที่ยวส่งท้ายปี กรุงศรี คอนซูมเมอร์ จึงได้ร่วมกับพันธมิตรชั้นนำ เปิดตัว ‘U Japan’ ฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดในแอป UCHOOSE เพื่อเป็นแหล่งรวมสิทธิประโยชน์สุดพิเศษแบบครบ จบ ทุกประสบการณ์เรื่องญี่ปุ่น เพิ่มความสะดวกอีกขั้น ให้สมาชิกบัตรฯ ที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวญี่ปุ่น สามารถใช้งานได้ง่ายยิ่งขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"> <figure style="margin: auto;"> <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/yUQSzXSFk7fikUdDqbgX.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="yUQSzXSFk7fikUdDqbgX.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""> </figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“โดยรวบรวมข้อมูลและโปรโมชัน เที่ยว กิน ช้อป สุดคุ้ม ครบทุกเรื่องญี่ปุ่นกว่า 150 ร้านชั้นนำทั้งในไทยและญี่ปุ่นในเมนูเดียว, สามารถดาวน์โหลดอีคูปอง ส่วนลดและดีลสุดคุ้มได้ง่ายเพียงคลิก อีกทั้งยังสามารถซื้อประกันภัยการเดินทางพร้อมชำระเงินผ่านแอปและรับดีลสุดพิเศษ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“รวมทั้งยังเพิ่มทางเลือกในการบริหารการใช้จ่ายให้ง่ายยิ่งขึ้น โดยลูกค้าสามารถเปลี่ยนยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่น ในสกุลเงินเยนเป็นแบ่งชำระดอกเบี้ย 0% นาน 3 เดือน โดยทำรายการได้ด้วยตนเองผ่านแอปอีกด้วย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"> <figure style="margin: auto;"> <img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/QCqgVte9PeSnijcNJn1s.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="QCqgVte9PeSnijcNJn1s.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""> </figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า ฟีเจอร์ใหม่ ‘U Japan’ ในแอปพลิเคชัน UCHOOSE นี้ จะช่วยยกระดับประสบการณ์การใช้งานให้ลูกค้าสามารถใช้งานสิทธิประโยชน์สุดพิเศษเพื่อคนรักญี่ปุ่นจากบัตรเครดิตในกลุ่มกรุงศรี คอนซูมเมอร์ ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น&nbsp;พร้อมช่วยสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า และกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรให้เติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่ญี่ปุ่นเติบโต 30% แตะ 3,250 ล้านบาท ภายในปี 2568”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บัตรเครดิตใช้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนได้เต็มจำนวนตามกำหนด จะได้ไม่เสียดอกเบี้ย 16% ต่อปี <a href="https://www.freepik.com/free-photo/fuji-mountain-cherry-blossoms-spring-japan_10695646.htm#fromView=search&amp;page=1&amp;position=46&amp;uuid=77e59c08-bd17-4391-9863-d0c642df1aa2">Image by tawatchai07 on Freepik</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/uob-survey-thais-spend-more-on-necessities" alt="UOB เผยผลสำรวจ คนไทย 42% ใช้จ่ายกับของจำเป็นมากขึ้น ‘คนรุ่นใหม่’ เลือกใช้เงินซื้อประสบการณ์และลงทุนเพิ่มขึ้น">UOB เผยผลสำรวจ คนไทย 42% ใช้จ่ายกับของจำเป็นมากขึ้น ‘คนรุ่นใหม่’ เลือกใช้เงินซื้อประสบการณ์และลงทุนเพิ่มขึ้น</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘U Japan’ ฟีเจอร์ใหม่แอป UCHOOSE ใช้จ่ายที่ญี่ปุ่นเป็นเงินเยน แบ่งชำระดอกเบี้ย 0% ได้นาน 3 เดือน

