<h2>ใครเข้า 7-Eleven แล้วอาจจะเคยเห็นมุมขนมไทยกลุ่มวุ้นกะทิ และขนมไทยที่ใส่ในถ้วย มีขนมไทยที่ชื่อแบรนด์ EZY SWEET ซึ่งผลิตโดย “คุณเก๋ขนมหวาน” ที่นอกจากจะสร้างยอดขาย 100 ล้านชิ้น/ปี กวาดรายได้ไปกว่า 387 ล้านบาท ยังตั้งเป้าดันขนมไทยเป็น Soft Power</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดเริ่มต้นของ “คุณเก๋ขนมหวาน” เริ่มต้นในปี 2540 ซึ่งตอนนั้นเป็นเพียงร้านขายขนมเล็กๆ ที่ผลิตอยู่หลังร้านขายยา แต่สามารถพลิกโอกาสครั้งสำคัญเมื่อได้ออกบูธในงาน Thaifex ปี 2549 จนนำไปสู่การวางจำหน่ายใน 7-Eleven เป็นครั้งแรกในปี 2551 ด้วยเมนูวุ้นกะทิมะพร้าวอ่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความมุ่งมั่นในการพัฒนามาตรฐานการผลิตทำให้ปี 2555 บริษัทได้รับมาตรฐาน GMP &amp; HACCP ส่งผลให้แบรนด์เพิ่มความสามารถในการแข่งขันในตลาดขนมหวานพร้อมทานได้อย่างแข็งแกร่ง และได้รับความไว้วางใจให้ผลิต OEM ให้ 7-Eleven ภายใต้แบรนด์ “EZY SWEET” ต่อยอดการพัฒนาร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จนขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของขนมไทยใน 7-Eleven เลยทีเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มนสวรรณ ศรัณย์เวชกุล CEO บริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด กล่าวว่า “ขนมไทยของเราเกิดจากการพัฒนาสินค้าร่วมกับ 7-Eleven เราเชี่ยวชาญด้านขนมไทย ซึ่งกำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ธุรกิจขนมไทยที่เติบโตจากขนมวุ้นที่ผลิตและจำหน่ายหน้าร้านขายยาของสามี สู่การเป็นโรงงานผลิตขนมไทยมาตรฐานสากล ด้วยกำลังการผลิต 120,000 ชิ้น/วัน ยอดขายกว่า 100 ล้านชิ้น/ปี”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/NzGUDKFozjTCJ74WeXgq.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="NzGUDKFozjTCJ74WeXgq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน คุณเก๋ขนมหวาน กลายเป็นผู้นำแบรนด์ขนมไทยและวุ้นอันดับ 1 ใน 7-Eleven ที่มีการจัดจำหน่ายทุกสาขาทั่วประเทศ โดยมีกลุ่มสินค้าหลัก 3 ประเภท ได้แก่ กลุ่มขนมหวานบรรจุถ้วย เช่น ข้าวโพดมะพร้าวอ่อนกะทิสด สาคูเปียกข้าวโพด บัวลอยเผือกมะพร้าวอ่อน สาคูเมล่อน, กลุ่มวุ้น เช่น วุ้นเป็ดกะทิ วุ้นนานาชนิด และลูกชุบแฟนซี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระบุผลประกอบการบริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด ไว้ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ปี 2564 รายได้ 162,692,058 บาท กำไร 1,079,412 บาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ปี 2565 รายได้ 239,528,462 บาท กำไร 1,576,029 บาท &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ปี 2566 รายได้ 275,920,968 บาท กำไร 18,969,712 บาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนในปี 2567 ขนมไทย by คุณเก๋ขนมหวาน เติบโตแบบก้าวกระโดด ด้วยยอดขายทะลุ 387 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ย 40 ล้านบาทต่อเดือน โดยมีขนมไทยที่จำหน่ายโดย 7-Eleven รวม 14 SKU และช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ มากว่า 100 SKU นอกจากนี้ยังมีแผนขยายช่องทาง E-Commerce บนแพลตฟอร์มออนไลน์อย่าง Facebook / Line / TikTok Shop เพื่อเข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/9dTtMg6kd6tNeuDy3ZmB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9dTtMg6kd6tNeuDy3ZmB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มนสวรรณ บอกว่า ความสำเร็จที่เกิดขึ้นมาจากโมเดลธุรกิจที่มุ่งเน้นการเข้าใจ Customer Insight และ Product Innovation ภายใต้แนวคิด ‘นวัตกรรมคือหัวใจสำคัญ’ ซึ่งบริษัทเน้นการเพิ่มมูลค่า (Value Creation) ต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิมให้มีมูลค่าเพิ่ม ผ่าน Brand Storytelling, Packaging Design และการทำ Collaboration กับพาร์ทเนอร์ทั้งในและต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์หลักที่ช่วยให้แบรนด์เติบโตแบบก้าวกระโดด มีดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1.Product Innovation: สร้างสรรค์ขนมไทยรูปแบบใหม่ที่ผสานรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการ เช่น ขนมไทยเพื่อสุขภาพ และขนมไทย Functional Food&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2.Multi-Channel Distribution: ขยายการจำหน่ายผ่านทั้ง Modern Trade, E-Commerce และ Horeca (โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3.Brand Marketing: ใช้ Influencer และแคมเปญ Social Media เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4.Export Expansion: ปูทางสู่ตลาดต่างประเทศ โดยแบรนด์มีแผนลุยตลาด CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) ในปี 2569 พร้อมนำเสนอขนมไทยในรูปแบบที่เหมาะสมกับตลาดโลก เช่น ขนมไทยพร้อมทานที่ยืดอายุได้นานขึ้น ยังคงรสชาติแบบต้นตำรับ โดยไม่ใช้สารกันบูด​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/acaF9DeEo38hTiT8ftvN.