<h2>นับตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1990 ซอฟต์แวร์สำหรับปรับแต่งรูปภาพอย่าง Photoshop ก็กลายมาเป็นผลิตภัณฑ์เรือธงของ Adobe ที่มืออาชีพทั้งวงการกราฟิกและถ่ายภาพต้องรู้จัก ซึ่งทางบริษัทฯ ก็มีการพัฒนาซอฟต์แวร์นี้อย่างต่อเนื่อง และมีการปล่อยเวอร์ชั่นที่หลากหลายออกมา ทั้งโปรแกรมบนเดสก์ท็อปคอมพิวเตอร์ โปรแกรมบนเว็บไซต์ รวมถึงแอปพลิเคชั่นบนอุปกรณ์ไอแพดและสมาร์ตโฟน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด Adobe ประกาศเปิดตัวแอป Photoshop ใหม่เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา สำหรับอุปกรณ์ไอโฟนของ Apple จะใช้งานได้ก่อน ส่วนสมาร์ตโฟนระบบ Android จะตามมาในเร็วๆ นี้ ซึ่งแอปดังกล่าวเป็นคนละแอปกับ Photoshop Express ที่ปล่อยออกมาตั้งแต่ปี 2010 โดยมีเครื่องมือที่ครบครันและใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปมากกว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Adobe เผยว่า แอป Photoshop บนสมาร์ตโฟนไม่ได้ออกแบบมาเพื่อแทนที่ซอฟต์แวร์บนคอมพิวเตอร์แต่อย่างใด “Photoshop บนเดสก์ท็อปมีเครื่องมือที่ล้ำลึกและทรงพลังทำให้มีความแม่นยำในการแก้ไขภาพบนจอใหญ่ ส่วน Photoshop บนสมาร์ตโฟนสร้างมาเพื่อช่วยครีเอเตอร์ที่ทำงานบนมือถือเป็นหลัก”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/2WxBNcnrCWSzWHoDTTa1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="2WxBNcnrCWSzWHoDTTa1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1200,800" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แอป Photoshop สำหรับไอโฟนสามารถใช้งานได้ฟรีบางส่วน ยกตัวอย่างเช่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• เครื่องมือและฟีเจอร์พื้นฐานในการรวมภาพ ลบ เปลี่ยนสี หรือแทนที่บางส่วนของภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• สามารถสร้าง layer ได้ไม่จำกัดและเซฟไฟล์ PSD&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• สามารถใช้งานร่วมกับโปรแกรม Adobe Express, Adobe Fresco และ Adobe Lightroom ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ช่วยให้การแก้ไขที่ซับซ้อนรวดเร็วและง่ายดายยิ่งขึ้นด้วย Firefly หรือเครื่องมือ Generative AI ของ Adobe&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• ใช้งาน asset จาก Adobe Stock ฟรีได้บางส่วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่า หากผู้ใช้งานต้องการเครื่องมือและฟีเจอร์ที่ครบเครื่องยิ่งขึ้น เช่น Content-Aware Fill, Advanced Blend Modes, Generative Fill ฯลฯ ทาง Adobe ยังมีแพ็กเกจให้ซื้อเพิ่มได้ สำหรับมือถือและบนหน้าเว็บ (Photoshop Mobile &amp; Web plan) แบบรายเดือนที่ 7.99 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 270 บาท) หรือรายปีที่ 69.99 เหรียญสหรัฐฯ (ราว 2,360 บาท)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ใช้งานที่ชำระเงินซื้อแผนการใช้งาน Photoshop บนเดสก์ท็อปอยู่แล้ว สามารถใช้แอปบนไอโฟนได้โดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราตื่นเต้นกับการนำความเป็นไปได้อันไร้ที่สิ้นสุดของการสร้างสรรค์ด้วย Photoshop มาสู่มือถือ ทำให้ทุกคนสามารถแก้ไขและออกแบบรูปภาพอันเป็นเอกลักษณ์ได้ ทั้งศิลปินมืออาชีพและนักออกแบบไปจนครีเอเตอร์รุ่นใหม่ที่เพิ่งลองใช้ Photoshop เป็นครั้งแรก” Ashley Still รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสฝ่ายสื่อดิจิทัลของ Adobe กล่าว​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/yJ94eHqyLa1ksTNafYks.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="yJ94eHqyLa1ksTNafYks.