<h2>อโกด้าเผยนักเดินทางไทย 74% ติดใจแหล่งท่องเที่ยวโปรด ญี่ปุ่น ไต้หวัน และลาว ครองแชมป์ประเทศที่คนไทยกลับมาเยือนมากที่สุด </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งเดียวอาจจะไม่เพียงพอสำหรับใครหลายๆ คน ผลสำรวจล่าสุดจากอโกด้า พบว่า 74% ของนักเดินทางชาวไทยเลือกกลับไปยังจุดหมายปลายทางเดิมที่ชื่นชอบซ้ำอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งการจัดอันดับนี้ได้สำรวจจากนักเดินทางชาวไทยที่จองที่พักผ่านแพลตฟอร์มอโกด้าในเดือนที่ผ่านมา พบว่า นักท่องเที่ยวไทยส่วนใหญ่ประทับใจและอยากกลับไปเยือนแหล่งท่องเที่ยวเดิมอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และลาว ครองแชมป์จุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยมีฮ่องกงและเวียดนามเป็นอันดับที่ 4 และ 5 ตามลำดับ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อโกด้าได้สำรวจนักเดินทางที่จองทริปเดินทางครั้งใหม่ไปยังจุดหมายปลายทางเดิมที่พวกเขาชื่นชอบ พบว่า 32% ของผู้ตอบแบบสอบถามเลือกการผจญภัยเป็นวัตถุประสงค์หลักของการเดินทาง 23% ชื่นชอบอาหารท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ และอีก 20% ระบุว่าชอบศิลปะและวัฒนธรรม รวมทั้งยังได้ไปพบปะครอบครัวและเพื่อนอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักเดินทางชาวไทยมากถึง 54% กลับไปเยือนจุดหมายปลายทางเดิม 1-3 ครั้งในรอบทศวรรษที่ผ่านมา นับเป็นกลุ่มนักเดินทางที่กลับไปเยือนจุดหมายปลายทางเดิมมากที่สุด ทั้งนี้อีก 17% ระบุว่าได้เดินทางกลับไปยังจุดหมายปลายทางเดิมถึง 10 ครั้งหรือมากกว่าในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา&nbsp; &nbsp; เอนริก คาซาลส์, Associate Vice President Southeast Asia, อโกด้า กล่าวว่า “นักเดินทางหลายคนชอบการเดินทางไปยังสถานที่ใหม่ๆ แต่ยังมีจำนวนไม่น้อยที่ชอบกลับไปยังจุดหมายปลายทางเดิมอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลสำรวจ ของอโกด้าแสดงให้เห็นว่า ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และลาว ไม่ได้เป็นแค่เพียงแค่จุดหมายปลายทางทั่วไปของนักเดินทางชาวไทย แต่เป็นจุดหมายปลายทางที่ชวนให้หลงใหลจนอยากกลับไปสัมผัสอีกครั้ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อโกด้าภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพาคุณออกเดินทาง พร้อมมอบตัวเลือกที่พัก เที่ยวบิน และกิจกรรมที่หลากหลาย เพื่อให้ทุกการเดินทางเต็มไปด้วยความประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางครั้งแรกหรือครั้งที่สิบก็ตาม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อถามถึงปัจจัยที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่น ไต้หวัน และลาวสามารถดึงดูดนักเดินทางชาวไทยให้กลับมาเยือนอีกครั้ง ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่าเป็นเพราะความสะดวกในการเดินทาง (53%) ตามมาด้วยความอร่อยของอาหารท้องถิ่น (49%) ความปลอดภัยและความสะอาด (42%) ทำเลที่สะดวก (38%) และโอกาสในการช้อปปิ้ง (30%) รวมเป็น 5 เหตุผลหลักที่ดึงดูดให้ผู้คนกลับไปเยือนประเทศเหล่านี้อีกครั้ง &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อพิจารณาข้อมูลการสำรวจจากมุมมองของนักเดินทางทั่วเอเชีย พบว่าประเทศญี่ปุ่น ไทย และเวียดนาม คือจุดหมายปลายทางที่นักเดินทางชาวเอเชียชื่นชอบ โดย 44% ของนักเดินทางเหล่านี้ระบุว่า 'ความสะดวกในการเดินทาง' คือเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขากลับไปยังจุดหมายปลายทางเดิมที่โปรดปรานอีกครั้ง เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/hat-yai-wins-the-most-worthwhile-tourist-city-in-thailand" alt="อโกด้าเผย ‘หาดใหญ่’ คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่ห้องพักราคาคุ้มค่าที่สุดในไทย">อโกด้าเผย ‘หาดใหญ่’ คว้าแชมป์เมืองท่องเที่ยวที่ห้องพักราคาคุ้มค่าที่สุดในไทย</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ญี่ปุ่นทั้งใจ! อโกด้าเผยญี่ปุ่นคือจุดหมายปลายทางที่ ‘ชาวไทย‘ กลับไปเที่ยวซ้ำมากสุด

<h2>YouTrip เผยอินไซต์ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยพบว่าผู้ใช้ YouTrip กว่า 90% เดินทางออกนอกประเทศ โดยมียอดใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;54% ของการใช้จ่ายนั้นอยู่ที่การช็อปปิ้ง โดยร้าน 7-Eleven ยังคงเป็นร้านในดวงใจของคนไทย ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็เข้าร้านนี้ ทำให้ 7-Eleven ครองแชมป์ร้านที่คนไทยใช้จ่ายด้วยมากที่สุด รองลงมาคือ Pop Mart และร้านกระเป๋าแบรนด์ Goyard&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลยังพบอีกว่า ‘ญี่ปุ่น’ ครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไทย โดย 1 ใน 3 ของผู้ใช้ YouTrip ที่ไปเที่ยวต่างประเทศ เลือกไปญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม คือ วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และแหล่งช็อปปิ้งหรู และอีกปัจจัยสำคัญคือ เงินเยน ที่อ่อนค่าลงหนัก โดยข้อมูลการใช้จ่ายของผู้ใช้ YouTrip พบว่า การใช้จ่ายของคนไทยที่ไปญี่ปุ่น 58% อยู่ที่การช็อปปิ้ง โดยหมวดหมู่สินค้าที่นิยมซื้อก็คือ สินค้าแบรนด์หรู โดยมียอดใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งแบรนด์หรูที่คนไทยซื้อเป็นอันดับ 1 ได้แก่ Louis Vuitton รองลงมาคือ Dior, Gucci และ Prada ตามลำดับ แต่แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดคือ Goyard&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เทรนด์หนึ่งที่เห็นพฤติกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทย เรียกได้ว่าเน้นช็อปปิ้งมากกว่า โดยเลือกทานอาหารที่ราคาไม่แพงมาก ชิมสตรีทฟู้ด เข้าร้านสะดวกซื้อ แต่ใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับการซื้อสินค้าหรู เนื่องจากในต่างประเทศสินค้าหลายอย่างมีราคาถูกกว่าในไทย หรือมีคอลเลกชั่นพิเศษที่ไม่ได้มีขายในไทย เป็นต้น ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/FWY4569tKFQqfBKvxAcy.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="FWY4569tKFQqfBKvxAcy.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> ​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/youtrip-insight-thai-traveller" alt="สรุปอินไซต์จาก YouTrip คนไทยเที่ยวนอก ‘กินถูก ช็อปแพง’ ญี่ปุ่นรั้งแชมป์ Top Destination">สรุปอินไซต์จาก YouTrip คนไทยเที่ยวนอก ‘กินถูก ช็อปแพง’ ญี่ปุ่นรั้งแชมป์ Top Destination</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เงินเยนอ่อนค่า คนไทยแห่เที่ยว ‘ญี่ปุ่น’ ช็อปแบรนด์เนมเพิ่ม 2 เท่า