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="acaF9DeEo38hTiT8ftvN.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนในปี 2568 คุณเก๋ขนมหวานตั้งเป้ายอดขายทะยานสู่ 600 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์ Soft Power และ ESG Model&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มนสวรรณ กล่าวว่า “ขนมไทยไม่ใช่แค่ของหวาน แต่คือมรดกทางวัฒนธรรมที่เราภาคภูมิใจและพร้อมส่งต่อให้ทั่วโลกได้ลิ้มลอง ด้วยแนวคิดนี้ แบรนด์จึงเดินหน้าผลักดันขนมไทยให้เป็นมากกว่าของกินเล่น&nbsp; &nbsp; "เรามุ่งมั่นเป็นผู้นำตลาดขนมไทยพร้อมทานอันดับหนึ่งใน 7-Eleven ด้วยยอดจำหน่ายเกือบ 400 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และปริมาณการผลิตมากกว่า 100 ล้านชิ้นต่อปี สะท้อนถึงความเชี่ยวชาญและความเป็นผู้นำด้านขนมไทย โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จาก กะทิ และ ผลิตภัณฑ์ทางเกษตร อาทิ ทับทิมกรอบ สาคูเปียกข้าวโพด บัวลอยเผือก รวมถึงวุ้นเป็ดมะพร้าวอ่อน วุ้นแฟนซี และลูกชุบ ซึ่งได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ภายใต้แบรนด์ EZY SWEET&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราให้ความสำคัญกับนวัตกรรมและการสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดได้อย่างต่อเนื่อง 3-4 SKU ต่อเดือน เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภครุ่นใหม่ที่มองหาขนมไทยที่มีคุณภาพ รสชาติเยี่ยม และสะดวกในการบริโภค&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นอกจากนี้ เรายังพัฒนาไลน์สินค้าเฉพาะเทศกาล เช่น ลูกชุบคริสต์มาส และวุ้นส้มนมสด เราพร้อมขยายการผลิตให้ครอบคลุมทั้งกลุ่ม Mass และ Premium Mass ผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย เพื่อยกระดับขนมไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/03/bNv27FJrmJhaMTAKjJ1e.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bNv27FJrmJhaMTAKjJ1e.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"><figcaption><div>มนสวรรณ ศรัณย์เวชกุล</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากการขยายตลาด บริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด ยังให้ความสำคัญกับ โมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (BCG Model) และ ESG Model โดยมุ่งเน้นการใช้วัตถุดิบจากเกษตรกรไทย เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชน ลดของเสียจากการผลิต และพัฒนาบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก เช่น บรรจุภัณฑ์ที่นำกลับมารีไซเคิลได้ 100% และยังมีแผนปรับสูตรขนมให้ตอบโจทย์เทรนด์สุขภาพ เช่น ลดน้ำตาล เพิ่มส่วนผสมจากธรรมชาติ และใช้นวัตกรรมอาหารเพื่อยืดอายุผลิตภัณฑ์ ซึ่ง บริษัทเป็น SMEs เพียงรายเดียวที่ได้รับรางวัล BCG Model โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“อนาคตของขนมไทย จะไม่ใช่แค่ขนม แต่คือ Soft Power ที่ทรงพลัง ตลาดขนมไทยกำลังเปลี่ยนโฉมไปสู่ Thai Dessert 4.0 ซึ่งไม่ใช่แค่ของหวานที่รับประทานหลังมื้ออาหาร แต่เป็นสินค้าที่สะท้อนถึงวัฒนธรรม, คุณค่า และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย เราจึงเดินหน้าปั้นแบรนด์ให้เติบโตสู่ระดับโลก ภายใต้แนวคิด ‘อร่อย ทันสมัย คุ้มค่า และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม’ โดยมีเป้าหมายทางธุรกิจที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2570 ส่วนเป้าหมายทางวัฒนธรรมคือเราอยากสร้างการจดจำให้ขนมไทยคือมรดกทางวัฒนธรรมไทยที่มีชีวิต” มนสวรรณ กล่าวทิ้งท้าย ภาพ: บริษัท คุณเก๋ขนมหวาน จำกัด เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/7-sme-products-sales-exceed-100-million-baht" alt="7 สินค้า SME ขายดีในเซเว่นฯ ยอดขายปังทะลุ 100 ล้านบาท">7 สินค้า SME ขายดีในเซเว่นฯ ยอดขายปังทะลุ 100 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

