<h2>แอร์บัสและบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) ได้ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent: LoI) เพื่อดำเนินการปรับปรุงเครื่องบิน เอ350 (A350) ของสายการบิน โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับความสะดวกสบายของผู้โดยสารและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ด้วยการอัปเกรดห้องโดยสารด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการปรับปรุงเครื่องบินครั้งนี้จะอยู่ภายใต้การดูแลของแอร์บัส โดยในระหว่างกระบวนการปรับปรุง เครื่องบิน เอ350-900 (A350-900) ทั้งหมดในฝูงบินของการบินไทยจะได้รับการติดตั้งนวัตกรรมใหม่ล่าสุดสำหรับห้องโดยสาร เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางระดับพรีเมียมให้แก่ผู้โดยสารในเส้นทางบินระยะไกล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การอัปเกรดครั้งนี้จะครอบคลุมถึงที่นั่งชั้นธุรกิจ (Business Class) ‘Royal Silk’ โฉมใหม่ที่มีความทันสมัยและหรูหรายิ่งขึ้น รวมถึงที่นั่งในชั้นประหยัดพิเศษ (Premium Economy) และที่นั่งชั้นประหยัด (Economy Class) ที่ปรับปรุงใหม่ พร้อมระบบความบันเทิงบนเที่ยวบินที่ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การเดินทางที่ราบรื่นและน่าประทับใจในทุกเส้นทางของการบินไทย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การปรับปรุงห้องโดยสารในโครงการนี้มีกำหนดเริ่มต้นขึ้นในปี 2571 โดยเครื่องบินที่ได้รับการปรับปรุงจะทยอยกลับเข้าสู่การให้บริการเป็นระยะ เพื่อให้เกิดผลกระทบต่อการดำเนินงานของการบินไทยน้อยที่สุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Balinda Zhang หัวหน้าฝ่ายบริการเชิงพาณิชย์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกของแอร์บัส กล่าวว่า “แอร์บัสยินดีที่ได้สนับสนุนการบินไทยในการลงทุนที่มีความสำคัญครั้งนี้สำหรับฝูงบินของสายการบิน เพื่อให้เครื่องบิน A350 ของพวกเขายังคงมอบประสบการณ์การบินที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้โดยสาร การปรับปรุงห้องโดยสารครั้งนี้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ที่เรามีร่วมกันในการมอบความสะดวกสบายและประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้นให้กับสายการบินและลูกค้าของพวกเขา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อตกลงนี้เป็นสิ่งยืนยันการเป็นพันธมิตรที่ยาวนานของแอร์บัสกับการบินไทย และความมุ่งมั่นของแอร์บัสในการสนับสนุนกลยุทธ์การปรับปรุงฝูงบินของสายการบิน โดยเครื่องบิน A350 ซึ่งเป็นผู้นำด้านพิสัยบินไกล ยังคงเป็นเสาหลักที่สำคัญของเครือข่ายการบินของการบินไทย ซึ่งการปรับปรุงห้องโดยสารครั้งนี้จะช่วยเสริมสร้างให้เครื่องบินรุ่นมีความน่าดึงดูดใจสำหรับผู้โดยสารทั้งสำหรับชั้นพรีเมียมและชั้นประหยัดมากยิ่งขึ้น ภาพ: Airbus เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/travel/travel-style-gen-z-vs-boomer" alt="Gen Z ชอบแบ็กแพ็ก-เที่ยวเอง ส่วน ‘บูมเมอร์’ เน้นสบาย ชอบไปกับทัวร์ อินไซต์นักท่องเที่ยวจาก AirAsia">Gen Z ชอบแบ็กแพ็ก-เที่ยวเอง ส่วน ‘บูมเมอร์’ เน้นสบาย ชอบไปกับทัวร์ อินไซต์นักท่องเที่ยวจาก AirAsia</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘การบินไทย’ ผนึกกำลัง ‘แอร์บัส’ เตรียมอัปเกรดเครื่องบิน A350 ทันสมัยกว่าเดิม เริ่มต้นปี 2571