<h2>กระแสการ ‘เที่ยวล้างแค้น’ หลังอัดอั้นจากช่วงโควิดระบาด ดูเหมือนจะยังไม่จบสิ้นลงง่ายๆ นักท่องเที่ยวชาวไทยแห่เดินทางออกนอกประเทศในช่วงหยุดยาว แต่พวกเขาไปเที่ยวที่ไหน ใช้เงินไปกับอะไร ลองมาดูอินไซต์จาก YouTrip และพันธมิตรกัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;YouTrip ผู้ให้บริการดิจิทัลวอลเล็ตรองรับหลายสกุล (Multi-currency wallet) หรือบัตร Travel Card ที่ร่วมกับธนาคารกสิกรไทย และหลายคนอาจคุ้นเคย ได้ร่วมกับ 3 พันธมิตร บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน), บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) และ Klook เปิดเวทีเสวนาเชิงลึก เผยอินไซต์การท่องเที่ยวต่างประเทศของนักเดินทางไทยในวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย จุฑาศรี คูวินิชกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง YouTrip ประเทศไทย, วาสิต ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บมจ.เมืองไทยประกันภัย, ภิรมย์ทิศ ทองแถม ณ อยุธยา หัวหน้ากลุ่มงานการตลาดผลิตภัณฑ์ บมจ. การบินไทย และ มิเชล โฮ ผู้จัดการทั่วไป บริษัท Klook ประจำประเทศไทยและฟิลิปปินส์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/eWSEv3pie3L4epJ7XdJF.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="eWSEv3pie3L4epJ7XdJF.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีอินไซต์อะไรบ้าง Forbes Thailand สรุปมาให้ในบทความนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ในช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ผู้ใช้ YouTrip กว่า 90% เดินทางออกนอกประเทศ โดยมียอดใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 150% เมื่อเทียบกับปีก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- 54% ของการใช้จ่ายนั้นอยู่ที่การช็อปปิ้ง โดยร้าน 7-Eleven ยังคงเป็นร้านในดวงใจของคนไทย ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหนก็เข้าร้านนี้ ทำให้ 7-Eleven ครองแชมป์ร้านที่คนไทยใช้จ่ายด้วยมากที่สุด รองลงมาคือ Pop Mart และร้านกระเป๋าแบรนด์ Goyard&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ส่วนในประเทศ ลูกค้า YouTrip ช็อปปิ้งใน Shopee, Lazada และร้านดิวตี้ฟรี มากสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- การใช้จ่ายอีก 14% ของคนที่เดินทางไปต่างประเทศนั้นใช้ไปกับค่าอาหาร โดย 3 อันดับแรกที่ลูกค้า YouTrip ใช้จ่ายด้วยมากสุด คือ ฟาสต์ฟู้ด, สตาร์บัคส์ และแมคโดนัลด์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- พฤติกรรมการท่องเที่ยวต่างประเทศของคนไทย เรียกได้ว่าเน้นช็อปปิ้งมากกว่า โดยเลือกทานอาหารที่ราคาไม่แพงมาก ชิมสตรีทฟู้ด เข้าร้านสะดวกซื้อ แต่ใช้จ่ายส่วนใหญ่ไปกับการซื้อสินค้าหรู เนื่องจากในต่างประเทศสินค้าหลายอย่างมีราคาถูกกว่าในไทย หรือมีคอลเลกชั่นพิเศษที่ไม่ได้มีขายในไทย เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ฝั่งการบินไทยเผยอินไซต์ว่า การเดินทางแบบ FIT (Free Individual Traveler) ซึ่งหมายถึง นักท่องเที่ยวที่เดินทางท่องเที่ยวแบบอิสระ ไม่ได้ไปกับกรุ๊ปทัวร์ ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีทำให้การซื้อบัตรโดยสารด้วยตัวเองนั้นทำได้ง่ายขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ด้านเมืองไทยประกันเสริมว่าอัตราการซื้อประกันการเดินทางในช่วงดังกล่าวก็เพิ่มสูงขึ้นมากเช่นกัน โดยผู้บริโภคให้ความสำคัญกับความคุ้มครองด้านการเสียชีวิต ค่ารักษาพยาบาล และอุบัติเหตุเป็นหลัก และเพิ่มเติมในเรื่องการยกเลิกการเดินทาง การคุ้มครองกระเป๋าสูญหาย ‘ญี่ปุ่น’ ครองแชมป์ประเทศที่คนไทยไปเที่ยวมากสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ทั้งหมดบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ญี่ปุ่น ครองอันดับ 1 จุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวไทย โดย 1 ใน 3 ของผู้ใช้ YouTrip ที่ไปเที่ยวต่างประเทศ เลือกไปญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ปัจจัยสนับสนุนหลักที่ทำให้ญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยม คือ วัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยว อาหาร และแหล่งช็อปปิ้งหรู และอีกปัจจัยสำคัญคือ เงินเยน ที่อ่อนค่าลงหนัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ข้อมูลการใช้จ่ายของผู้ใช้ YouTrip พบอีกว่า การใช้จ่ายของคนไทยที่ไปญี่ปุ่น 58% อยู่ที่การช็อปปิ้ง โดยหมวดหมู่สินค้าที่นิยมซื้อก็คือ สินค้าแบรนด์หรู โดยมียอดใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้นกว่า 2 เท่าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- แบรนด์หรูที่คนไทยซื้อเป็นอันดับ 1 ได้แก่ Louis Vuitton รองลงมาคือ Dior, Gucci และ Prada ตามลำดับ แต่แบรนด์ที่มีการเติบโตสูงสุดคือ Goyard​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/TWLNJseXkUmkGzkxAvip.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="TWLNJseXkUmkGzkxAvip.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"><figcaption><div>Image by tawatchai07 on Freepik</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- YouTrip ยังพบว่าพฤติกรรมของผู้ใช้มีการแลกเงินบาท (THB) เป็นเงินเยน (JPY) ผ่านกระเป๋าเงิน JPY ภายในแอป เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า เมื่อเทียบกับปีที่แล้วด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- Klook เผยเทรนด์อย่างหนึ่งคือยอดจองการเช่ารถขับในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมาก หลังค่าตั๋วรถไฟแพงขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- โดยรวมมองว่าในระยะสั้นและระยะกลาง ญี่ปุ่น จะยังคงเป็น Top Destination อยู่ เนื่องจากปัจจัยต่างๆ ข้างต้น รัฐบาลเองก็กำลังพยายามผลักดันการท่องเที่ยวอย่างหนักเช่นกัน ฟรีวีซ่าดัน ‘จีน’ ผงาดขึ้นเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- คนไทยสนใจเที่ยวจีนมากขึ้นตั้งแต่เดือน พ.ย. 2566 โดยหลังจากมีการประกาศฟรีวีซ่าระหว่างไทยและจีน YouTrip พบว่าในเดือน เม.ย. 2567 มีปริมาณการทำธุรกรรมเพิ่มขึ้นถึง 466% และจีนได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมอันดับ 2 ที่คนเดินทางไปมากสุดในช่วงสงกรานต์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- เมืองที่ผู้ใช้ YouTrip ชื่นชอบ ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เซินเจิ้น และเฉิงตู​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/zi4DQiPNbjajqsTuNbVr.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="zi4DQiPNbjajqsTuNbVr.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"><figcaption><div> Photo by Terrence Low on Unsplash </div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ฝั่งการบินไทยเสริมว่าช่วงเทศกาลสงกรานต์คนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวจีนจำนวนมาก โดยมียอดการจองตั๋วผ่านการบินไทยเต็ม 100% ทุกเที่ยวบิน ซึ่งปัจจัยสนับสนุนหลักมาจากนโยบายฟรีวีซ่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ด้าน Klook เผยว่ายอดจองกิจกรรมต่างๆ ในจีนเพิ่มขึ้น 4 เท่า แต่ถึงอย่างนั้นจีนก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ เนื่องจากเป็นประเทศใหม่ที่เพิ่งได้รับความนิยม ข้อมูลยังไม่ค่อยพร้อมสำหรับนักท่องเที่ยว ทำให้ Klook ต้องส่งครีเอเตอร์ไปทำคอนเทนต์ในเมืองที่คนไทยนิยมไป เช่น เซี่ยงไฮ้ เพื่อให้มีข้อมูลมากขึ้น &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปิดท้ายที่มุมมองถึงเทรนด์การเดินทางเที่ยวต่างประเทศของคนไทย ซึ่งโดยรวมมองว่าแนวโน้มเทรนด์เที่ยวล้างแค้นจะยังคงดำเนินต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง และการเดินทางท่องเที่ยวได้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ของคนไทยไปแล้ว แต่พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยเทรนด์ “ช้อปหรู กินอยู่ประหยัด” จะเป็นสิ่งที่พบเห็นมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ การเข้ามาของเทคโนโลยีจะช่วยตอบโจทย์เรื่องการเดินทางให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสบายในหลากหลายด้าน ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้คนหันมาเลือกเดินทางด้วยตัวเองมากขึ้นแทนการเที่ยวแบบกลุ่มทัวร์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมถึงแนวโน้มการท่องเที่ยวหนึ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน คือ กลุ่มนักท่องเที่ยวมีอายุน้อยลง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่นิยมออกเดินทางท่องเที่ยวไปต่างประเทศ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ รวมทั้งยังเปิดรับจุดหมายปลายทางในประเทศใหม่ๆ เพิ่มขึ้น นอกเหนือจากญี่ปุ่นและจีน เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/global/japan-blocks-view-of-mount-fuji-and-lawson" alt="ปิดตำนานวิวฟูจิหลังร้าน Lawson ญี่ปุ่นเตรียมกางตาข่ายกั้น หลังนักท่องเที่ยวไม่สนกฎจราจร ทิ้งขยะเกลื่อน">ปิดตำนานวิวฟูจิหลังร้าน Lawson ญี่ปุ่นเตรียมกางตาข่ายกั้น หลังนักท่องเที่ยวไม่สนกฎจราจร ทิ้งขยะเกลื่อน</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สรุปอินไซต์จาก YouTrip คนไทยเที่ยวนอก ‘กินถูก ช็อปแพง’ ญี่ปุ่นรั้งแชมป์ Top Destination