รู้จัก ‘คุณเก๋ขนมหวาน’ ขายขนมไทยเข้า 7-Eleven ยอดขายปีละ 100 ล้านชิ้น

<h2>สื่อ NHK ของญี่ปุ่นรายงานว่าครอบครัวผู้ก่อตั้ง Seven &amp; i ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของของ 7-Eleven ได้มีการเจรจาเสนอให้เครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP Group) จากไทยเข้าลงทุนซื้อกิจการ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 30 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา NHK เผยว่าครอบครัวผู้ก่อตั้ง Seven &amp; i กำลังเตรียมการซื้อหุ้นทั้งหมดคืนจากตลาดหลักทรัพย์ (Management Buyout หรือ MBO) เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าครอบครองกิจการจากบริษัทสัญชาติแคนาดา Alimentation Couche-Tard ที่ก่อนหน้านี้มีการเสนอเข้าซื้อกิจการ Seven &amp; i ในมูลค่า 4.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.58 ล้านล้านบาท) แต่ถูกปฏิเสธ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;CP Group คือตัวเก็งล่าสุดที่ Seven &amp; i เข้าทาบทามเพื่อดึงมาเป็นพันธมิตรในการซื้อหุ้นคืน โดยมูลค่าประเมินของบริษัท Seven &amp; i ตอนนี้อยู่ที่ราว 5.8 หมื่นล้านเหรียญ (ประมาณ 1.95 ล้านล้านบาท) การลงทุนเข้าซื้อกิจการที่อาจจะเกิดขึ้นนี้จึงนับได้ว่าเป็นการลงทุนเข้าซื้อกิจการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะช่วยให้ Seven &amp; i สามารถคงการบริหารจัดการในปัจจุบันไว้ได้ และช่วยลดแรงกดดันที่ต้องขายสินทรัพย์ที่ไม่ทำกำไรออกไป แม้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า Seven &amp; i อาจกำลังเล่นเกมเพื่อให้ Alimentation Couche-Tard เสนอราคาที่สูงขึ้นมากกว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Seven &amp; i ต้องตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจากบรรดาผู้ถือหุ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่ต้องการให้ขายสินทรัพย์ที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลัก (Non-core Assets) ทั้งซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านค้าปลีกเฉพาะทาง ตลอดจนแฟรนไชส์ร้านอาหารต่างๆ โดยเมื่อเดือนตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา Seven &amp; i ได้ประกาศก่อตั้งบริษัทโฮลดิ้งที่จะมาดูแลกิจการย่อย 31 กิจการที่ไม่ใช่สินทรัพย์หลัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ หลังมีกระแสข่าวดังกล่าวออกมา หุ้น CPALL ซึ่งดูแลธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่นในประเทศไทย ราคาช่วงเช้าปิดร่วงที่ 5.75% แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.reuters.com/business/retail-consumer/seven-i-founding-family-seeks-investment-thailands-charoen-pokphand-mbo-nhk-says-2025-01-30/" alt="Seven &amp; i founding family seeks investment from Thailand's Charoen Pokphand, NHK says">Seven &amp; i founding family seeks investment from Thailand's Charoen Pokphand, NHK says</a>​ภาพ: AFP เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/motoring/global/nissan-motor-cut-shift-and-workforce-in-2-us-factories" alt="Nissan สุดยื้อ! หลังยอดขายดิ่ง ปรับลดกำลังการผลิตในสหรัฐฯ พร้อมเสนอเงินให้พนักงานลาออก">Nissan สุดยื้อ! หลังยอดขายดิ่ง ปรับลดกำลังการผลิตในสหรัฐฯ พร้อมเสนอเงินให้พนักงานลาออก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจ้าของเซเว่นฯ จากญี่ปุ่น ชวน ‘เครือซีพี’ ร่วมลงทุนซื้อกิจการครั้งใหญ่ มูลค่าราว 1.95 ล้านล้านบาท

<h2>Seven &amp; i Holdings ยักษ์ใหญ่ค้าปลีกญี่ปุ่น เปิดเผยเมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2567 ที่ผ่านมาว่า บริษัทอยากเห็นร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดและขยายสาขาไปทั่วโลก โดยจะเร่งขยายตลาดเข้าสู่ยุโรป ละตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าเพิ่มจำนวนสาขาร้าน 7-Eleven ในทั่วโลกขึ้นอีก 18% ภายในปี 2030 หรือเพิ่มเป็น 100,000 สาขา กระจายไปใน 30 ประเทศ จากปัจจุบันอยู่ที่ 20 ประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ของ Seven &amp; i Holdings ซึ่งเกี่ยวข้องกับการขายทรัพย์สินในซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีประสิทธิภาพต่ำด้วย โดยกลยุทธ์เหล่านี้เกิดขึ้นหลังจากบริษัทได้รับแรงกดดันจากการเคลื่อนไหวของนักลงทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่ปีที่แล้ว บริษัทได้ประกาศปิดซูเปอร์มาร์เก็ต Ito-Yokado หลายสิบแห่ง, ออกจากธุรกิจเครื่องแต่งกาย และขายแผนกห้างสรรพสินค้า Sogo &amp; Seibu เป็นที่เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ยังตกลงที่จะใช้จ่ายมากกว่า 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อขยายร้านสะดวกซื้อในออสเตรเลียและสหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Michael DePinto หัวหน้า 7-Eleven ในอเมริกาเหนือ กล่าวว่า กลุ่มบริษัทจะ “แสวงหาโอกาสในการควบรวมกิจการในเชิงรุกต่อไป” ในภูมิภาคนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ValueAct Capital ซึ่งเป็นนักลงทุนในสหรัฐฯ ที่ได้แสดงความเห็นถึงการจัดสรรสินทรัพย์ของบริษัทแม่ 7-Eleven และพยายามไล่กรรมการผู้จัดการใหญ่ออก โดยกล่าวชมเชยแผนการปรับโครงสร้างของบริษัท และบอกว่าพวกเขาจะลงคะแนนเสียงเห็นชอบกับผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นคณะกรรมการ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.reuters.com/business/retail-consumer/japans-7-eleven-convenience-chain-targets-aggressive-global-growth-2024-04-23/" alt="Japan's 7-Eleven convenience chain targets aggressive global growth">Japan's 7-Eleven convenience chain targets aggressive global growth</a> ​Photo by <a href="https://unsplash.com/@thizisruby?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Ruby Khoesial</a> on <a href="https://unsplash.com/photos/white-and-red-concrete-building-during-nighttime-kgwPdpvXHH0?utm_content=creditCopyText&amp;utm_medium=referral&amp;utm_source=unsplash">Unsplash</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/global/travel/japan-hotel-prices-near-30-year-high" alt="ค่าโรงแรม ‘ญี่ปุ่น’ แพงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ท่ามกลางเงินเยนอ่อนค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเป็นประวัติการณ์">ค่าโรงแรม ‘ญี่ปุ่น’ แพงสุดในรอบเกือบ 30 ปี ท่ามกลางเงินเยนอ่อนค่า ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากเป็นประวัติการณ์</a>​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