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1200,800" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปิดตัวแอป Photoshop บนสมาร์ตโฟนที่สามารถใช้งานได้ฟรีในคราวนี้ของ Adobe นับเป็นก้าวหนึ่งในการรับมือกับตลาด ณ ปัจจุบันที่มีโปรแกรมและแอปแต่งภาพออกมาให้ผู้ใช้งานเลือกได้หลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งบางส่วนก็มีฟีเจอร์เหมือนกับ Photoshop เช่น การปรับสี และการลบสิ่งที่ไม่ต้องการออกจากภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความเคลื่อนไหวดังกล่าวยังเป็นการจูงใจคนรุ่นใหม่ให้หันมาใช้งานผลิตภัณฑ์ของ Adobe มากขึ้น ดังเช่นที่ Deepa Subramaniam รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์แอปสร้างสรรค์สำหรับมืออาชีพของ Adobe เปิดเผยว่า บริษัทฯ กำลังมุ่งเน้นดึงดูดผู้ใช้งานอายุน้อยที่ใช้มือถือสำหรับถ่ายรูปและแต่งรูปเป็นหลัก โดยการเข้าไปเป็นคำตอบเมื่อพวกเขามองหาแอปซึ่งใช้งานได้หลากหลายกว่าเครื่องมือพื้นฐานที่ติดมากับอุปกรณ์สมาร์ตโฟน แหล่งที่มา:​<a href="https://www.businesstimes.com.sg/companies-markets/telcos-media-tech/adobe-brings-free-photoshop-app-phones-courting-younger-users" alt="Adobe brings free Photoshop app to phones, courting younger users">Adobe brings free Photoshop app to phones, courting younger users</a>​ ​<a href="https://www.theverge.com/news/618859/adobe-photoshop-mobile-iphone-android-app-availability" alt="Adobe’s new Photoshop app for iPhone is more like the real thing">Adobe’s new Photoshop app for iPhone is more like the real thing</a><a href="https://blog.adobe.com/en/publish/2025/02/25/all-new-photoshop-iphone-app-reimagines-image-editing-for-mobile-creators" alt="All-new Photoshop iPhone app reimagines image editing for mobile creators">All-new Photoshop iPhone app reimagines image editing for mobile creators</a>​ ​<a href="https://news.adobe.com/news/2025/02/photoshop-mobile-web" alt="Adobe Photoshop Brings World’s Leading Image and Design App to Mobile to Empower Next Generation of Creators">Adobe Photoshop Brings World’s Leading Image and Design App to Mobile to Empower Next Generation of Creators</a>​ ภาพ: Adobe เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/pinto-ebook-sales-surge-48-percent-with-easy-e-receipt-2-0-measures" alt="ตลาดอีบุ๊กสุดคึกคัก ‘ปิ่นโต อีบุ๊ก’ ยอดขายพุ่ง 48% รับมาตรการ Easy E-Receipt 2.0">ตลาดอีบุ๊กสุดคึกคัก ‘ปิ่นโต อีบุ๊ก’ ยอดขายพุ่ง 48% รับมาตรการ Easy E-Receipt 2.0</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Adobe หวังพิชิตใจคนรุ่นใหม่! เปิดตัวแอป Photoshop บนมือถือ ใช้งานเครื่องมือพื้นฐานได้ฟรี

<h2>Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ชี้ Apple ย่ำอยู่กับที่! ไม่พัฒนา 'นวัตกรรม' ใหม่ๆ ตอกย้ำยอดขาย iPhone ที่โดนคู่แข่งเบียดในปัจจุบัน พร้อมย้ำหาก Apple แก้ไขซอฟต์แวร์ที่ตั้งมาแบบตามใจตัวเองได้ก็น่าจะส่งผลให้ยอดขายสินค้าของ Meta เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า </h2> &nbsp; &nbsp; Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการพอดคาสต์ของ Joe Rogan เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา เป็นเวลาราว 3 ชั่วโมงเกี่ยวกับเรื่องความสำคัญของสิทธิเสรีภาพในการพูด และ ’การเซนเซอร์’ ของรัฐบาล อีกทั้งยังแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของ Apple ตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาว่าไม่มีการพัฒนาและขาดความคิดสร้างสรรค์มาตั้งแต่ยุคของ Steve Jobs! จากการยึดเอาความสำเร็จของ iPhone รุ่นแรกเป็นรากฐานในการดำเนินธุรกิจโดยไม่มีการพัฒนาอะไรใหม่ๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มันเหมือนกับว่า Steve Jobs คิดค้น iPhone ขึ้นมา และตอนนี้พวกเขาก็กำลังนั่งแช่อยู่ที่เดิมในอีก 20 ปีต่อมา ซึ่งผมเองก็พยายามมองโลกแบบแง่ดีแล้ว แต่ถ้าคุณไม่มีการพัฒนาอะไรใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลา 10 ปี ท้ายที่สุดคุณก็จะถูกคู่แข่งโค่นบันลังก์ลงได้” Mark Zuckerberg กล่าว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/ogoVcWNerkQzhrUL8WMx.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ogoVcWNerkQzhrUL8WMx.