<h2>Japan Times รายงานสถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น โดยระบุว่าราคาค่าห้องพักโรงแรมในญี่ปุ่นเมื่อเดือนมีนาคม 2567 นั้นแพงขึ้นจนแตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ท่ามกลางสถานการณ์เงินเยนอ่อนค่าหนักจนเงินเยนราคาถูก และฤดูดอกซากุระบานดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาญี่ปุ่นจำนวนมากเป็นประวัติการณ์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากข้อมูลของ CoStar Group พบว่าราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวันในเดือนมีนาคมอยู่ที่ประมาณ 20,986 เยน หรือราว 5,017 บาท (อ้างอิงอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 19 เม.ย. 2567) ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2540 และเพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นอกจากนี้อัตราการเข้าพักโรงแรมโดยเฉลี่ยก็เพิ่มขึ้นเป็น 78% ด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมามีผู้มาเยือนญี่ปุ่นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 3.1 ล้านคน ขณะที่เงินเยนอ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าดึงดูดสำหรับนักท่องเที่ยวขาเข้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยนักท่องเที่ยวที่มาเยือนญี่ปุ่นมากสุด ได้แก่ เกาหลีใต้ ไต้หวัน และจีน ท่ามกลางฤดูดอกซากุระบาน ซึ่งเป็นช่วงเวลาดึงดูดนักท่องเที่ยวอยู่แล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Harumi Taguchi นักเศรษฐศาสตร์หลักของ S&amp;P Global Market Intelligence กล่าวว่า ปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาโรงแรมพุ่งสูงขึ้นคือการขาดแคลนแรงงานในญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เพื่อให้สามารถครอบคลุมอัตราการเข้าพักที่สูง พร้อมๆ กับการขาดแคลนแรงงาน ก็ต้องเพิ่มราคาโรงแรม” เธอกล่าว “มีดีมานด์สูงจากนักท่องเที่ยวขาเข้า ดังนั้น นี่จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่ขึ้นราคาได้ง่าย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เงินเยนที่อ่อนค่าลงยังช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวอีกด้วย โดยข้อมูลจากสำนักงานการท่องเที่ยวญี่ปุ่นระบุว่า ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม นักท่องเที่ยวต่างชาติใช้จ่าย 1.75 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้น 52% จากปี 2562 ซึ่งนักช็อปต่างจับจ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยในราคาลดพิเศษเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“หากดีมานด์จากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราคาโรงแรมก็อาจจะสูงขึ้นต่อไป” Taguchi กล่าว “และด้วยค่าเงินเยนที่อ่อนค่า ชาวต่างชาติก็ยังจ่ายค่าที่พักได้ราคาถูกอยู่ดี” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.japantimes.co.jp/business/2024/04/19/companies/japan-hotel-prices-rise-near-30-year-high/" alt="Japan hotel prices near 30-year high as weak yen lures record tourists">Japan hotel prices near 30-year high as weak yen lures record tourists</a> ​Photo by <a href="https://unsplash.com/@chasing_dusk?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Pavlo Klein</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/people-walking-between-cherry-blossoms-while-holding-assorted-color-umbrellas-QDUrp2_EVMU?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/asia-most-affordable-tourist-destination-april-to-may-2024" alt="เปิด 8 จุดหมายท่องเที่ยวสุดคุ้มทั่วเอเชีย ‘อุดรธานี’ คว้าอันดับ 1 เดินทางง่าย ที่เที่ยวหลากหลาย ค่าใช้จ่ายไม่แพง">เปิด 8 จุดหมายท่องเที่ยวสุดคุ้มทั่วเอเชีย ‘อุดรธานี’ คว้าอันดับ 1 เดินทางง่าย ที่เที่ยวหลากหลาย ค่าใช้จ่ายไม่แพง</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ค่าโรงแรม ‘ญี่ปุ่น’ แพงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ท่ามกลางเงินเยนอ่อนค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเป็นประวัติการณ์