บริษัทแม่ 7-Eleven ในญี่ปุ่น ประกาศขยายสาขาไปทั่วโลก ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 100,000 สาขาในปี 2030

<h2>เซเว่น-อีเลฟเว่น กว่า 14,500 สาขาทั่วไทย เพิ่มตัวเลือกการชำระเงิน 13 อี-วอลเล็ทจากต่างประเทศผ่านอาลีเพย์พลัส (Alipay+) เพื่อความสะดวกในการชำระค่าสินค้าและบริการแก่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อาลีเพย์พลัส ได้ขยายเครือข่ายพันธมิตรผู้ให้บริการอี-วอลเล็ทต่างประเทศ รองรับการชำระเงินค่าสินค้าที่เซเว่น-อีเลฟเว่น&nbsp;&nbsp;(7-Eleven) กว่า 14,500 สาขาทั่วประเทศในไทย โดยอี-วอลเล็ทที่รองรับการชำระเงินได้แก่ MyPB by Public Bank Berhad จากมาเลเซีย, Naver Pay และ Toss Pay จากเกาหลีใต้, Changi Pay และ OCBC Digital จากสิงคโปร์ , GCash จากฟิลิปปินส์, Hipay จากมองโกเลีย , MPay จากเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, และ Tinaba จากอิตาลี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ อี-วอลเล็ท อาลีเพย์ (Alipay) จากจีนแผ่นดินใหญ่สามารถใช้ชำระค่าสินค้าและบริการในประเทศไทยได้มาตั้งแต่ปี 2015 ในขณะที่ AlipayHK จากเขตบริหารพิเศษฮ่องกงแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน, Kakao Pay จากเกาหลีใต้ และ Touch ‘n Go eWallet จากมาเลเชีย ที่เริ่มใช้บริการได้ตั้งแต่ปี 2023 และปัจจุบัน อาลีเพย์พลัส ให้บริการใน 57 ประเทศ โดยเชื่อมโยงผู้ค้ากว่า 88 ล้านรายทั่วโลกเข้ากับบัญชีผู้ใช้ 1.5 พันล้านบัญชีผ่านอี-วอลเล็ท และแอปชำระเงินชั้นนำกว่า 25 รายการ ในประเทศไทย&nbsp;​&nbsp; &nbsp; สำหรับเทศกาลตรุษจีนซึ่งเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมากกว่า 1 ล้านคนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย และคาดว่าจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศกว่า 28.4 พันล้านบาท (หรือราว 800 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศมากที่สุดในช่วงเทศกาลดังกล่าวคือนักท่องเที่ยวจากจีนแผ่นดินใหญ่ และนักท่องเที่ยวจากเขตบริหารพิเศษฮ่องกง&nbsp; &nbsp; โดยในส่วนเซเว่น-อีเลฟเว่นนั้น ปัจจุบันมีสาขากว่า 14,500 แห่งครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศไทย และไม่ได้เพียงเป็นร้านสะดวกซื้อที่เหมือนเป็นสวรรค์สำหรับผู้ที่ชื่นชอบในการรับประทาน แต่ยังเป็นร้านค้าที่มีสินค้าครบครันตอบโจทย์ในที่เดียวทั้งสินค้าพื้นฐานเพื่อการอุปโภคและบริโภค ของที่ระลึกและสินค้าพื้นบ้าน สินค้าเพื่อสุขภาพสำหรับคนรักสุขภาพ อาทิ ไข่ต้มพร้อมรับประทาน อกไก่พร้อมรับประทาน หรือเครื่องดื่มโปรตีนเชค เป็นต้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วีรเดช อัครผลพานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด กล่าวว่า “เคาน์เตอร์ เซอร์วิส ระบบเทคโนโลยีการชำระเงินชั้นนำระดับโลกที่เชื่อถือได้ ได้เสริมประสิทธิภาพและขอบเขตการให้บริการช่องทางการชำระเงินแบบดิจิทัลสำหรับการซื้อสินค้าและบริการที่ เซเว่น-อีเลฟเว่น เพื่ออำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันของผู้คน โดยให้บริการด้านการเงิน การชำระเงินค่าประกัน ค่าบัตรเข้าชมกีฬาและคอนเสริต ชำระเงินเพื่อการเดินทางท่องเที่ยวต่างๆ และจากกระแสความนิยมในการเดินทางท่องเที่ยวที่กำลังเพิ่มขึ้น เคาน์เตอร์ เซอร์วิส ได้มีการวางระบบเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว และพร้อมเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่เดินทางมาจากทั่วโลกด้วยช่องทางการชำระเงินแบบไร้เงินสดเพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่นักท่องเที่ยว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ขณะที่ สิทธิพงษ์ กิตติประภาพงศ์ ผู้จัดการทั่วไป ด้าน Global Merchant Partnership ประจำประเทศไทย แอนท์ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ประเทศไทยคือหนึ่งในจุดหมายปลายทางระดับโลกที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจและเรารู้สึกดีใจที่เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวผ่านการใช้งานเทคโนโลยีดิจิทัล และทำงานร่วมกับร้านค้า รวมถึงพาร์ทเนอร์อย่างกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวจีน และนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนมาประเทศไทย ผ่านความสะดวกและสร้างประสบการณ์การใช้จ่ายที่ไร้กังวลให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งเพื่อช่วยธุรกิจในประเทศให้สามารถสร้างรายได้ผ่านการเติมโตด้านการท่องเที่ยว เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/cp-all-sales-sme-products-through-7-eleven-in-2023-more-than-20-billion-baht" alt="ซีพี ออลล์ เผย ยอดขายสินค้า SME ผ่านร้านเซเว่นฯ ปี 66 กว่า 2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 เพิ่มสินค้าใหม่ 10%">ซีพี ออลล์ เผย ยอดขายสินค้า SME ผ่านร้านเซเว่นฯ ปี 66 กว่า 2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 เพิ่มสินค้าใหม่ 10%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ร้านเซเว่นฯ ทั่วไทย ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ รับชำระเงินด้วยอี-วอลเล็ทผ่านแอป Alipay+