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แง่มุมที่ซีอีโอของ Meta กล่าววิจารณ์ ยังเป็นตัวสะท้อนถึงยอดขายมือถือ iPhone ของ Apple ในปัจจุบันท่ามกลางความท้าทายจากเหล่าบรรดาแบรนด์คู่แข่ง อีกทั้งลูกค้าบางกลุ่มยังใช้เวลานานมากกว่าเดิมก่อนที่จะตัดสินใจเปลี่ยนไปซื้อมือถือรุ่นใหม่ โดยพวกเขาให้เหตุผลว่า “เทคโนโลยีของรุ่นใหม่ๆ ไม่มีอะไรหวือหวาจนกลายเป็นแรงจูงใจให้คนต้องรีบหาซื้อหรือเปลี่ยนมือถือจากรุ่นเดิม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Mark Zuckerberg ยังชี้ให้เห็นถึงวิธีที่ Apple พยายามขูดรีดกลุ่มผู้ใช้งานมือถือผ่านการโกยกำไรจากการคิดค่าธรรมเนียม 30% บน App Store ซึ่งค่าธรรมเนียมดังกล่าวนี้ ได้กลายเป็นภาระหนักต่อเหล่านักพัฒนาแอปพลิเคชัน และทำให้บางบริษัทเริ่มมองหาช่องทางอื่นในการเผยแพร่แอปพลิเคชันของตนเองโดยไม่ต้องผ่าน App Store&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Apple หาวิธีชดเชยรายได้จากยอดขาย iPhone ที่ลดลง โดยการเก็บภาษีจากเหล่านักพัฒนาแอป 30% และยังให้คุณต้องซื้ออุปกรณ์ต่อพ่วงเพิ่มเติมรวมถึงหูฟังต่างๆ พวกเขาสร้างสรรค์ Air Pods ออกมาได้เจ๋งมาก แต่มันก็จำกัดความสามารถของใครก็ตามในการสร้างสิ่งที่สามารถเชื่อมต่อกับ iPhone ในลักษณะเดียวกันได้” Zuckerberg กล่าวเสริม​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/ERxXjitww4AhZ5S7hS56.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ERxXjitww4AhZ5S7hS56.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ในส่วนของตัวสินค้า Vision Pro ทาง Zuckerberg ยังมองว่า Apple ตั้งราคาไว้สูงเกินไปเมื่อเทียบกับคุณสมบัติที่มีให้ โดยเขาเองยังได้บลัฟใส่อีกด้วยว่า Meta Quest ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ VR ของ Meta สามารถแข่งขันในตลาดนี้ได้ รวมถึง iPhone Air ที่มีการปล่อยข่าวออกมาว่าจะเปิดตัวในปี 2025 โดยเขาเองก็มองว่า Apple สร้างนวัตกรรมนี้ออกมาแบบไม่มีอะไรโดดเด่นพอที่จะเปลี่ยนตลาดได้นอกเหนือจากตัวดีไซน์ที่บางเฉียบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม บอสใหญ่ของ Meta ยังแสดงความคิดเห็นด้วยว่า “ในอนาคต Apple จะถูกบริษัทคู่แข่งแซงหน้า เพราะไม่มีการสร้างนวัตกรรมอะไรใหม่ๆ ออกมาได้อย่างชัดเจน และยังอ้างเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวเพื่อปกป้องระบบปิดของตัวเองมากกว่า การสร้างระบบรักษาความปลอดภัยขึ้นมาจริงๆ” ซึ่งหาก Apple แก้ไขตรงจุดนี้ได้ ปัญหาในเรื่องของซอฟต์แวร์ iPhone อย่าง iOS ที่มีข้อจำกัดกับสินค้าของ Meta ก็จะหมดไป และน่าจะส่งผลให้ทาง Meta มีกำไรมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันถึง 2 เท่า ภาพ : Meta , Apple แปลและเรียบเรียบจากบทความ :&nbsp;<a href="https://www.fastcompany.com/91261348/mark-zuckerberg-apple-innovated-since-iphone-meta-privacy-hardware" alt="Mark Zuckerberg says Apple hasn’t innovated since the iPhone. He’s forgetting about this one major thing">Mark Zuckerberg says Apple hasn’t innovated since the iPhone. He’s forgetting about this one major thing</a>&nbsp;และ <a href="https://www.cnbc.com/2025/01/11/mark-zuckerberg-slams-apple-on-its-lack-of-innovation-and-random-rules.html" alt="Mark Zuckerberg slams Apple on its lack of innovation and ‘random rules’">Mark Zuckerberg slams Apple on its lack of innovation and ‘random rules’</a> <h1> </h1>เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/mark-zuckerberg-prepared-to-lay-off-meta-3600-employees" alt="Mark Zuckerberg ขาโหด ล่าสุดเตรียมปลด ‘พนักงานด้อยคุณภาพ’ 3,600 คน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้องค์กร">Mark Zuckerberg ขาโหด ล่าสุดเตรียมปลด ‘พนักงานด้อยคุณภาพ’ 3,600 คน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้องค์กร</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Mark Zuckerberg ชี้ Apple ไม่พัฒนา 'นวัตกรรม' ใหม่ๆ ตอกย้ำยอดขาย iPhone ที่โดนคู่แข่งแซงหน้า