<h2 class="p2">“โตเกียวเมโทร” ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินในกรุงโตเกียว ผุดเเผนแก้ปัญหาผู้ใช้เเออัดในชั่วโมงเร่งด่วน เสนอเเจก “อาหารมื้อเช้าฟรี” ให้กับผู้โดยสารที่มาใช้บริการตั้งเเต่เช้าตรู่</h2>
ในเเต่ละวันที่ผู้คนในกรุงโตเกียวใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินกว่า 7.2 ล้านคน หลายเส้นทางการเดินรถต้องเผชิญกับความเเออัดในการเดินทาง โดยรถไฟฟ้าใต้ดินสาย Tozai ที่เชื่อมระหว่างกรุงโตเกียวเเละจังหวัดชิบะ เป็นหนึ่งในสายรถไฟฟ้าโตเกียวเมโทรที่มีผู้ใช้บริการคับคั่งมากที่สุด กำลังทำเเคมเปญเชิญชวนให้ผู้โดยสารที่เดินทางในช่วงชั่วโมงเร่งด่วน ให้เปลี่ยนเวลามาใช้บริการเร็วขึ้น ตั้งแต่รถไฟเริ่มเปิดให้บริการในเวลา 05.00 น. จนถึงก่อนเวลา 07.50 น. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นเวลาเร่งด่วน
โดยหากมีผู้เข้าร่วมโครงการนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวอย่างน้อย 2 พันคนในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า ผู้โดยสารจะได้รับ “เทมปุระ” ฟรี หากมีผู้โดยสาร 2.5 พันคนเข้าร่วมก็จะได้รับโซบะคนละ 1 ถ้วยและถ้ามี 3.5 พันคนขึ้นไปพร้อมใจใช้บริการรถไฟช่วงเช้า โตเกียวเมโทรก็จะมอบมื้อเช้าให้เป็นโซบะ 1 ถ้วยพร้อมด้วยเทมปุระฟรี
สำหรับช่วงเวลา 07.50-08.50 น. จะมีผู้โดยสารกว่า 7.6 หมื่นคนมาใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินของโตเกียวเมโทร ซึ่งมากกว่าจำนวนการรองรับที่กำหนดไว้ถึง 2 เท่าเเละเป็นการให้บริการที่ความจุ 199% แม้จะอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัยแต่ผู้โดยสารจะไม่ได้รับความสะดวกสบายเท่าที่ควร
“นี่คือสายรถไฟที่เเออัดที่สุด ซึ่งเราพยายามจะแก้ปัญหาความหนาแน่นช่วงชั่วโมงเร่งด่วนมาโดยตลอด และหวังว่าโครงการนี้จะกระตุ้นให้ผู้โดยสารออกเดินทางเช้าขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาความคับคั่งในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนนี้” Takeshi Yamashita โฆษกของโตเกียวเมโทรระบุ
ทั้งนี้ ความเเออัดในการสัญจรของระบบขนส่งสาธารณะกำลังเป็นความท้าทายที่กรุงโตเกียวต้องเผชิญเเละเเก้ไข ก่อนจะเป็นเจ้าภาพจัดงานเเข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 2020  โดยเริ่มมีเเคมเปญรณรงค์ต่างๆ รวมถึงวางเเผนจะทำงานทางไกลในช่วงที่มีการจัดงานด้วย
&nbsp;
ที่มา

<ul>
 	<li><a href="https://www.straitstimes.com/asia/east-asia/tokyo-metro-offers-free-food-to-ease-crowding">Tokyo metro offers free food to ease crowding</a></li>
 	<li><a href="https://www.channelnewsasia.com/news/asia/use-your-noodle--tokyo-metro-offers-free-food-to-ease-crowding-11147782">Use your noodle: Tokyo metro offers free food to ease crowding</a></li>
</ul>
ภาพ REUTERS

โตเกียวเมโทร ผุดเเผนแก้ปัญหาเเออัดในชั่วโมงเร่งด่วน เเจก "อาหารฟรี" ชวนผู้โดยสารมาเเต่เช้าตรู่