<h2>ซีพี ออลล์ เผย ปี 2566 สินค้า SME ที่ขายผ่านร้านเซเว่นฯ ยอดขายพุ่ง ช่วยกระจายรายได้กลับสู่ชุมชน คิดเป็นมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาท พร้อมประกาศปี 2567 เดินหน้าธุรกิจต่อเนื่องด้วย "กลยุทธ์ 3 ให้" ตั้งเป้าเพิ่มสินค้า SME ใหม่ 10%&nbsp;</h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่ กล่าวว่า การดำเนินงานสนับสนุน SME ในปี 2566 ภายใต้ปณิธาน “Giving &amp; Sharing” และ “กลยุทธ์ 3 ให้” ได้แก่ 1. ให้ช่องทางขาย ทั้งในร้านและออนไลน์ 2. ให้ความรู้ ในการพัฒนาสินค้าจนแข่งขันได้ และ 3. ให้การเชื่อมโยงเครือข่าย&nbsp;ผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรภาครัฐและภาคเอกชนจัดโครงการและกิจกรรมต่างๆ ซึ่งถือว่าประสบผลสำเร็จเป็นที่น่าพอใจ สามารถสร้างผู้ประกอบการ SME หน้าใหม่ที่มีศักยภาพได้ 197 ราย เพิ่มจากปี 2565 ที่สร้างได้ 163 ราย ส่งผลให้เซเว่น อีเลฟเว่น มีผู้ประกอบการ SME ที่เป็นคู่ค้ารวมอยู่ที่ 1,216 ราย มีจำนวนสินค้า SME รวมทั้งสิ้น 9,763 รายการ เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า สามารถช่วยกระจายรายได้กลับสู่ชุมชนและท้องถิ่น ผ่านการมีส่วนร่วมในรูปแบบต่างๆ เช่น เกษตรกรผู้ปลูกสินค้าเกษตร เพื่อส่งให้ผู้ประกอบการนำไปแปรรูปเป็นสินค้าเพื่อจำหน่าย&nbsp; หรือในส่วนของชุมชน/วิสาหกิจชุมชนก็เข้ามามีส่วนร่วมในการที่ช่วยผลิตสินค้า เป็นการสร้างอาชีพและรายได้ให้กับชุมชน โดยคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกว่า 20,000 ล้านบาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/epgUJbJEGSF7FZjTpuVc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="epgUJbJEGSF7FZjTpuVc.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่เซเว่น อีเลฟเว่น ให้การสนับสนุนผู้ประกอบการ SME พบว่า สิ่งสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการ SME ประสบความสำเร็จคือ การได้รับแรงสนับสนุนที่ดีจากผู้บริโภค โดย เซเว่นฯ เป็นเพียงห้องเรียนและที่ปรึกษาในการช่วยเสริมสร้างองค์ความรู้ และพัฒนาศักยภาพ ผ่าน “กลยุทธ์ 3 ให้” เท่านั้น โดยมีผู้บริโภคเป็นครูคนสำคัญที่คอยให้โจทย์ในการพัฒนาสินค้า เพื่อให้ได้ตรงตามความต้องการและเป็นผู้สนับสนุนอย่างแท้จริง ผ่านกิจกรรมและโครงการการให้ความรู้หลากหลายด้าน ทั้งด้านการตลาดยุคใหม่ การเขียนคอนเทนท์กระตุ้นยอดขาย ด้านมาตรฐานการผลิต ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางอาหาร อาทิ โครงการ SME x Influencer, DIPROM MOVE TO MODERN TRADE สัมมนาโตไกลกับการตลาดยุคใหม่ เพราะเซเว่น อีเลฟเว่น เชื่อว่า รากฐานความรู้ คืออาวุธสำคัญ สู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน ท่ามกลางทุกสมรภูมิการค้า” ยุทธศักดิ์ กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/1yaBT83aivgXg6wEstzE.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1yaBT83aivgXg6wEstzE.