<h2>‘เวียตเจ็ท’ เสริมแกร่งฝูงบิน เซ็นเอ็มโอยู Castlelake บรรลุข้อตกลงซื้อเครื่องบินแอร์บัส A321neo รุ่นใหม่ 4 ลำ มูลค่ารวม 560 ล้านเหรียญสหรัฐ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ท (เวียดนาม) ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับ Castlelake บริษัทที่เชี่ยวชาญด้านการจัดการการลงทุนระดับโลก พร้อมด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี ด้านการลงทุนในสินทรัพย์ การให้เช่า และบริการเครื่องบิน ข้อตกลงดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาเงินทุนสำหรับการสั่งซื้อเครื่องบินจำนวน 4 ลำ มูลค่ารวม 560 ล้านเหรียญสหรัฐ พิธีดังกล่าวจัดขึ้น ณ งาน Vietnam-Ireland Business Forum โดยมีนาย To Lam เลขาธิการใหญ่และประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามร่วมเป็นสักขีพยาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายใต้บันทึกความเข้าใจดังกล่าว Castlelake จะจัดหาเงินทุนสำหรับการสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A321neo รุ่นใหม่จำนวน 4 ลำ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งซื้อระหว่างเวียตเจ็ทและแอร์บัส โดยเครื่องบินลำใหม่จะถูกส่งมอบภายในปี 2567&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การดำเนินการดังกล่าวต่อยอดจากการจัดหาเงินทุนสำหรับเครื่องบินแอร์บัส A321neo จำนวน 3 ลำ ที่สำเร็จแล้วในปี 2566 นอกจากนี้ ยังเป็นการวางรากฐานสำหรับความร่วมมือในอนาคต เพื่อสนับสนุนการขยายตัวและเสริมความแข็งแกร่งให้กับฝูงบินของเวียตเจ็ทที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Castlelake มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้กระชับความสัมพันธ์และสนับสนุนภารกิจของเวียตเจ็ทในการนำเสนอบริการการขนส่งทางอากาศที่ดีที่สุด ผ่านความเชี่ยวชาญด้านการลงทุนในสินทรัพย์และการเช่าซื้อเครื่องบินของเรา เราจะมุ่งมั่นดำเนินธุรกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งมองหาโอกาสเพิ่มเติมในการขยายความร่วมมือกับเวียตเจ็ทในอนาคต” Chris Buckley หุ้นส่วนและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของ Castlelake กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/10/9VVCjWAXXE27LFo8Up5n.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9VVCjWAXXE27LFo8Up5n.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,494"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dinh Viet Phuong ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวียตเจ็ท กล่าวว่า “ข้อตกลงในวันนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ของเวียตเจ็ทในการขยายฝูงบินและเครือข่ายการบินทั่วโลก เรามุ่งมั่นให้บริการเที่ยวบินที่ปลอดภัย สะดวกสบาย และคุ้มค่าด้วยเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย เชื่อมโยงนักเดินทางกับจุดหมายปลายทางยอดนิยมทั่วโลกผ่านการสนับสนุนทางการเงินระดับสากล บริการของเราไม่เพียงแต่ส่งเสริมการท่องเที่ยว แต่ยังขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศและทวีปต่างๆ อีกด้วย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน ฝูงบินจำนวนมากกว่า 100 ลำของเวียตเจ็ทประกอบด้วยเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัย ประหยัดพลังงาน และความปลอดภัยสูง อาทิ แอร์บัส A320, A321ceo, A321neo, A321neo ACF และ A330 สายการบินฯ มุ่งมั่นให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการประหยัดพลังงาน โดยตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน เวียตเจ็ทได้ให้บริการขนส่งผู้โดยสารไปแล้วกว่า 200 ล้านคน ซึ่งรวมถึงผู้โดยสารหลายล้านคนที่ได้มีโอกาสเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ทมุ่งมั่นเสริมทัพฝูงบินด้วยเครื่องบินลำใหม่เพื่อรองรับแผนการขยายเครือข่ายเส้นทางบินทั้งภายในเวียดนามและต่างประเทศ โดยขยายบริการไปยังจุดหมายปลายทางใหม่ๆ ในออสเตรเลีย อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย ลาว กัมพูชา และอีกมากมาย พร้อมด้วยความเป็นมืออาชีพและการทุ่มเทในการบริการของพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินของเวียตเจ็ท การขยายบริการดังกล่าวคาดว่าจะสามารถตอบสนองความต้องการของนักเดินทาง รวมถึงมอบประสบการณ์การเดินทางที่ยอดเยี่ยมและความสุขในทุกเที่ยวบินแก่ผู้โดยสาร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Castlelake ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2548 โดยมีการลงทุนทั้งทางตรงและทางอ้อมในการเช่าซื้อเครื่องบินมากกว่า 650 ลำ และร่วมมือกับสายการบินฯ กว่า 200 รายใน 60 ประเทศทั่วโลก เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/finance-and-investment/thai-airways-prepares-to-return-to-trading-in-the-stock-market" alt="‘การบินไทย’ ประกาศความสำเร็จแผนฟื้นฟู ทั้งลดคน-ปรับโครงสร้าง พร้อมก้าวสู่ขอบฟ้าใหม่ เข้าตลาดฯ อีกครั้ง">‘การบินไทย’ ประกาศความสำเร็จแผนฟื้นฟู ทั้งลดคน-ปรับโครงสร้าง พร้อมก้าวสู่ขอบฟ้าใหม่ เข้าตลาดฯ อีกครั้ง</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘เวียตเจ็ท’ จับมือ Castlelake บรรลุข้อตกลงซื้อเครื่องบินแอร์บัส 4 ลำ มูลค่ารวม 560 ล้านเหรียญ

10 อันดับ บริษัทนายจ้างที่ดีที่สุดในโลก ประจำปี 2024 

<h2>รายงานการคาดการณ์ด้านบริการทั่วโลกฉบับล่าสุดของแอร์บัสได้ระบุว่า มูลค่าของตลาดบริการเครื่องบินพาณิชย์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (รวมจีนและอินเดีย) จะเติบโตมากกว่าสองเท่าในอีก 20 ปีข้างหน้า โดยมูลค่าจะเพิ่มขึ้นจาก 52,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน เป็น 129,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2586</h2> &nbsp; &nbsp; รายงานการคาดการณ์ด้านบริการทั่วโลก (Global Services Forecast: GSF) ของแอร์บัส (Airbus) ฉบับล่าสุดนั้นเผยว่า การเติบโตของตลาดบริการเครื่องบินพาณิชย์ขับเคลื่อนโดยความต้องการเครื่องบินใหม่จำนวนประมาณ 19,500 ลำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งสนับสนุนด้วยการเติบโตของปริมาณการขนส่งผู้โดยสารทางอากาศในภูมิภาค ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อปีแบบทบต้น (Compound Annual Growth Rate: CAGR) อยู่ที่ 4.81%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเพิ่มขึ้นของปริมาณการจราจรทางอากาศในแต่ละปี ประกอบกับการขยายตัวของฝูงบิน และความต้องการเครื่องบินที่สามารถเชื่อมต่อและใช้งานแบบดิจิทัลมากขึ้น เป็นแรงผลักดันให้ความต้องการบริการในอุตสาหกรรมการบินเติบโตสูงขึ้น ความต้องการนี้ที่เพิ่มขึ้นนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกขั้นตอนของวงจรชีวิตของเครื่องบิน ตั้งแต่การส่งมอบจนถึงการสิ้นสุดอายุการใช้งาน และรวมไปถึงบริการด้านต่างๆ เช่น การบำรุงรักษาฝูงบิน การปรับปรุงเครื่องบินให้ทันสมัย และการฝึกอบรม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในภาคส่วนต่างๆ ของธุรกิจบริการเครื่องบินในเอเชียและแปซิฟิก แอร์บัสคาดการณ์ว่าตลาดด้านการบำรุงรักษาจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่า โดยเติบโตจาก 43,000 ล้านเหรียญ เป็น 109,000 ล้านเหรียญในปี 2586 (CAGR 5.0%)&nbsp;ในภาคส่วนด้านการปรับปรุงเพิ่มเติมและปรับปรุงให้ทันสมัยจะมีการเติบโตเป็นอย่างมากเช่นกัน โดยเพิ่มขึ้นจาก 5,100 ล้านเหรียญเป็น 13,000 ล้านเหรียญในปี 2586 (CAGR ที่ 5.1%) ในภาคส่วนด้านการฝึกอบรมและการปฏิบัติการจะเติบโตเพิ่มขึ้นจากมูลค่า 4,100 ล้านเหรียญในปี 2567 เป็น 7,600 ล้านเหรียญในปี 2586&nbsp;(CAGR ที่ 3.3%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอร์บัสยังคาดการณ์ว่าภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีความต้องการแรงงานที่มีทักษะเพิ่มขึ้นใหม่จำนวน 999,000 คนในอีก 20 ปีข้างหน้า (คิดเป็นเกือบ 45 เปอร์เซ็นต์ของความต้องการแรงงานด้านการบินทั่วโลก) แรงงานดังกล่าวจะประกอบด้วย นักบินใหม่ 268,000 คน ช่างเทคนิคใหม่ 298,000 คน และลูกเรือใหม่ 433,000 คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คริสตินา อากีลาร์ กรีเดอร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการลูกค้าของแอร์บัส กล่าวว่า “ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจะมีการเติบโตและกิจกรรมด้านบริการหลังการขายในระดับสูงที่สุด และจะมีโอกาสมากมายสำหรับทั้งด้านการปรับปรุงประสิทธิภาพ การลดความซับซ้อนของกระบวนการ และการส่งเสริมการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบในภาคการบิน แอร์บัสจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้สายการบินและอุตสาหกรรมการบินโดยรวมสามาถใช้ประโยชน์จากโอกาสเหล่านี้ ด้วยการให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง” หมายเหตุ: การคำนวณในรายงานนี้อยู่บนพื้นฐานของข้อมูลเครื่องบินที่มีที่นั่งมากกว่า 100 ที่นั่ง รวมถึงเครื่องบินขนส่งสินค้าที่ผลิตโดยโรงงานผู้รับจ้างผลิต (OEM) ทั้งหมด เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/it/lazada-drives-sustainable-growth-ushering-in-a-new-era-of-ecommerce" alt="‘ลาซาด้า’ ไม่หวั่นอีคอมเมิร์ซจีน ติด 3 อาวุธลับ ดันธุรกิจโตยั่งยืนระยะยาว">‘ลาซาด้า’ ไม่หวั่นอีคอมเมิร์ซจีน ติด 3 อาวุธลับ ดันธุรกิจโตยั่งยืนระยะยาว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Airbus คาดมูลค่าตลาดบริการเครื่องบินพาณิชย์ในเอเชียแปซิฟิกจะโตกว่า 2 เท่าภายในปี 2586