<h2 class="p2">ท่องเที่ยวญี่ปุ่นบูม จำนวนนักท่องเที่ยวปี 2018 มากสุดเป็นประวัติการณ์ ทำสถิติใหม่ 31.19 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.7 % เติบโตต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 </h2>
องค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) เปิดเผยว่า ในปี 2018 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศญี่ปุ่นมากถึง 31.19 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8.7% ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากชาติในเอเชีย โดยเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนกว่า 8 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 13.9%) นักท่องเที่ยวชาวเกาหลีใต้ 7.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 5.6%) และนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน 4.8 ล้านคน
ส่งผลให้ญี่ปุ่นมีเงินสะพัดด้านการท่องเที่ยวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.5 ล้านล้านเยน (4.15 หมื่นล้านเหรียญ) นักท่องเที่ยวจีนเป็นผู้ที่ใช้จ่ายเงินมากที่สุดที่ 1.54 ล้านล้านเยน คิดเป็น 1 ใน 3 ของการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดในญี่ปุ่นในปีดังกล่าว
ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติยังคงเพิ่มขึ้นตลอดทั้งปี ยกเว้นในเดือนกันยายน ที่มีนักท่องเที่ยวลดลงจากปีก่อน จากเหตุพายุไต้ฝุ่นและแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ทำให้ต้องปิดทำการสนามบินใน Osaka และ Hokkaido ชั่วคราว
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ญี่ปุ่นมีนักท่องเที่ยวเติบโตสูงขึ้นทุกปีนั้น ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายการยกเลิกการขอวีซ่า สำหรับนักท่องเที่ยวในหลายประเทศ เช่น รัสเซีย อินเดียและฟิลิปปินส์ รวมไปถึงโปรโมชั่นการส่งเสริมการขายภายในประเทศ
“ความพยายามของรัฐบาลได้ผลตามที่ต้องการ เเละมีเป้าหมายที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้ถึง 40 ล้านคนให้ได้”  Keiichi Ishii รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวญี่ปุ่น (MLIT) กล่าว
การท่องเที่ยวถือเป็นหนึ่งในเสาหลักสำคัญที่ช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจของญี่ปุ่น ขณะที่กำลังเผชิญผลกระทบจากวิกฤตประชากรและการบริโภคที่ลดลง โดยรัฐบาลตั้งเป้าที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศให้ได้ 40 ล้านคนในปี 2020 ที่กรุงโตเกียวจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก
โดยเมื่อวันที่ 7 มกราคมที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้ประกาศมาตรการเก็บภาษีขาออกสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทุกคน “ไม่ว่าจะถือสัญชาติใดก็ตาม” หรือที่เรียกกันว่า “ภาษีซาโยนาระ” ถือเป็นค่าธรรมเนียมการออกจากแผ่นดิน ในอัตราคนละ 1,000 เยน ( 9.22 เหรียญหรือราว 295 บาท) ให้มีผลบังคับใช้แล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งรัฐบาลจะนำรายได้ส่วนนี้ไปพัฒนาส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ

<ul>
 	<li class="p2">อ่านรายละเอียด : <a href="http://forbesthailand.com/news/travel/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7-%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%87%E0%B8%9A.html">ญี่ปุ่นเก็บ “ภาษีซาโยนาระ” 1,000 เยนจากผู้โดยสารขาออกจากประเทศ ทั้งทางเครื่องบินและเรือ</a></li>
</ul>
&nbsp;
ที่มา

<ul>
 	<li><a href="https://japantoday.com/category/national/no.-of-foreign-tourists-to-japan-hits-record-high-31-mil.-in-2018">Japan today : No. of foreign tourists to Japan hits record high 31.19 mil in 2018</a></li>
 	<li><a href="https://www.dailymail.co.uk/wires/afp/article-6597637/Japan-sees-record-31-million-tourists-2018.html">AFP : Japan sees record 31 million tourists in 2018</a></li>
</ul>
ภาพ Kazuhiro NOGI / AFP

ญี่ปุ่นฮิตต่อเนื่อง นักท่องเที่ยวมาเยือน ทุบสถิติ 31.19 ล้านคนในปี 2018

<h2>ญี่ปุ่นเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเมื่อเดินทางออกนอกประเทศ คนละ 1,000 เยน เพื่อนำไปพัฒนาเเละส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีผลบังคับใช้ตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไป</h2>
สำนักนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ในวันที่ 7 มกราคม 2562 ถึงมาตรการเก็บภาษีขาออกสำหรับนักท่องเที่ยวและนักธุรกิจทุกคน "ไม่ว่าจะถือสัญชาติใดก็ตาม" หรือที่เรียกกันว่า "ภาษีซาโยนาระ" ถือเป็นค่าธรรมเนียมการออกจากแผ่นดิน ในอัตราคนละ 1,000 เยน ( 9.22 เหรียญหรือราว 295 บาท) มีผลบังคับใช้แล้วอย่างเป็นทางการ โดยจะรวมอยู่ในราคาตั๋วโดยสาร ซึ่งจะมีผลกับพลเมืองผู้มีอายุ "2 ปีขึ้นไป" ที่เดินทางออกนอกประเทศ แต่ผู้โดยสารซึ่งแวะพักเปลี่ยนเที่ยวบินที่ญี่ปุ่นภายในระยะเวลาไม่เกิน 24 ชั่วโมงจะได้รับการยกเว้น

โดยรัฐบาลญี่ปุ่น ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี Shinzo Abe ตั้งเป้าจะเก็บภาษีดังกล่าวให้ได้ราว 5 หมื่นล้านเยน (ราว 460 ล้านเหรียญ) ในปีงบประมาณ 2562 เพื่อนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเเละโปรโมทการท่องเที่ยว เช่น การปรับปรุงการตรวจคนเข้าเมืองให้รวดเร็ว นำมาพัฒนาเทคโนโลยีจดจำใบหน้า (facial recognition) เพื่อนำมาใช้งานจริงในสนามบิน การประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวรู้จักเเหล่งท่องเที่ยวใหม่ในเมืองรอง นอกเหนือจากการเที่ยวในเมืองใหญ่อย่างกรุงโตเกียว เกียวโตเเละโอซาก้า เป็นต้น

ปัจจุบัน รัฐบาลญี่ปุ่นมีนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวเพื่อสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาให้ได้ 40 ล้านคนในปี 2563 ในโอกาสที่กรุงโตเกียวเป็นเจ้าภาพแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ซึ่งปีที่ผ่านมามีชาวต่างชาติกว่า 30 ล้านคนมาเยือนญี่ปุ่น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวเอเชียอย่างจีน เกาหลีใต้เเละไต้หวัน ขณะเดียวกันญี่ปุ่นก็ยังคงครองเเชมป์เป็นจุดหมายปลายทางอันดับ 1 ของคนไทยอีกด้วย