<h2>The 1 Insight เปิดผลวิเคราะห์เทรนด์พฤติกรรมผู้บริโภค iPhone ในประเทศไทย รับกระแสการเปิดตัว iPhone 16 ที่ได้รับความสนใจอย่างมากเช่นทุกปีที่ผ่านมา ชี้ช่วยกระตุ้นยอดขายรวมหมวด Gadget เพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าเมื่อเทียบกับช่วงเดือนก่อนหน้า พบว่า 40% ของผู้ใช้ iPhone ในไทยนิยมเปลี่ยนเป็นรุ่นใหม่ทุกปี ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จในแง่ของตลาดไปจนถึงความสนใจที่มีต่อนวัตกรรมของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากฐานข้อมูล The 1 ในช่วงปี 2019-2024 The 1 Insight ชี้ให้เห็นถึง 5 กลุ่มหลักของผู้ใช้ iPhone ไทย ที่มีเทรนด์พฤติกรรมการซื้อและการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วัยรุ่นโซเชียล: กลุ่ม Gen Z มุ่งท่องโลกโซเชียล แต่ยังเน้นความคุ้มค่า กลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18-24 ปี ใช้งาน iPhone เพื่อการเชื่อมต่อกับโซเชียลมีเดียเป็นหลัก รวมถึงการสร้างสรรค์คอนเทนต์ จากข้อมูล พบว่าคนกลุ่มนี้ซื้อ iPhone 15 และ iPhone 15 Plus รวมไปถึงอาจซื้อรุ่นก่อนหน้าที่ให้ความคุ้มค่ามากกว่า โดยเลือกใช้รุ่นที่มีความจุ 128GB ซึ่งเพียงพอกับการใช้งานและสอดคล้องกับข้อจำกัดด้านรายได้ โดยสีที่นิยมสูงสุดคือ Black กลุ่มวัยรุ่นโซเชียลมักอัปเกรด iPhone ทุกปี และนิยมใช้การผ่อนชำระ 0% ซึ่งช่วยให้เข้าถึง iPhone รุ่นพรีเมียมได้มากยิ่งขึ้น โดยมีแนวโน้มว่าในปีนี้จะซื้อ iPhone 16 และ iPhone 16 Plus&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนุ่มออฟฟิศสาย Tech: กลุ่ม Gen Y ผู้มอง iPhone เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ กลุ่มชายวัยทำงานอายุ 25-40 ปี มองว่า iPhone รุ่นท็อปเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและสถานะทางสังคม รวมถึงมีความพร้อมด้านรายได้ที่สูงขึ้นตามความก้าวหน้าทางอาชีพและมีความสนใจในเทคโนโลยีล้ำสมัย ในปี 2023 จึงเลือกซื้อ iPhone 15 Pro และ iPhone 15 Pro Max ที่มีความจุ 512GB หรือ 1TB เพื่อรองรับการใช้งานได้ครบครันทั้งด้านการทำงานและความบันเทิง โดยสีที่นิยมสูงสุดคือ Black และ Natural Titanium หนุ่มออฟฟิศกลุ่มนี้มักอัปเกรด iPhone ทุกปี และเป็นกลุ่มสำคัญที่ขับเคลื่อนยอดขายรุ่นท็อปในไทย และมีแนวโน้มว่าในปีนี้จะซื้อ iPhone 16 Pro และ iPhone 16 Pro Max&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พ่อแม่ยุคใหม่: กลุ่ม Millennial Parents เน้นฟังก์ชันใช้งานสำหรับทั้งครอบครัว กลุ่มคนมีครอบครัวที่มีอายุ 30-45 ปี มักให้ความสำคัญกับฟังก์ชั่นการใช้งานจริงและขนาดความจุที่เพียงพอเพื่อรองรับการใช้งานในระยะยาวสำหรับทั้งครอบครัว ดังนั้นคนกลุ่มนี้จึงเลือกซื้อ iPhone 15 หรือ iPhone 15 Plus โดยเลือกรุ่นที่มีความจุ 128GB หรือ 256GB เพื่อรองรับการใช้งานที่หลากหลาย โดยสีที่นิยมสูงสุดคือ Colorful เช่น ฟ้า เหลือง ชมพู เขียว นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มที่มีรายจ่ายหลากหลาย จึงไม่เปลี่ยนเครื่องบ่อยนัก โดยมักอัปเกรดทุก 3-4 ปี โดยในปีนี้มีแนวโน้มที่จะซื้อ iPhone 16 หรือ iPhone 16 Plus&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รุ่นใหญ่สายสมาร์ท: กลุ่ม Gen X ที่พร้อมลงทุนกับเทคโนโลยีเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด กลุ่มผู้บริหารที่มีอายุ 45-60 ปี มักเลือก iPhone ในรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยมองว่าเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่ออัพเดทเทคโนโลยีในแต่ละครั้ง จึงเลือกซื้อ iPhone 15 Pro Max ในความจุ 512GB หรือ 1TB เพื่อตอบสนองความต้องการที่ครอบคลุมทั้งการทำงานและการใช้งานส่วนตัว สีที่นิยมสูงสุดคือ Blue Titanium โดยมีรอบการอัปเกรดอุปกรณ์ทุก 2-3 ปี และไม่เน้นการเปลี่ยนตามกระแสสังคม ในปีนี้ มีแนวโน้มที่จะซื้อ iPhone 16 Pro Max&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เกษียณสายชิล: กลุ่ม Silver Spenders ใช้งานเพื่อสื่อสารทั่วไปและฟังก์ชันสุขภาพ กลุ่มผู้สูงวัยที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป มีพฤติกรรมการใช้ iPhone ที่เน้นการใช้งานพื้นฐานและฟังก์ชั่นติดตามข้อมูลสุขภาพ เลือกซื้อ iPhone