<h2>เจแปนแอร์ไลน์ ได้เป็นผู้ให้บริการบินด้วยเครื่องบิน A350 รายแรกของโลกที่ร่วมใช้โซลูชันซอฟต์แวร์ Virtual Procedure Trainer (VPT) สำหรับฝึกบินเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 ด้วยการฝึกอบรมบนระบบคอมพิวเตอร์ โดยเครื่องมือฝึกอบรมที่ล้ำสมัยนี้จะช่วยให้นักบินได้สัมผัสกับสภาพแวดล้อมเสมือนจริงและการฝึกฝนขั้นตอนต่างๆ ที่สำคัญภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความสมจริงในรูปแบบอินเทอร์แอกทีฟ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สายการบินเจแปนแอร์ไลน์ (Japan Airlines: JAL)&nbsp;ได้นำ A350 Virtual Procedure Trainer (VPT) มาใช้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือที่มีมาอย่างยาวนานกับ Airbus ต่อเนื่องจากการใช้งานชุด MATe (Mobile Airbus Training experience) สำหรับการฝึกฝนและการปฏิบัติการของระบบ การบูรณาการดังกล่าวทำให้ปัจจุบัน JAL สามารถใช้โซลูชันการฝึกอบรมการบินของ Airbus ได้อย่างครบถ้วน ผสานวิธีการและเทคโนโลยีการฝึกอบรมสมัยใหม่ เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการฝึกอบรมและช่วยให้พนักงานสามารถรักษาระดับความรู้ความสามารถสำหรับการปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้เข้ารับการฝึกอบรมกลุ่มแรกของสายการบินที่ได้ฝึกฝนบนเครื่องบิน A350 VPT ประกอบด้วยนักบิน 12 คน โดยโครงการที่มีระยะเวลา 5 ปีนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละของ JAL ในการรักษามาตรฐานความปลอดภัยและความเป็นเลิศในการปฏิบัติงานให้อยู่ในระดับสูงสุด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ระบบ Virtual Procedure Trainer (VPT) ของ Airbus จะสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนที่มีความสมจริง และมีรายละเอียดเฉพาะเจาะจงสำหรับเครื่องบินแต่ละรุ่นของทางสายการบิน ช่วยให้นักบินพัฒนาทักษะและความพร้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ความยืดหยุ่นของการใช้ VPT ยังช่วยให้นักบินสามารถฝึกอบรมได้ทุกเวลาและทุกสถานที่ ลดการหยุดชะงักในการปฏิบัติงาน และมอบความคุ้มค่าโดยช่วยลดต้นทุนทั้งในด้านการฝึกอบรม และระยะเวลาที่เครื่องบินไม่พร้อมใช้งาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Hiroshi Horikawa รองประธานฝ่ายฝึกอบรมการบินของ JAL กล่าวว่า “การนำระบบ A350 VPT เข้าร่วมในหลักสูตรการฝึกอบรมของเรา จะช่วยยกระดับคุณภาพการฝึกอบรมลูกเรือของสายการบินได้เป็นอย่างมาก และยังช่วยเสริมสร้างความมุ่งมั่นของ JAL ในด้านความปลอดภัยอีกด้วย เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งกับการพัฒนาในบทใหม่ สำหรับความร่วมมือระหว่างเรากับแอร์บัสในครั้งนี้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Balinda Zhang หัวหน้าฝ่ายบริการเชิงพาณิชย์ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอร์บัส กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ให้การสนับสนุนกับ JAL ในการนำระบบ A350 VPT มาใช้ แอร์บัสมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งกระบวนการบูรณาการระบบครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าการเปลี่ยนผ่านจะเป็นไปอย่างราบรื่น เป้าหมายของเราคือการส่งมอบโซลูชันการฝึกอบรมที่เหนือไปกว่าความคาดหวังของ JAL และมีส่วนสนับสนุนให้สายการบินคงความเป็นเลิศในด้านการฝึกอบรมลูกเรือของเครื่องบินต่อไป”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อตกลงครั้งสำคัญนี้ได้ตอกย้ำสถานะของแอร์บัสในฐานะผู้นำด้านโซลูชันการบินเชิงนวัตกรรม และเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ JAL ในการเป็นผู้นำในด้านการใช้เทคโนโลยีการฝึกอบรมขั้นสูง เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/vietjet-first-half-of-2024-revenue-46-billion-baht" alt="‘เวียตเจ็ท’ เผยรายได้รวมครึ่งแรกปี 67 แตะ 46,835 ล้านบาท โต 15% YoY">‘เวียตเจ็ท’ เผยรายได้รวมครึ่งแรกปี 67 แตะ 46,835 ล้านบาท โต 15% YoY</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Japan Airlines ล้ำหน้าไปอีกขั้น! ผนึกกำลัง Airbus ยกระดับการฝึกบินด้วยระบบจำลองเสมือนจริงแบบอินเทอร์แอกทีฟ