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.japantimes.co.jp/news/2019/01/01/national/japan-begin-collecting-1000-departure-tax-next-monday/?fbclid=IwAR3UlyVvJDaXtdSMtvsag1qaN9Hy_Wrzrn-fXIfVbkNmQMEiJLZlQdLu0VY#.XDMmPxN97Jw">Japan to begin collecting ¥1,000 departure tax</a></li>
</ul>
&nbsp;

ภาพ MasashiWakui / pixabay

เริ่มเเล้ว! ญี่ปุ่นเก็บ "ภาษีซาโยนาระ" 1,000 เยนจากผู้โดยสารขาออกจากประเทศ ทั้งทางเครื่องบินและเรือ

<h2>Seven Stars in Kyushu รถไฟหรูขบวนแรกบนเกาะ Kyushu เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน ออกเดินทางจาก Fukuoka ผ่าน Oita Miyazaki Kagoshima และ Yamamoto แวะเมืองที่เป็นไฮไลต์ของ Kyushu อย่าง Yufuin และ Nagasaki ขบวนรถหรูหราทั้งภายนอกและภายในด้วยการตกแต่งงานศิลป์ จากฝีมือระดับศิลปินแห่งชาติของญี่ปุ่น</h2>
รถไฟที่มีชื่อเสียงมานานอย่าง Orient-Express อาจเป็นภาพลักษณ์ของการโดยสารรถไฟหรูของศตวรรษก่อน ที่มากับความเนิบช้า เก่าแก่ เป็นความหรูหราในแบบของยุคโบราณหรือที่ฝรั่งชอบเรียกกันว่า bygone era มีขบวนรถไฟหรูเช่นนี้ให้บริการอยู่ในทวีปต่างๆ ทั่วโลก แม้ในปัจจุบัน

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/98ebc800744d2a14c75fcca5caa95cf1.png" alt="" />

แต่ความหรูแบบเดิมๆ นี้เทียบไม่ได้เสียแล้วกับความหรูแบบ over the top ของรถไฟลักชัวรีแบบญี่ปุ่นที่เกิดขึ้นมาด้วยความที่ว่าคนญี่ปุ่นนั้น เคยเป็นกองทัพนักท่องเที่ยวบุกโลกในทุกรูปแบบ แต่แล้ววันหนึ่งเมื่อสภาพสังคมและเศรษฐกิจของญี่ปุ่นเปลี่ยนไป คนญี่ปุ่นที่มีเงินหันมาเที่ยวในประเทศมากขึ้น จึงมีการสร้างสรรค์โปรดักส์การท่องเที่ยวสำหรับ “ไฮเอนด์” ขึ้นเพื่อตอบสนองกลุ่มคนดังกล่าว โดยเฉพาะรถไฟหรู ที่หรูยิ่งกว่าโรงแรม 5-6 ดาวเสียอีก

Seven Stars in Kyushu เป็นรถไฟหรูขบวนแรกของญี่ปุ่น เริ่มให้บริการครั้งแรกเมื่อ 3 ปีก่อน บนเกาะ Kyushu โดยเริ่มต้นออกเดินทางจาก Fukuoka ผ่าน Oita Miyazaki Kagoshima และ Yamamoto แวะเมืองที่เป็นไฮไลต์ของ Kyushu อย่าง Yufuin และ Nagasaki

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/49cdef21a2716e93024dfffa04c2e957.png" alt="" />

ทว่าเรื่องเส้นทางท่องเที่ยวดูจะไม่ใช่ประเด็นเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับความหรูหราของตัวรถไฟและการบริการแบบ 5 ดาวที่ยากจะหาใครทัดเทียมได้ เมื่อต้นปีนี้ เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ The Telegraph ได้ลิสต์รถไฟ Seven Stars ว่าเป็นหนึ่งในขบวนรถไฟหรูที่สุดของโลก ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจเพราะเราต่างก็ทราบดีว่า เวลาญี่ปุ่นหรูนั้นเขาหรูประณีตกันขนาดไหน

ขบวนรถไฟ Seven Stars มีด้านนอกของตัวรถไฟที่เงาวับราวกับเครื่องไม้เคลือบแลคเกอร์ของญี่ปุ่น บริเวณทางเดินภายในตู้โดยสารห้องพักตกแต่งด้วยไม้เนื้อดี โดยแต่ละตู้ใช้ไม้ต่างชนิดบุเป็นผนังและเพดาน จึงให้สีและบรรยากาศที่ต่างกันไป ทั้งยังมีฉากไม้สไตล์ญี่ปุ่นที่แสนบอบบางประดับอยู่ด้วย จนผู้เดินทางอดหวั่นเกรงไม่ได้ว่าเมื่อเดินโยกเยกไปตามแรงเหวี่ยงของรถไฟแล้ว อาจจะไปกระแทกหรือพิงจนของเขาหักพังเสียหายได้

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6419a1ab58ad12a99e51900df0fe18c6.png" alt="" />
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/70a77c0921b47302d70fae08c236afda.png" alt="" />

ไม่เพียงเท่านั้นเมื่อเข้าไปในแต่ละห้องพักยังมีงานอาร์ตที่เป็นศิลปะของขึ้นชื่อของ Kyushu ประดับไว้ด้วยอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะเครื่องพอร์ซเลนอาริตะ (Arita Porcelain) วาดลวดลายด้วยมือและใช้สีส้มพิเศษแต่งแต้มที่เรียกว่า คาคิเอมง (Kakiemon)

อ่างล้างมือในห้องน้ำของห้องพักแต่ละห้องนั้น เป็นอ่างกระเบื้องเคลือบที่ออกแบบวาดลวดลายแบบหนึ่งเดียว โดยฝีมือของ Sakaida Kakiemon ที่ 4 ช่างศิลป์ระดับศิลปินแห่งชาติของญี่ปุ่นที่ฝากผลงานไว้กับรถไฟขบวนนี้เป็นผลงานครั้งสุดท้ายเพราะเขาเสียชีวิตก่อนรถไฟจะเริ่มการเดินทางเที่ยวแรกเพียงไม่กี่เดือน