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากด้านการให้ช่องทางขาย และการให้ความรู้แล้ว ในด้านการให้การเชื่อมโยงเครือข่าย ผู้ประกอบการ SME ต่างก็ให้ความสนใจไม่แพ้กัน โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมสูงถึง 399 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีจำนวน 291 ราย มีกิจกรรมเชื่อมโยง SME กับสถาบันการเงิน ช่วยให้ SME เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้น รวมถึงมีกิจกรรมเชื่อมโยงSME กับซัพพลายเออร์ รวมถึงผู้ประกอบการรายอื่น ยกระดับให้เกิดสินค้าและนวัตกรรมใหม่ๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริหารเซเว่น อีเลฟเว่น และเซเว่น เดลิเวอรี่&nbsp;กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับแผนการดำเนินงานปี 2567 เซเว่น อีเลฟเว่น จะยังคงเดินหน้าสนับสนุนและส่งเสริมผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่องผ่าน “กลยุทธ์ 3 ให้” ภายใต้ธีม “SME โตไกลไปด้วยกัน” พร้อมตั้งเป้าพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ SME ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย โดยเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนแผนงานดังกล่าวให้บรรลุเป้าหมายยังคงเป็น ศูนย์ 7-Eleven สนับสนุน SME ที่ดำเนินการให้คำปรึกษา สนับสนุน และส่งเสริมผู้ประกอบการ SME ในทุกด้านรวมถึงการจัดกิจกรรมและโครงการความร่วมกับพันธมิตรภาครัฐและเอกชนให้เพิ่มมากขึ้น พร้อมสานต่อโครงการเดิมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ SME อาทิ โครงการเซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอียั่งยืน, DIPROM MOVE TO MODERN TRADE ซึ่งในปีนี้จะเป็นปีที่ 3 และโครงการ Thailand Synergy เพื่อ SME ไทย ที่จะช่วยเพิ่มช่องทางขายให้กับ SME <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/A4n3Cdtg6ff9RnCu4SYn.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="A4n3Cdtg6ff9RnCu4SYn.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังเดินหน้าพัฒนากิจกรรมและโครงการใหม่ๆ เพื่อมุ่งสนับสนุน SME แบบรอบด้าน อาทิ โครงการ “ตอกเสาเข็มเพื่อ SME” หลักสูตรพิเศษถ่ายทอดองค์ความรู้แบบเข้มข้นให้แก่ผู้ประกอบการท้องถิ่นที่เป็นคู่ค้า เพื่อเสริมพื้นฐานในการดำเนินธุรกิจ โดยเริ่มโครงการไปแล้วเมื่อต้นปี 2567 หรือโครงการเตรียมความพร้อมสู่การระดมทุนในตลาดทุน เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีโครงการใหม่ที่อยู่ในแผนงานอีกหลายโครงการให้ผู้ประกอบการได้ร่วมพัฒนาเสริมศักยภาพ โดยจะขยายกรอบความร่วมมือไปยังต่างจังหวัด เพื่อขยายโอกาสให้กับผู้ประกอบการ SME และเกษตรกรได้เข้าถึงกิจกรรมดีๆ ง่ายขึ้น เพื่อสนับสนุนและส่งเสริม SME ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนอย่างแท้จริงในอนาคต <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/ZC6n1EB4tJR3Ev5VFcPH.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ZC6n1EB4tJR3Ev5VFcPH.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div>&nbsp; เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/suki-teenoi-2023-profit" alt="“สุกี้ตี๋น้อย” ปี 2566 กวาดกำไร 913 ล้านบาท">“สุกี้ตี๋น้อย” ปี 2566 กวาดกำไร 913 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ซีพี ออลล์ เผย ยอดขายสินค้า SME ผ่านร้านเซเว่นฯ ปี 66 กว่า 2 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าปี 67 เพิ่มสินค้าใหม่ 10%