<h2>เวียตเจ็ท (เวียดนาม) และ แอร์บัส บริษัทผู้ผลิตอากาศยานรายใหญ่ของโลก ร่วมทำพิธีลงนามสัญญาจัดซื้อเครื่องบินแอร์บัสลำตัวกว้างรุ่น A330neo (A330-900) รุ่นใหม่ล่าสุด จำนวน 20 ลำ มูลค่ารวม 7.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยมี ดร.เหวียน ถิ เฟือง เถา ประธานบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร สายการบินเวียตเจ็ท และ นาย Christian Scherer ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายพาณิชย์ของแอร์บัส ได้ร่วมลงนามในสัญญาครั้งสำคัญนี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สัญญาดังกล่าวเป็นหนึ่งในคำสั่งซื้อเครื่องบินที่สำคัญที่สุดในงาน Farnborough International Airshow 2024 โดยเวียตเจ็ทจะเสริมทัพฝูงบินด้วยเครื่องบินลำใหม่ๆ จากคำสั่งซื้อดังกล่าวเพื่อใช้ปฏิบัติการบินสำหรับเที่ยวบินระยะไกลและเส้นทางบินยอดนิยมอื่นๆ ในภูมิภาค โดยจะถูกใช้ปฏิบัติการบินแทนฝูงบิน A330-300 เดิม เพื่อรองรับแผนเชิงกลยุทธ์ในการขยายเครือข่ายเส้นทางบินข้ามทวีปของสายการบินฯ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร.เหวียน ถิ เฟือง เถา ประธานบริษัทเวียตเจ็ท กล่าวว่า “เครื่องบินแอร์บัส A330neo รุ่นใหม่จะเข้ามาเสริมทัพฝูงบินของเวียตเจ็ทและเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการบินเพื่อรองรับการขยายเส้นทางบินรอบโลก การสั่งซื้อเครื่องบินรุ่นใหม่ที่มีความทันสมัยและสามารถประหยัดเชื้อเพลิงเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและส่งเสริมแนวคิด ESG ซึ่งมีเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเร็วๆ นี้ ผู้โดยสารจะได้เพลิดเพลินกับการเดินทางอย่างปลอดภัยบนเที่ยวบินระยะไกล พร้อมด้วยความสะดวกสบายและทันสมัยยิ่งขึ้น เครื่องบินของแอร์บัสจะช่วยให้เวียตเจ็ทสามารถมอบโอกาสการเดินทางที่คุ้มค่าแก่ผู้โดยสารกว่า 200 ล้านคน รวมถึงเชื่อมโยงผู้คน ประเทศ และทวีปต่างๆ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างประเทศ”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/07/ju5kaFEB9ScqWsmQMPVu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ju5kaFEB9ScqWsmQMPVu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,483" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับคำสั่งซื้อครั้งสำคัญนี้จากหนึ่งในสายการบินที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชีย” Benoît de Saint-Exupéry รองประธานฝ่ายขายเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัส กล่าว “นี่เป็นอีกหนึ่งเสียงยืนยันความไว้วางใจในกลุ่มผลิตภัณฑ์อากาศยานลำตัวกว้างรุ่นใหม่ล่าสุดของแอร์บัส เน้นย้ำถึงความสามารถรอบด้านของเครื่องบินรุ่น A330neo ซึ่งเหมาะสำหรับปฏิบัติการบินบนเครือข่ายเส้นทางบินทุกประเภท ตั้งแต่เส้นทางบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ ตลอดจนถึงเส้นทางบินระยะไกลข้ามทวีป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวเครื่องบิยมาพร้อมห้องโดยสาร Airspace ที่การันตีด้วยรางวัล อำนวยความสะดวกให้สายการบินฯ สามารถมอบประสบการณ์การการเดินทางที่เป็นเลิศแก่ผู้โดยสาร โดยสามารถปรับให้เข้ากับการเดินทางแต่ละประเภทได้อย่างสมบูรณ์แบบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครื่องบินรุ่นใหม่จะช่วยให้เวียตเจ็ทสามารถนำผู้โดยสารเดินทางสู่จุดมุ่งหมายได้มากและไกลยิ่งขึ้นในราคาที่เข้าถึงง่าย ขณะเดียวกัน เครื่องบินรุ่นใหม่สามารถประหยัดการใช้เชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้อย่างดีเยี่ยมเพื่อให้สายการบินฯ สามารถบรรลุเป้าหมายในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครื่องบินแอร์บัส A330neo มาพร้อมห้องโดยสาร Airspace ที่การันตีด้วยรางวัลสร้างมาตรฐานใหม่ในการเดินทางด้วยความสะดวกสบายสูงสุด พื้นที่การใช้งานกว้างขวาง และการออกแบบอย่างประณีต เพื่อประสบการณ์การการเดินทางที่โดดเด่นไม่ซ้ำใคร รวมถึงระบบไฟส่องสว่างใหม่ ช่องเก็บสัมภาระเหนือศีรษะที่ใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยความบันเทิงและการเชื่อมต่ออย่างไร้ขีดจำกัดบนเที่ยวบิน ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Trent 7000 ของโรลส์-รอยซ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ทระบุอีกว่า ด้วยฝูงบินของเวียตเจ็ทซึ่งประกอบด้วยเครื่องบินกว่า 105 ลำ และจำนวนผู้โดยสารที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง สายการบินฯ มุ่งมั่นเดินหน้าขยายเครือข่ายเส้นทางบินข้ามทวีปและเสริมทัพฝูงบินด้วยอากาศยานลำใหม่และทันสมัยร่วมกับพันธมิตรระดับโลกอย่างแอร์บัส เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/global/2024-world-airline-awards" alt="10 อันดับ สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2024 โดย Skytrax">10 อันดับ สายการบินที่ดีที่สุดในโลก ปี 2024 โดย Skytrax</a>​​​<a href="https://web.facebook.com/ForbesThailandMagazine/?_rdc=1&amp;_rdr" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เวียตเจ็ท ทุ่ม 7.4 พันล้านเหรียญ ซื้อเครื่องบิน A330neo จากแอร์บัส 20 ลำ