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/02877b447cad57973e8b6d0890f451cd.png" alt="" />

ห้องพักภายในรถไฟ Seven Stars มีเพียง 12 ห้องคู่ และ 2 ห้องสวีท แม้จะตกแต่งแบบมีกลิ่นอายของญี่ปุ่นดั้งเดิม แต่ก็มีเครื่องอำนวยความสะดวกทันสมัยไฮเทคโนโลยีครบครนทุกอย่างเช่นเดียวกับโรงแรมชั้นหนึ่งของโลกโดยทั่วไป

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5d427d3ef1d454280a02f97eba8b7c2e.png" alt="" />

นอกจากนั้นแล้ว ขบวนรถไฟ Seven Stars ยังมีตู้ห้องอาหารและห้องเลานจ์ด้วย โดยที่เลานจ์มีบาร์เสิร์ฟเครื่องดื่มและนักดนตรีบรรเลงเปียโน ไวโอลินให้ฟังเพลิน และผู้โดยสารอาจไปนั่งชมวิวที่หน้าต่างบานกระจกบานกว้างที่ท้ายขบวนในห้องเลานจ์นั้นได้

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a363b8c28bfca8190068ef47361a2177.png" alt="" />

เมื่อพูดถึงห้องอาหาร อาหารบนรถไฟ Seven Stars ก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของความหรูหราที่จะไม่กล่าวถึงไม่ได้ เพราะมีอาหารชั้นเยี่ยมจัดให้รับประทานทุกมื้อ ตั้งแต่อาหารเย็น 10 คอร์สแบบ Kaiseki อาหารกลางวันแบบ Bento จากร้านขึ้นชื่อที่สุดบนเมืองทางผ่าน อาหารแบบฝรั่งที่เชฟประกอบสดๆ บนรถไฟ และอาหารเช้าเพื่อสุขภาพที่จัดให้รับประทานแบบบุฟเฟต์ที่สถานีซึ่งจอดพักค้างคืน

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/80b7c1261e04133f6b1efe5fe7770ef7.png" alt="" />
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1d088f2adf356ddd01c0007091b252a5.png" alt="" />

ถ้าเดินทางไปกับรถไฟแบบ 2 วัน 1 คืน รถไฟจะจอดพักค้างคืนในจุดสถานีรถไฟที่กำหนดไว้ แต่ถ้าเป็นคอร์สเดินทางแบบ 4 วัน 3 คืน จะมีคืนหนึ่งที่ผู้เดินทางได้เดินทางไปพักค้างยังเรียวกังระดับ 5 ดาว เพื่อแช่น้ำพุร้อน และสัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบท้องถิ่น Kyushu อย่างแท้จริง โดยมีรถโค้ชวีไอพี Seven Stars ที่วิ่งตามรถไฟมาตลอดให้บริการต่อในส่วนนี้เพื่อจะได้ไม่ต้องไปใช้บริการรถของคนอื่นที่ไม่แน่ใจว่าจะได้ระดับความหรูที่ต้องการหรือไม่

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f4bde6164de898de3c3ec6fec001cfc4.png" alt="" />
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c3475726e00c5e06017409dacce45766.png" alt="" />

ก่อนจะขึ้นไปใช้บริการรถไฟ Seven Stars ได้ ผู้ที่อยากไปสัมผัสประสบการณ์สุดหรูนี้บ้างต้องยื่นใบสมัครขอจองการเดินทางในช่วงวันเวลาที่กำหนด อาทิ เมื่อช่วงกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทางรถไฟได้เปิดให้ยื่นขอจองการเดินทางระหว่างเดือนตุลาคม 2017-กุมภาพันธ์ 2018 ไปแล้ว จากนั้นจะมีการ “สุ่ม” ผู้โชคดีขึ้นมาจากใบสมัครดังกล่าว เรียกว่าถึงมีสตางค์ก็ซื้อไม่ได้ ต้องมีโชคร่วมด้วย โดยราคาเริ่มต้นสำหรับคอร์ส 4 วัน 3 คืน ห้องคู่คือราวคนละ 9 แสนเยน และราคาสูงสุดคือ 1 ล้าน 5 แสนเยน

&nbsp;
<h2>More Luxury Trains in Japan</h2>
<ul>
 	<li>Train Suite Shiki-Shima ขบวนรถไฟตู้นอน ทั้งขบวนมี 17 ห้อง แต่ละห้องเป็นห้องสวีท ตัวรถไฟสร้างอย่างทันสมัย ไฮเทค ออกแนว futurism ออกเดินทางจากสถานี Ueno ผ่าน Tochigi เห็นวิว Nikko วิ่งขึ้นไป Hokkaido เห็นวิวเมือง Hakodate และลงมายัง Yamagata เมือง Tsuruoka และวนมายัง Niigata เมือง Tsubame มีโปรแกรมเดินทางตั้งแต่ 2 วัน 1 คืน ถึง 4 วัน 3 คืน <a href="http://www.jreast.co.jp/shiki-shima/en/">http://www.jreast.co.jp/shiki-shima/en/</a></li>
 	<li>Twilight Express Mizukaze เดินทางระหว่าง Kyoto/Osaka กับ Shimonoseki ในจังหวัด Yamaguchi บนเส้นทางเลียบทะเลญี่ปุ่น ในขบวนมีแค่ 16 ห้อง ภายในรถไฟตกแต่งสไตล์ตะวันตกทันสมัย มีโปรแกรมเดินทางตั้งแต่ 2 วัน 1 คืน และ 3 วัน 2 คืน <a href="http://twilightexpress-mizukaze.jp/en/">http://twilightexpress-mizukaze.jp/en/</a></li>
</ul>
ทั้งสองขบวนใช้ระบบการยื่นใบสมัครขอเดินทางและจับสลากสุ่มผู้โชคดีเช่นกัน

&nbsp;

เรื่องและภาพ: Nisarat Sitasuwan

<hr />

<a href="http://goo.gl/hxJLvV">อ่านบทความอื่นๆ ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กันยายน 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/hxJLvV"><img style="width: 250px; height: 330px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/e09455f207b9668923eadb71ef5fb133.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events