<h2>Masatoshi Ito ประธานกิตติมศักดิ์ธุรกิจค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Seven &amp; i Holdings คือ ผู้อยู่เบื้องหลังเชนร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven กว่า 35,000 แห่งในญี่ปุ่น อเมริกาเหนือ จีน และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</h2>
<h2><img class="alignnone wp-image-63834 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/06/0x0.jpg" alt="Masatoshi Ito" width="416" height="416" /> </h2>
<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/masatoshi-ito/?sh=50f4ec09661c">Masatoshi</a> Ito ได้นำแนวคิดที่จะเปิดร้าน 7-Eleven ซึ่งขณะนั้นเป็นร้านสะดวกซื้อชั้นนำในสหรัฐอเมริกา มาสู่ญี่ปุ่นครั้งแรกในปี 1973 ผ่านทางข้อตกลงกับบริษัท Southland Corporation แล้วต่อมาในปี 1991 จึงนำ Ito-Yokado ห้างสรรพสินค้ากึ่งซุปเปอร์มาร์เก็ตของ Seven &amp; i Holdings เข้าถือหุ้นใหญ่ใน Southland ก่อนที่จะเข้าซื้อกิจการทั้งหมดในปี 2005

จากรายงานงบประมาณสิ้นสุดในเดือนมีนาคม 2022 ระบุว่า บริษัทมีรายรับ 8.75 ล้านล้านเยน (6.89 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 52 และกำไรสุทธิ 2.11 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 18 โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการเข้าซื้อกิจการ Speedway ผู้ประกอบการร้านสะดวกซื้อในสหรัฐฯ ที่มูลค่า 2.1 หมื่นล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา ขณะที่หุ้นของ Seven &amp; i เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 25 จากปีก่อน ส่งผลให้ Ito วัย 98 ปี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 6 เป็น 4.35 พันล้านเหรียญ 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบัน บริษัทกำลังเผชิญแรงกดดันจาก ValueAct Capital ใน San Francisco ซึ่งมีสัดส่วนการถือหุ้นใน Seven &amp; i ร้อยละ 4.4 ที่ได้มีการเขียนจดหมายถึงฝ่ายบริหารในเดือนมกราคมที่ผ่านมา เพื่อขอให้บริษัทพิจารณาเลิกกิจการนอกเหนือจากร้านสะดวกซื้อ เพื่อหันไปให้ความสำคัญกับธุรกิจที่มีอัตรากำไรสูงแทน

โดยหนึ่งในเป้าหมายนั้น คือ ห้างสรรพสินค้า Sogo &amp; Seibu เนื่องจากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ห้างสรรพสินค้าทั้งหมดในญี่ปุ่นมีรายรับลดลงประมาณร้อยละ 60 อยู่ที่ราว 3.9 หมื่นล้านเหรียญในปี 2021 ซึ่งล่าสุดทาง Seven &amp; i ก็ได้ตรวจสอบ “ความเป็นไปได้ทั้งหมด” และอยู่ระหว่างการทบทวนกลยุทธ์ของห้างสรรพสินค้า

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Japan’s 7-Eleven Tycoon Bucks The Trend By Doubling Down On Convenience Stores เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/การจัดอันดับ-50-มหาเศรษฐี-12.html">การจัดอันดับ 50 มหาเศรษฐีญี่ปุ่น ประจำปี 2022</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

Masatoshi Ito ประธานกิตติมศักดิ์แห่งเชนร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven

เรียงเรียงใหม่จาก "2020 ฤามอลล์จะท่วมเมือง" เรื่อง: พิชญ์สินี จิตรพลีชีพ ภาพ:&nbsp; Bangkok Post 
 
จากนี้จนถึงปี 2020 หรือ พ.ศ. 2563 เม็ดเงินอย่างน้อย 3 แสนล้านบาทจะถูกทุ่มลงไปในธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ ทั้งโครงการค้าปลีกอเนกประสงค์ขนาดนับแสนตารางเมตร ไปจนถึงมอลล์ชุมชน และร้านสะดวกซื้อตามหัวมุมถนน ทั้งจากผู้เล่นเดิม และผู้เล่นหน้าใหม่ที่เห็นความเย้ายวนของรายได้ ต่างดาหน้าเข้ามาสร้างความเติบโตให้กับธุรกิจที่มีมูลค่ารวมกว่า 2 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้เป็นอันดับสองของประเทศ และสร้างงานภาคบริการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ด้วยจำนวนผู้เกี่ยวข้องถึง 6.2 ล้านคน คำถามคือ จะมีลูกค้าเพียงพอต่อจำนวนห้างร้านค้าปลีกสมัยใหม่ที่ผุดขึ้นมากมาย 
 
ในวงการค้าปลีกสมัยใหม่ เซ็นทรัลกรุ๊ปถือเป็นผู้เปิดประวัติศาสตร์หน้าแรกให้กับธุรกิจค้าปลีกทันสมัย หรือ ห้างสรรพสินค้า นับตั้งแต่การเปิดห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลแห่งแรกขึ้นในย่านวังบูรพาเมื่อปี 2500 และการตามมาด้วยห้างสรรพสินค้า อาทิ ไทยไดมารู เดอะมอลล์ เมอร์รี่คิงส์ คาเธ่ย์ นิวเวิลด์ เวลโก้ เมโทร เป็นต้น พัฒนาการของการเปิดธุรกิจค้าปลีกทันสมัยของประเทศไทยเติบโตและท้าทายไปทุกกลุ่มตลาดทั้งการเปิดตัวกลุ่มร้านสะดวกซื้อ, ธุรกิจค้าปลีกประเภท Cash &amp; Carry, ธุรกิจค้าปลีกประเภทไฮเปอร์มาร์เก็ต หรือ ดิสเคาน์สโตร์ 
 