<h2>แอร์บัส บรรลุข้อตกลงกับบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) (THAI) เพื่อปรับปรุงโครงสร้างที่นั่งของฝูงบิน เครื่องบิน เอ320ซีโอ (A320ceo) จำนวน 20 ลำ ด้วยที่นั่งชั้นธุรกิจแบบปรับเอนได้ นับเป็นครั้งแรกที่แอร์บัสดำเนินการปรับปรุงห้องโดยสารให้กับฝูงบินแบบทางเดินเดียวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอร์บัสระบุว่า โครงการนี้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของการบินไทยในการยกระดับความสะดวกสบายและประสบการณ์การเดินทางให้กับผู้โดยสาร ภายหลังจากการควบรวมกิจการกับสายการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นบริษัทในเครือก่อนหน้านี้ เข้ากับบริษัทแม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตามข้อตกลงดังกล่าว แอร์บัส เซอร์วิสเซส (Airbus Services) จะจัดการติดตั้งที่นั่งชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่ง บนเครื่องบิน A320ceo แต่ละลำ ที่นั่งเหล่านี้จะมีพนักพิงที่ปรับเอนได้สูงสุดถึง 8 นิ้ว ช่วยให้ผู้โดยสารสามารถนั่งในท่าที่สบายยิ่งขึ้น โดยโครงการปรับปรุงมีกำหนดเริ่มดำเนินการภายในสิ้นปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อการปรับปรุงเสร็จสิ้น เครื่องบิน เอ320 (A320) ในโครงการจะเปลี่ยนโครงสร้างเป็นแบบที่มี 2 ชั้นบริการ ประกอบด้วยชั้นธุรกิจ 12 ที่นั่ง และชั้นประหยัด 144 ที่นั่ง พร้อมทั้งมอบประสบการณ์การเดินทางที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้โดยสารในทุกชั้น โครงการนี้ถือเป็นการเปลี่ยนจากโครงสร้างเดิมที่เป็นชั้นประหยัดทั้งหมดซึ่งสามารถรองรับผู้โดยสารได้ตั้งแต่ 168 ถึง 174 คน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ณ เดือนเมษายน 2567 การบินไทยมีฝูงบินแอร์บัสหลายรุ่นด้วยกัน ประกอบด้วยเครื่องบิน A320 จำนวน 20 ลำ เอ330-300 (A330-300) จำนวน 3 ลำ และเอ350-900 (A350-900) จำนวน 20 ลำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “การได้รับเครื่องบิน A320 จำนวน 20 ลำจากสายการบินไทยสมายล์ ส่งผลดีต่อเครือข่ายเส้นทางบินของการบินไทย ตลอดจนเพิ่มประสิทธิภาพฝูงบินและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในตลาดของเรา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ฝูงบินนี้จะให้บริการทั้งภายในประเทศและระดับภูมิภาคของการบินไทย โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ลูกค้ามีการเชื่อมต่อเที่ยวบินที่ราบรื่นและสะดวกสบาย นอกจากนี้ การปรับปรุงที่นั่งชั้นธุรกิจแบบปรับเอนได้บนเครื่องบินยังทำให้ผู้โดยสารมีความสะดวกสบายมากขึ้น และยกระดับประสบการณ์โดยรวมตลอดทั้งการเดินทาง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คริสตินา อากีลาร์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการลูกค้า แอร์บัส กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเริ่มโครงการปรับปรุงห้องโดยสารกับการบินไทย ข้อตกลงนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นของเราในการยกระดับความสะดวกสบายและมอบประสบการณ์การเดินทางที่โดดเด่นให้กับผู้โดยสาร เรารอคอยที่จะได้เห็นเครื่องบิน A320ceo ซึ่งได้รับการปรับปรุงยกระดับเหล่านี้ให้บริการบินบนน่านฟ้า และมอบความสะดวกสบายที่เหนือชั้นให้ผู้โดยสารด้วยที่นั่งชั้นธุรกิจใหม่ที่ปรับเอนได้” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : <a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/global/singapore-airlines-nearly-8-months-bonus" alt="Singapore Airlines เตรียมแจกโบนัสพนักงานเกือบ 8 เดือน หลังทำกำไร 2.68 พันล้านเหรียญ ทุบสถิติปีก่อน">Singapore Airlines เตรียมแจกโบนัสพนักงานเกือบ 8 เดือน หลังทำกำไร 2.68 พันล้านเหรียญ ทุบสถิติปีก่อน</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘แอร์บัส’ ปิดดีลการบินไทย ปรับปรุงห้องโดยสารให้เครื่องบิน A320