SE หรือ iPhone 15 หรืออาจเป็นรุ่นก่อนหน้า โดยใช้ควบคู่กับ Apple Watch Series 9 เพื่อเชื่อมต่อฟังก์ชันการติดตามข้อมูลสุขภาพอย่างละเอียด ข้อมูลชี้ว่า กลุ่ม Silver Spenders ส่วนใหญ่เลือก iPhone รุ่นความจุ 64GB หรือ 128GB สีที่นิยมสูงสุดคือ Colorful เช่น ฟ้า เหลือง ชมพู เขียว โดยมักอัปเกรดทุก 4-5 ปี และมีแนวโน้มที่จะซื้อ iPhone 16 และ Apple Watch ในปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของผลกระทบต่อสินค้าและอุตสาหกรรมอื่น การเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่ ไม่เพียงช่วยกระตุ้นยอดขายในหมวด Gadget โดยเฉพาะกลุ่มอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น เคสโทรศัพท์, สายชาร์จ, และ AirPods เพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคต้องการอุปกรณ์ที่เข้ากันได้ดีกับ iPhone รุ่นใหม่เพื่อรองรับการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ ทว่ายังสร้าง Halo Effect ที่ส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าหมวดอื่นๆ&nbsp; &nbsp; หมวดแฟชั่นได้รับผลประโยชน์มากเป็นพิเศษ ซึ่งตรงกับช่วงเริ่มต้นของฤดูกาล Autumn/Winter ซึ่งมีการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ จากทั้งวงการเทคโนโลยีและแฟชั่น ส่งเสริมให้บรรยากาศการใช้จ่ายภาพรวมคึกคักมากขึ้น จึงส่งผลให้ยอดขายหมวดแฟชั่นเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนถึงอิทธิพลที่แข็งแกร่งของ iPhone ซึ่งไม่เพียงกระตุ้นยอดขาย Gadget แต่ยังขับเคลื่อนพฤติกรรมการซื้อสินค้าหมวดอื่นๆ ไปพร้อมกัน ภาพ: Unsplash เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/kkp-research-chinese-goods-flooded-thai-market" alt="KKP ชี้ e-Commerce โตแรงเร่งสินค้าจีนทะลักเข้าไทย กระตุ้นเสี่ยงขาดดุลการค้า">KKP ชี้ e-Commerce โตแรงเร่งสินค้าจีนทะลักเข้าไทย กระตุ้นเสี่ยงขาดดุลการค้า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจาะพฤติกรรมผู้บริโภค iPhone ชาวไทย พบ 40% นิยมเปลี่ยนรุ่นใหม่ทุกปีโดยเฉพาะ Gen Y และ Z

<h2>Microsoft ประกาศให้พนักงานในจีนทำงานผ่าน iPhone เท่านั้น และเตรียมตัดอุปกรณ์ระบบแอนดรอยด์ทุกชนิดออกจากสำนักงานภายในเดือนกันยายนนี้ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Microsoft บริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกาเตรียมบังคับให้พนักงานประจำสำนักงานในประเทศจีนใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จาก Apple ได้เพียงแบรนด์เดียวเท่านั้นในการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชันของ Microsoft&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรักษาความปลอดภัย Secure Future Initiative ของ Microsoft ซึ่งแน่นอนว่าต้องกระทบพนักงานหลายร้อยชีวิตในจีนแผ่นดินใหญ่ และเพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนจะใช้แอปฯ จัดการรหัสผ่านและการยืนยันตัวตนของบริษัทฯ พนักงานที่ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ระบบแอนดรอยด์อยู่จะได้รับ iPhone 15 ไปใช้งานแทน โดยจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Microsoft กำลังยกระดับความปลอดภัยทั่วโลก หลังเปิดเผยในเดือนมกราคม 2024 ว่า บริษัทฯ ถูกแฮกเกอร์รัสเซียกลุ่ม Midnight Blizzard โจมตีอย่างต่อเนื่อง และได้รับแรงกดดันจากทางการสหรัฐฯ ให้ดำเนินการพัฒนาด้านความปลอดภัยให้แน่นหนายิ่งขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกสาเหตุหนึ่งมาจากอุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือจีนที่ไม่เหมือนประเทศอื่น กล่าวคือ Google Play นั้นไม่เปิดใช้งานในจีน ทำให้ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนแดนมังกรทั้ง Huawei และ Xiaomi ต้องสร้างระบบแอนดรอยด์ของตัวเองขึ้นมา ต่างจาก Apple Store ที่เปิดให้บริการในจีน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนพฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา Charlie Bell ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายความปลอดภัยของ Microsoft เผยว่า “เรายกความสำคัญเรื่องของความปลอดภัยมาก่อนเป็นอันดับแรก มาก่อนฟีเจอร์อื่นๆ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทฯ ให้คำมั่นสัญญาเอาไว้ว่า จะปฏิรูประบบความปลอดภัยใหม่ทั้งหมดภายใน 20 ปีด้วย Secure Future Initiative และจะเร่งมือดำเนินการแก้ไขช่องโหว่ในคลาวด์ เพื่อไม่ให้แฮกเกอร์เจาะเข้ามาขโมยข้อมูลสำคัญ รวมถึงบังคับให้พนักงานทุกคนต้องมีการยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัย (Multifactor Authentication) ซึ่งเป็นระบบการยืนยันตัวตนที่มีความปลอดภัยสูงสุดในปัจจุบัน แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.bloomberg.com/news/articles/2024-07-08/microsoft-orders-china-staff-to-switch-from-android-phones-to-iphones-for-work?srnd=economics-v2" alt="Microsoft Orders China Staff to Use iPhones for Work and Drop Android">Microsoft Orders China Staff to Use iPhones for Work and Drop Android</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/gartner-gen-ai-chip-july-2024" alt="การ์ทเนอร์ คาดการณ์ปี 2567 รายได้ชิป AI ทั่วโลกจะโตขึ้น 33% จากเทรนด์ GenAI">การ์ทเนอร์ คาดการณ์ปี 2567 รายได้ชิป AI ทั่วโลกจะโตขึ้น 33% จากเทรนด์ GenAI</a>​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Microsoft เอาจริง! บังคับพนักงานในจีนใช้ iPhone ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย เริ่มเดือน ก.ย. นี้

<h2>Apple กำลังลดราคา iPhone และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในจีนเป็นการชั่วคราว นับเป็นก้าวที่เหนือความคาดหมาย สาเหตุจากตลาดสมาร์ทโฟนในเอเชียที่มีการแข่งขันดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ</h2> &nbsp; &nbsp; เนื่องในโอกาสต้อนรับเทศกาลตรุษจีน เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Apple ประเทศจีนลงรายละเอียดการลดราคา iPhone รุ่นล่าสุดมากถึง 500 หยวน (ราว 2,480 บาท) ด้านผลิตภัณฑ์ยอดนิยมอย่าง Mac และ iPad ก็มีโปรโมชั่นลดราคาเช่นกัน โดยลดสูงสุด 800 หยวน (ราว 4,000 บาท) สำหรับ Mac และ 400 หยวน (ราว 2,000 [km) สำหรับ iPad ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 18 มกราคม ถึง 21 มกราคม 2024&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ตัวแทนจำหน่ายรายอื่นจะมีการลดราคาสินค้าของ Apple แต่ทางบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่จากสหรัฐอเมริการายนี้แทบจะไม่มีข้อเสนอพิเศษหรือลดราคาให้เห็นกันเลย ส่วนหนึ่งคือความพยายามในการดำรงภาพลักษณ์แบรนด์พรีเมียม ซึ่งนับเป็นเรื่องสำคัญยิ่งสำหรับ Apple ที่ตั้งเป้าดึงดูดลูกค้าระดับไฮเอนด์ในจีน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การหั่นราคา iPhone ในคราวนี้เกิดขึ้นหลัง Huawei บริษัทเทคยักษ์ใหญ่สัญชาติจีนเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด Mate 60 Pro ได้กว่า 5 เดือน ซึ่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าวมีกระแสตอบรับอย่างดีจากผู้บริโภคชาวจีน มากจนทางการสหรัฐฯ ต้องเข้ามาตรวจสอบชิปสุดล้ำในสมาร์ทโฟนรุ่นนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ ช่วงเวลาเดียวกันกับที่สมาร์ทโฟนอันทรงพลังรุ่นนี้ออกวางจำหน่าย Wall Street Journal ก็รายงานว่ารัฐบาลกลางของจีนประกาศแบนการใช้ iPhone โดยอ้างแหล่งข่าวนิรนามที่รู้เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม โฆษกรัฐบาลจีนได้ออกมาปฏิเสธว่าไม่มีการออกกฎหมายหรือข้อห้ามใช้ iPhone แต่อย่างใด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลดราคา iPhone ในจีนครั้งใหม่นี้นำมาซึ่งคำถามว่าความต้องการผลิตภัณฑ์ของ Apple มีมูลค่าเท่าไหร่ในประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลกในตอนนี้ โดยจีนนับเป็นตลาดสำคัญของผู้ผลิต iPhone เสมอมา ยอดขายรวมของ Apple ปี 2023 ราว 1 ใน 5 มาจากจีน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับยอดขาย iPhone 15 นั้นตกลง 4.5% ในจีน เทียบกับยอดขาย iPhone 14 ช่วงสองสัปดาห์แรกหลังเปิดตัวในเดือนกันยายน อ้างอิงจาก Counterpoint Research และในสัปดาห์ที่ผ่านมา