ภาวะวิกฤตต้มยำกุ้งปี 40 ทำให้ทุนต่างชาติเข้ามาร่วมทุนและซื้อกิจการจากผู้ประกอบการค้าปลีกที่ประสบปัญหาทางด้านการเงินจากสภาวะการณ์ที่ค่าเงินอ่อนตัวลงอย่างมาก ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจค้าปลีกในทุกภาคส่วนของการตลาด ทั้งการเข้ามาของทุนยักษ์ใหญ่ค้าปลีกจากต่างประเทศ การล้มหายของค้าปลีกไทย โชว์ห่วย รวมไปถึงห้างสรรพสินค้า &nbsp; 
 
ในปัจจุบันจากการเติบโตของโครงสร้างพื้นฐานของกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีเส้นทางการเดินรถไฟฟ้าที่เชื่อมเส้นทางต่างๆ เข้าด้วยกัน ยิ่งทำให้ธุรกิจค้าทันสมัยกำหนดกลุ่มเป้าหมายและทิศทางของทางการตลาดได้มากยิ่งขึ้น ในสมรภูมิ ร้านสะดวกซื้อ (Convenience Store) ที่มี 7-eleven เป็นเจ้าของตลาดโดยปัจจุบันมีสาขากว่า 8,000 สาขาทั่วประเทศ กลับมาแข่งขันมากยิ่งขึ้นเมื่อทุนจากต่างประเทศโดยเฉพาะญี่ปุ่นเข้ามาเป็นพันธมิตรธุรกิจกับทุนไทยที่พร้อมจะลุยในสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็น Lawson 108, FamilyMart, MaxValu, Foodland ที่ตั้งเป้าการขยายสาขา โดยมีการคาดการณ์ว่าใน 5-10 ปี ประเทศไทยจะมีร้านสะดวกซื้อถึง 30,000 สาขา เลยทีเดียว 
 
สำหรับทิศทางการลงทุนของศูนย์การค้าต่างๆ อย่าง 3 กลุ่มหลัก กลุ่มเซ็นทรัล, สยามพิวรรธน์ และ เดอะมอลล์ ได้ปรับตัวเองเข้าสู่ธุรกิจค้าปลีก Luxury และ Super Luxury อย่างเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างเมืองไทยเป็น Shopping Destination ของภูมิภาคพร้อมกับการเกิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน 
 
นอกจากร้านค้าสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และไฮเปอร์มาร์เก็ตแล้ว ธุรกิจค้าปลีกไทยได้พัฒนาและเปิดตัวค้าปลีกรูปแบบใหม่ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ ร้านค้าเฉพาะทาง หรือเรียกว่า สเปเชียลตี้สโตร์ ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ขนาดใหญ่ คอมมูนิตี้มอลล์ จนถึงซูเปอร์สโตร์ และไม่เพียงแต่นักธุรกิจเก่าในวงการค้าปลีกเท่านั้น ผู้ประกอบการจากวงการอื่นๆ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ เฟอร์นิเจอร์ แฟชั่นเสื้อผ้า ก็โดดเข้าร่วมสังฆกรรมในธุรกิจค้าปลีกด้วย 
 
แล้วห้างจะท่วมไทยไหม? เมื่อการพัฒนาธุรกิจค้าปลีกเกิดความหลากหลายเพื่อจับกลุ่มเป้าหมายของตนให้อยู่หมัด การบริหารจัดการตุ้นทุนที่ดีและเครือข่ายสินค้าจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะชี้วัดการอยู่รอดบนเส้นทางธุรกิจค้าปลีก และก่อให้อีกโฉมหน้าใหม่ของวงการค้าปลีกในปี 2020 ที่จะมาถึง
<hr />

	<a href="http://goo.gl/Zon5uK">คลิ๊กอ่าน "2020 ฤามอลล์จะท่วมเมือง" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ MARCH 2015</a>

2020 ฤามอลล์จะท่วมเมือง

<h2>สองสัปดาห์หลังเริ่มศักราชใหม่ ถนนสีลม ที่ตั้งของตึกซีพีทาวเวอร์ ยังอบอวลด้วยกลิ่นไอของเทศกาลเฉลิมฉลอง เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์หญิงพา 2 หนุ่มจาก Forbes Thailand ขึ้นลิฟต์สู่ชั้น 24 กองบัญชาการรบของ ก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ ประธานกรรมการบริหารและรองประธานกรรมการ บมจ. ซีพี ออลล์ เจ้าของเครือข่ายร้านสะดวกซื้อที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 7-Eleven</h2>
เราพร้อมกับ บัญญัติ คำนูณวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ผู้ดูแลภาพลักษณ์รวมของ ซีพี ออลล์ ก็ได้รับเชิญให้เข้าสู่ห้องประชุมขนาดเล็กของก่อศักดิ์ โดยเดินผ่านทางห้องเตรียมอาหารที่ใช้เสิร์ฟระหว่างการสนทนาในมื้อเที่ยงนี้

ย้อนหลังไปเมื่อปี 2531 กลุ่มซีพีเซ็นสัญญาซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์จากบริษัทแม่ 7-Eleven, Inc แห่งสหรัฐฯ (ปัจจุบันเจ้าของคือ บริษัทสัญชาติญี่ปุ่น Seven &amp; i Holdings หลังการซื้อกิจการปี 2548)

&nbsp;

เรื่อง: บำรุง อำนาจเจริญฤทธิ์ และ นพพร วงศ์อนันต์  ลายเส้น: จ๊ะโอ๋

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events