<h2>สายการบินเวียตเจ็ท (เวียดนาม) MOU กับ Airbus ซื้อเครื่องบินลำตัวกว้าง A330neo จำนวน 20 ลำ พร้อมเลือกใช้เครื่องยนต์ Trent 7000 ของโรลส์-รอยซ์ขับเคลื่อน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สายการบินเวียตเจ็ท (เวียดนาม) บรรลุข้อตกลงสำคัญกับพันธมิตรชั้นนำในอุตสาหกรรมการบินและเทคโนโลยี ได้แก่ แอร์บัส (Airbus) โรลส์-รอยซ์ (Rolls-Royce) และ Pratt &amp; Whitney (บริษัทหลักในเครือ RTX) และ Safran ณ งาน Singapore Airshow 2024 เพื่อการพัฒนา เพิ่มขีดความสามารถ รวมถึงรองรับฝูงบินและการขยายเครือข่ายการบินเพื่อการเติบโตในอนาคต โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ 1.เวียตเจ็ทและแอร์บัสประกาศคำสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้าง A330neo จำนวน 20 ลำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ทลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับแอร์บัสเพื่อสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างรุ่นแอร์บัส A330neo (A330-900) จำนวน 20 ลำ คำสั่งซื้อดังกล่าวถือเป็นหนึ่งในข้อตกลงที่สำคัญที่สุดในงาน Singapore Airshow 2024 นอกจากนี้ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นคำสั่งซื้อเครื่องบินลำตัวกว้างที่ใหญ่ที่สุดของเวียตเจ็ท เน้นย้ำความมุ่งมั่นของสายการบินในการขยายเครือข่ายเส้นทางบินและปรับปรุงฝูงบินให้ทันสมัยอยู่เสมอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ทจะปฏิบัติการบินด้วยเครื่องบินแอร์บัส A330neo บนเครือข่ายเส้นทางบินระยะไกลและเส้นทางบินภายในภูมิภาคที่มีผู้โดยสารเดินทางจำนวนมาก นอกจากนื้ เครื่องบินดังกล่าวจะเข้ามาเสริมทัพฝูงบินของเวียตเจ็ทแทนที่เครื่องบินแอร์บัส A330-300 เพื่อรองรับการขยายเครือข่ายเส้นทางบินที่เพิ่มขึ้นในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครื่องบินแอร์บัส A330neo ถูกออกแบบมาพร้อมกับประสิทธิภาพขั้นสูงซึ่งสอดรับกับกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนและสนับสนุนแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน (ESG) ของเวียตเจ็ท ที่ตั้งเป้าลดการปล่อยมลพิษทางอากาศเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2593 ทั้งนี้ สายการบินหลายรายต่างตั้งตารอให้บริการเที่ยวบินระยะไกลด้วยเครื่องบิน A330neo ลำตัวกว้างซึ่งมาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันเพื่อมอบบริการที่เป็นเลิศในราคาที่แข่งขันได้มากยิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับเครื่องบินแอร์บัส A330neo มีห้องโดยสาร Airspace ที่ได้รับรางวัล การันตีประสบการณ์การเดินทางที่สะดวกสบายด้วยพื้นที่กว้างยิ่งขึ้นและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครันและทันสมัย ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Trent 7000 ของโรลส์-รอยซ์​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/ufopjcRaGhNvHjtbhYiK.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ufopjcRaGhNvHjtbhYiK.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="900,539" style="" data-index="0"></figure></div> 2.เวียตเจ็ทเลือกใช้เครื่องยนต์ Trent 7000 ของโรลส์-รอยซ์ขับเคลื่อนเครื่องบินแอร์บัส A330neo จำนวน 20 ลำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ทและโรลส์-รอยซ์ประกาศข้อตกลงในการจัดหาเครื่องบินแอร์บัส A330neo ซึ่งขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ Trent 7000 จำนวน 20 ลำ เข้าเสริมทัพฝูงบินลำตัวกว้างที่มีอยู่เดิมจำนวน 7 ลำ ขับเคลื่อนด้วยเครื่องบิน A330ceo&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เครื่องยนต์ Trent 7000 ส่งเสริมความยั่งยืนด้วยการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ดีขึ้น 14% ต่อที่นั่ง พร้อมทั้งลดการปล่อยมลพิษทางอากาศอย่างมีประสิทธิภาพ การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะส่งผลให้สายการบินสามารถลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่าหนึ่งแสนตันตลอดอายุการใช้งานของเครื่องบินแต่ละลำ สายการบินจึงสามารถขยายการปฏิบัติงานโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในอนาคต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยการใช้เครื่องยนต์ Trent 7000 ขับเคลื่อนเครื่องบินแอร์บัส A330neo รุ่นใหม่ล่าสุดของเวียตเจ็ท เครื่องยนต์เหล่านี้จะเสริมให้ฝูงบินลำตัวกว้างของเวียตเจ็ทก้าวไปสู่จุดสูงสุดทางเทคโนโลยีใหม่ พร้อมปรับปรุงคุณภาพการบินอย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงเพิ่มความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน 3.เวียตเจ็ทเลือกใช้ Pratt &amp; Whitney บริษัทหลักในเครือ RTX เพื่อขับเคลื่อนเครื่องบิน A321neo เพิ่มเติมอีก 19 ลำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ทเลือกใช้เครื่องยนต์พัดลมเทอร์โบ (GTF) จากบริษัท Pratt &amp; Whitney ขับเคลื่อนเครื่องบิน A321neo จำนวน 19 ลำ เพื่อการบํารุงรักษาเครื่องยนต์ผ่านข้อตกลงการบริการที่ครอบคลุมของ EngineWise ภายในพิธีลงนาม ณ งาน Singapore Airshow 2024 เน้นย้ำความสัมพันธ์อันดีระหว่างเวียตเจ็ทและ Pratt &amp; Whitney&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ทเชื่อมั่นในเทคโนโลยีของ Pratt &amp; Whitney เพื่อประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงและประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมในการขับเคลื่อนเครื่องบินด้วยเครื่องยนต์พัดลมเทอร์โบ (GTF) นอกจากนี้ เวียตเจ็ทมีเป้าหมายในการใช้เครื่องยนพัดลมเทอร์โบกับเครื่องบินจำนวนทั้งหมด 87 ลำ เพื่อรองรับจำนวนฝูงบินที่เพิ่มขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เครื่องยนต์พัดลมเทอร์โบของ Pratt &amp; Whitney จะส่งผลให้ให้เวียตเจ็ทสามารถลดอัตราเชื้อเพลิงสิ้นเปลืองและอัตราการปล่อยมลพิษสู่ปริมาณต่ำที่สุดในภูมิภาค 4.เวียตเจ็ทและ Safran ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยบนเครื่องบินโบอิ้ง B737 MAX&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เวียตเจ็ท และ Safran AeroSystems ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ในการจัดหาอุปกรณ์ความปลอดภัยบนเครื่องบินโบอิ้ง B737 MAX ของเวียตเจ็ท เกณฑ์การคัดเลือกประกอบด้วยส่วนประกอบด้านความปลอดภัยที่จำเป็น อาทิ แพชูชีพ อุปกรณ์ช่วยหายใจ หน้ากากออกซิเจนสำหรับลูกเรือ และเสื้อชูชีพ รวมถึงบริการด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยการมุ่งเน้นเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยและความน่าเชื่อถือ Safran Aerosystems จึงถูกกำหนดให้ยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยในการปฏิบัติงานทั้งหมดของเวียตเจ็ท ข้อเสนอของ Safran Aerosystems ได้รับเลือกเนื่องด้วยนวัตกรรมและความมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศในการออกแบบอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ล้ำสมัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยฝูงบินกว่า 105 ลำ และจำนวนผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวียตเจ็ทกำลังขยายเครือข่ายเที่ยวบินสู่จุดหมายปลายทางต่างๆ ทั่วเวียดนาม ออสเตรเลีย อินเดีย จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย ไทย รวมถึงจุดหมายปลายทางข้ามทวีป สายการบินมุ่งมั่นมอบประสบการณ์การการเดินทางที่ดีที่สุดแก่ผู้โดยสารผ่านความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับพันธมิตรด้านการบินและเทคโนโลยี เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/thai-airways-2023-profit-28-billion-baht" alt="การบินไทย ปี 66 กวาดกำไร 2.8 หมื่นล้าน หลังปรับโครงสร้างหนี้-ขายทรัพย์สิน">การบินไทย ปี 66 กวาดกำไร 2.8 หมื่นล้าน หลังปรับโครงสร้างหนี้-ขายทรัพย์สิน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘เวียตเจ็ท’ MOU แอร์บัส สั่งซื้อเครื่องบิน A330neo 20 ลำ เครื่องลำตัวกว้าง เสริมเส้นทางบินระยะไกล

<h2 class="topic">ในการแข่งขันเอาชนะธรรมชาติ เที่ยวบินตรงยาว 19 ชั่วโมงของสายการบิน Singapore Airlines น่าจะครองตำแหน่งชนะเลิศในแง่ของระยะทาง เที่ยวบินจากสิงคโปร์ไปยังสนามบิน Newark ใน New York นั้นยาวถึง 9,500 ไมล์ ในขณะที่นกปากแอ่นหางลายจะบินเป็นระยะทาง 7,000 ไมล์ในฤดูอพยพระหว่างรัฐ Alaska กับประเทศนิวซีแลนด์ ความแตกต่างอย่างเดียวระหว่างทั้งคู่คือฝูงนกเหล่านี้จะต้องบินต่อเนื่องถึง 9 วัน</h2>
เที่ยวบินใหม่ของ Singapore Airlines นับว่าได้รับความสนใจจากสื่อมาก เมื่อพิจารณาว่าเที่ยวบินนี้เคยทำการบินมาแล้วเมื่อ 9 ปีก่อน ก่อนที่จะหยุดดำเนินการไปในปี 2013 จากภาวะราคาน้ำมันพุ่งกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล 

สื่อมวลชนหลายรายยกให้การนำเที่ยวบินนี้กลับสู่ตารางบินอีกครั้งของ Singapore Airlines เป็นศักราชใหม่ของไฟลท์บินตรงระยะไกล (ultra-long-haul) สำนักข่าว BBC พาดหัวเชิงตั้งคำถามว่า “นี่คืออนาคตของเที่ยวบินระยะไกลหรือไม่?” ขณะที่นิตยสาร Fortune พาดหัวยาวเหยียด “19 ชั่วโมงสู่ Newark: Singapore Airlines กลับมาทวงบัลลังก์ศึกเที่ยวบินระยะไกลของโลก” 
<ul class="listtype-bullet listindent1 list-bullet1">
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/news-detail.php?did=2800">Singapore Airlines เปิดเที่ยวบินตรงยาวที่สุดในโลก ตอบโจทย์ผู้โดยสารพรีเมียม</a></li>
</ul>
ถึงแม้ว่าเที่ยวบินข้ามโลกแบบนี้จะกินใจมนุษยชาติที่ต่างมีโลกแฟนตาซีของการได้บินเคียงคู่ไปกับฝูงนก แต่ในแง่มุมความเป็นจริงเชิงเศรษฐศาสตร์นั้นแตกต่างออกไป

การแข่งขันรอบล่าสุดของไฟลท์บินระยะไกลเกิดขึ้นในช่วงกลางทศวรรษ 2000s ด้วยตัวแปรสำคัญคือเครื่องบิน Boeing 777 และ Airbus A340 (777-200LR และ A340-500) สายการบินต่างแสวงหาข้อได้เปรียบจากโมเดลเครื่องบินใหม่ที่สามารถบินได้นาน 18 ชั่วโมงนี้ด้วยการออกเที่ยวบินเชื่อมต่อระหว่างทวีปเอเชียกับสหรัฐอเมริกา จนถึงปี 2008 มีไฟลท์บินไกลกว่า 8,000 ไมล์ทั้งหมด 10 เที่ยวบินในตาราง

แต่ในความเป็นจริงนั้น หลายสายการบินต้องเผชิญปัญหา สายการบินไทยยกเลิกไฟลท์บินจากกรุงเทพฯ สู่ L.A. และ New York ขณะที่ Singapore Airlines เปลี่ยนแปลงเที่ยวบินสู่ New York เป็นเที่ยวบินชั้นธุรกิจทั้งลำ 100 ที่นั่งซึ่งดำเนินการอยู่ 5 ปีก่อนจะต้องยอมจำนนและยกเลิกไป

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d3f459456c7be17062bdbe2ed9bb976b.jpg" alt="" width="638" height="309" /><figcaption> การบินไทยเองก็เคยมีเที่ยวบินตรงจากกรุงเทพฯ สู่ Los Angeles และ New York ซึ่งต้องใช้เวลาบินนานถึง 18 ชั่วโมง</figcaption></figure>

เหตุและผลนั้นง่ายดาย นั่นคือ การที่คุณจะบินได้ไกลขึ้น คุณต้องแบกเชื้อเพลิงที่มากขึ้นไปด้วย และเมื่อต้องเพิ่มปริมาณเชื้อเพลิง คุณก็ต้องสละพื้นที่ว่างบนเครื่องซึ่งควรจะนำมาใช้สร้างรายได้ 

ถึงแม้ว่าบริษัทผลิตเครื่องบินจะอ้างว่าโมเดลเครื่องรุ่นใหม่สามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้ 25% แต่เครื่องบินเหล่านี้ก็ยังบริโภคน้ำมันประมาณ 6 ตันต่อชั่วโมง ดังนั้นการบินระยะไกลเพิ่มขึ้นอีก 4 ชั่วโมงแปลว่าเครื่องจะต้องการน้ำมันเพิ่มอีกอย่างน้อย 25 ตัน ปริมาณเชื้อเพลิง 25 ตันที่จะทำให้เครื่องขาดพื้นที่บรรทุกคนหรือสิ่งของเพิ่มเพียงเพื่อทำให้เครื่องไม่ต้องหยุดแวะกลางทางแม้แต่จุดเดียว

นอกจากนี้ยังมีต้นทุนอื่นๆ อีกสำหรับเที่ยวบินไม่แวะพักยาว 18 ชั่วโมง นั่นคือลูกเรือ 2 ชุดสำหรับสับเปลี่ยนระหว่างที่อีกชุดหนึ่งพักผ่อน, บริการอาหารที่ซับซ้อนขึ้น รวมถึงน้ำสำหรับดื่มและสำหรับบริการห้องน้ำบนเครื่องบิน หากต้องการรายได้ที่ครอบคลุมต้นทุนเหล่านี้ เที่ยวบินนั้นๆ จะต้องได้ค่าพรีเมียมที่สูงกว่าไฟลท์บินแบบแวะพักทั่วไป

แม้ต้นทุนจะสูงแต่ 2-3 ปีที่ผ่านมาจำนวนเที่ยวบินระยะไกลก็เริ่มเพิ่มขึ้นอีกครั้ง เส้นทางบินในตารางเดือนตุลาคมนี้ที่มีเที่ยวบินไกลกว่า 8,000 ไมล์ถึง 26 เส้นทางรวมถึงอีก 3 เส้นทางที่กำลังจะประกาศเร็วๆ นี้(ข้อมูลจาก OAG วิเคราะห์โดย ICF) 

ผู้ที่สนับสนุนเที่ยวบินระยะไกลมักกล่าวว่า ด้วยเทคโนโลยีเครื่องบินโมเดลใหม่ เช่น เครื่องบินเครื่องยนต์คู่ A350-ULH นั้นประหยัดน้ำมันกว่าเครื่องบินรุ่นก่อนๆ จนสามารถเปลี่ยนสมการการบินพาณิชย์ได้ ซึ่งตัวแปรนี้อาจจะเป็นไปได้สำหรับบางเส้นทาง

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/856a5021f4c95fe51715d909d8acbadf.jpg" alt="" width="638" height="390" /><figcaption> Dubai ฮับการบินพาณิชย์ของโลกซึ่งกลายเป็นตัวแปรใหม่ของเส้นทางบินระยะไกล ( PHOTO CREDIT: Emirates)</figcaption></figure>

อย่างไรก็ตาม มีปรากฏการณ์อื่นที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกันด้วย กล่าวคือ เที่ยวบินระยะไกลหลายเส้นทางในยุคบูมก่อนหน้านี้เป็นเส้นทางที่เชื่อมต่อเมืองหลักทางธุรกิจเข้าด้วยกัน โดยเป็นเส้นทางที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่ยินดีจ่ายค่าพรีเมียมเพื่อเดินทางจากจุด A ไปยังจุด B โดยไม่แวะพัก 

ในทางกลับกัน ครึ่งหนึ่งของเส้นทางบินไกลทุกวันนี้เป็นการเชื่อมต่อไปยังฮับขนาดใหญ่ในตะวันออกกลาง ยกตัวอย่างเช่น ไฟลท์บิน Dubai-Auckland ที่เริ่มบินเมื่อปี 2016 พนันได้เลยว่าผู้โดยสารจำนวนมากต้องการไปเปลี่ยนเครื่องที่ Dubai เพื่อเดินทางสู่จุด C ต่อไป สำหรับผู้โดยสารกลุ่มนี้ ไฟลท์บินระยะไกลเส้นทางใหม่จากจุด A ตรงไปจุด C น่าจะเป็นการเชื่อมต่อที่ดี แต่ขึ้นอยู่กับว่าผู้โดยสารเหล่านี้จะยอมจ่ายค่าพรีเมียมหรือไม่?

แน่นอนว่ามีผู้โดยสารกลุ่มหนึ่งที่ยอมจ่ายมากกว่าเพื่อบินข้ามโลกแบบไม่แวะพัก นั่นคือผู้โดยสารธุรกิจ เตียงนอนราบ 180 องศาและคืนแห่งการพักผ่อนที่ดีนั้นคุ้มค่าพอที่พวกเขาจะจ่ายเพิ่มอีก 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเส้นทางบินระยะไกลประมาณ 10 เส้นทางทั่วโลกนั้นมีดีมานด์ดังกล่าวมากพอจะสร้างรายได้จากค่าพรีเมียม โดย 5 เส้นทางในจำนวนนั้นเป็นไฟลท์บินไป-กลับจากออสเตรเลีย ส่วนเส้นทางบินระยะไกลใหม่ๆ ที่เพิ่งเปิดตัวนั้นยังยากที่จะตัดสินความคุ้มค่า

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ไฟลท์ระยะไกลเส้นทางใหม่เหล่านี้จะยังคงถูกจับตามอง เราอาจจะลืมเวทมนต์ของการบินไปในเส้นทางระยะใกล้ แต่เมื่อเป็นการบินไกลถึง 8,000 ไมล์บนฟากฟ้า สิ่งนี้จะยังคงเป็นความมหัศจรรย์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นการบินของนกอพยพหรือนกเหล็กก็ตาม

&nbsp;

แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/samuelengel1/2018/10/23/in-bird-versus-singapore-airlines-airbus-bird-flies-longer/#5e1e5256d7ea">What's Behind The New Boom In Ultra-Long-Haul Airline Flights </a>โดย Samuel Engel รองประธานและกรรมการผู้จัดการด้านการบิน ICF ตีพิมพ์ใน forbes.com

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events