Jefferies Research ก็บอกแก่ลูกค้าว่า ยอดขาย iPhone ดิ่งวูบ 30% ในสัปดาห์แรกของปี จากรายงานข่าวของ Reuters&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จีนถือเป็นหนึ่งในตลาดที่สำคัญที่สุดสำหรับ Apple และมียอดขายมากเป็นอันดับสองตามหลักเพียงตลาดอเมริกาเหนือ แต่เศรษฐกิจจีนกำลังเผชิญความยากลำบากตลอดปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการเติบโตของ Apple โดยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Apple เพิ่งจะเสียตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดในตลาดหลักทรัพย์ให้แก่ Microsoft แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://edition.cnn.com/2024/01/15/tech/apple-rare-discounts-iphones-china/index.html" alt="Apple is offering rare iPhone discounts in China">Apple is offering rare iPhone discounts in China</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/tiktok-and-lvmh-plan-removing-fake-goods-from-platform" alt="TikTok หารือจับมือ LVMH ขจัดสินค้าแบรนด์เนมปลอมออกจากแพลตฟอร์ม">TikTok หารือจับมือ LVMH ขจัดสินค้าแบรนด์เนมปลอมออกจากแพลตฟอร์ม</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Apple หั่นราคา iPhone ท้าชิงตลาดในจีน

<h2 class="p1">Apple ประกาศเปิดตัว Mac Pro รุ่นใหม่ ในงาน Worldwide Developers Conference เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) กับการก้าวไปสู่อนาคตที่หวังพึ่งพา iPhone น้อยลง</h2>
โดย Mac Pro รุ่นใหม่ นั้นมีดีไซน์แบบทาวเวอร์ มีราคาเริ่มต้นที่ 5,999 เหรียญ ขณะที่จอรุ่นใหม่อย่าง Pro Display XDR มีราคาอยู่ที่ 4,999 ส่วนขาตั้งจอ Pro Stand มีราคาอยู่ที่ 999 เหรียญ ซึ่งรวมทุกอย่างด้วยกันแล้ว จะทำให้ Mac ที่ทรงพลังที่สุดในปัจจุบันจะมีราคาราว 12,000 เหรียญ
Mac Pro รุ่นใหม่สีเงินวาวที่มองภายนอกเหมือนเครื่องขูดชีสนี้ คือกลยุทธ์ของ Apple ที่ใช้สู้กับตลาด iPhone ที่หดตัวลง โดยเฉพาะในประเทศจีน หลังยอดขายสมาร์ทโฟนของ Apple ในช่วงต้นปี 2019 ที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา ลดลง 17%  ซึ่งทำให้รายได้ของ Apple ลดลง 5% มาอยู่ที่ 5.8 หมื่นล้านเหรียญ

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/it/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AF-%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%87-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87-apple.html">หุ้นสหรัฐฯ ร่วง หลัง Apple หั่นเป้ารายได้ เหตุยอดขาย iPhone ในจีนลด สะท้อนเศรษฐกิจโลกชะลอตัว</a></li>
</ul>
โดย Apple ได้แต่หวังว่าตลาดใหญ่อย่างจีนจะดีขึ้นอีกครั้ง หลังชะลอตัวต่อเนื่องใน 2 ไตรมาสที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มมากขึ้น บริษัทฯ จึงจำเป็นต้องหาขุมพลังใหม่มาใช้ผลักดันการเติบโตของยอดขาย ซึ่งหนึ่งในความหวังของ Apple คือ Mac Pro ตัวใหม่ที่คาดว่าจะวางขายในฤดูใบไม้ร่วงนี้


<figure><img class="wp-image-8443 " src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/apple03.jpg" alt="" width="748" height="420" /><figcaption> Mac Pro รุ่นใหม่ พร้อมจอ Pro Display XDR และขาตั้งจอรุ่นใหม่</figcaption></figure>
หนึ่งในสิ่งที่ Apple จะพูดถึงทุกครั้งในงาน WWDC คือเวอร์ชั่นใหม่ของระบบปฏิบัติการ iOS ที่ใช้สำหรับโทรศัพท์มือถือ ซึ่งครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน โดยระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่คือ iOS 13 จะช่วยให้การเข้าแอพพลิเคชั่นเร็วขึ้น 2 เท่า และสามารถปลดล็อคด้วย Face ID เร็วขึ้น 30% เพิ่มหมวด Dark Mode ปรับปรุง Photos และ Maps ให้สวยงามและอัจฉริยะมากขึ้น เป็นต้น
นอกจากนี้ Apple ยังเปิดตัวระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่สำหรับคอมพิวเตอร์ Mac อย่าง macOS Catalina และระบบปฏิบัติการใหม่ที่ใช้สำหรับ iPad เท่านั้น
นอกเหนือไปจากการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบปฏิบัติการแล้ว Apple ยังเปิดตัวระบบรักษาความปลอดภัยที่เรียกว่า Sign in with Apple ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถใช้ Apple ID ลงชื่อเข้าใช้งานเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ได้อย่างปลอดภัย


<figure><img class=" wp-image-8442" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/apple02.jpg" alt="" width="739" height="504" /><figcaption> โฉมหน้าระบบปฏิบัติการ iOS 13</figcaption></figure>
ขณะเดียวกัน Apple ยังเปิดตัว HomeKit Secure Video ที่วิดีโอจากกล้องวงจรปิดจะไม่อัพขึ้นระบบคลาวด์โดยตรง แต่เชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์อื่นเช่น tvOS เพื่อเข้ารหัสวิดีโอไว้ล่วงหน้าก่อนจะอัพโหลดวิดีโอขึ้น iCloud
Apple ยังเปิดตัวแพลตฟอร์ม AR ใหม่อย่าง ARKit 3.0 ที่ผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่เกม AR อย่าง Minecraft Earth ด้วย iPhone ทั้งนี้ สำหรับเทคโนโลยี AR เป็นสิ่งที่ Apple ให้ความสำคัญในอนาคต ซึ่ง Tim Cook ซีอีโอของ Apple เคยให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2017 ว่า แนวโน้มสำคัญสำหรับ iPhone ก็คือเทคโนโลยี AR
นอกจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และฟีเจอร์ใหม่ๆ แล้ว Apple ยังประกาศปิดฉาก iTunes โดยแยกออกมาเป็น 3 แอพพลิเคชั่น คือ Apple Music, Apple TV และ Apple Podcasts เพื่อปรับให้เข้ากับการฟังเพลง และพฤติกรรมการดูโทรทัศน์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป โดยผู้ใช้ยังสามารถจ่ายเงินและดาวน์โหลดเพลงผ่านแอพพลิเคชั่น Music รวมถึงซื้อหนังและดาวน์โหลดรายการทีวีผ่านแอพพลิเคชั่น Apple TV
อย่างไรก็ตาม จากที่สื่อหลายสำนักรายงานว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐอเมริกา เตรียมตรวจสอบบริษัทยักษ์ใหญ่ทางเทคโนโลยีอย่าง Apple, Google, Facebook และ Amazon ว่าผูกขาดทางการค้าจริงหรือไม่ ส่งผลให้หุ้นของ Apple ปิดตลาดด้วยการลดลง 1%
&nbsp;

&nbsp;

แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://asia.nikkei.com/Business/Companies/Apple-unveils-6-000-new-Mac-Pro-as-it-reduces-iPhone-dependence">Apple unveils $6,000 new Mac Pro, as it reduces iPhone dependence</a></li>
 	<li><a href="https://edition.cnn.com/2019/06/03/tech/itunes-apple-wwdc/index.html">RIP iTunes as we know it. Apple breaks up iconic music platform</a></li>
</ul>

Apple เปิดตัว Mac Pro รุ่นใหม่ กับการก้าวไปสู่อนาคตที่หวังพึ่งพา iPhone น้อยลง

<h2 class="p1">Apple Inc บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลก ปรับลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาสเเรกของบริษัทปีนี้ ด้วยยอดขาย iPhone ที่ลดลงอย่างมากในจีน สะท้อนภาพรวมทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มชะลอตัว จากความไม่แน่นอนของสงครามการค้าระหว่างจีนเเละสหรัฐฯ</h2>
ความเคลื่อนไหวของ Apple ครั้งนี้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ปิดร่วงตามตลาดโลกในการซื้อขายเมื่อวันที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา โดยหุ้นของ Apple ปิดตลาดร่วงหนักเกือบร้อยละ 10 ที่ 142.19 เหรียญต่อหุ้น หลังบริษัทเพิ่งประกาศปรับลดคาดการณ์รายได้ประจำไตรมาสแรกของปีงบการเงิน 2019 ที่ 8.4 หมื่นล้านเหรียญ จากเดิมที่คาดการณ์ยอดขายไว้ที่ 8.9-9.3 หมื่นล้านเหรียญ
Tim Cook ซีอีโอของ Apple ระบุในจดหมายถึงเหล่าผู้ถือหุ้นว่า ความต้องการสินค้าของบริษัทในตลาดสำคัญของ Apple ไม่ได้เป็นอย่างที่คาดไว้ โดยเฉพาะในจีนที่มียอดขายลดลงอย่างหนัก ทั้งสินค้ากลุ่ม iPhone, Mac และ iPad สะท้อนถึงผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่กำลังดำเนินอยู่ขณะนี้
สำหรับการปรับลดรายได้ลงในช่วงที่เพิ่งสิ้นสุดไตรมาสเช่นนี้ เกิดคำถามต่อบริษัทชั้นนำของอเมริกาว่ากำลังถูกรัฐบาลจีนเเละผู้บริโภคชาวจีนลงโทษ เเล้วหันไปสนับสนุนบริษัทคู่เเข่งสัญชาติจีนอย่าง Huawei จากข้อพิพาทที่รัฐบาลของประธานาธิบดี Donald Trump เเห่งสหรัฐฯ กำลังเตรียมจะสั่งเเบนการซื้ออุปกรณ์โทรคมนาคมของ Huawei  เเละ ZTE เนื่องจากเกรงว่าอาจมีอุปกรณ์ในการจารกรรมข้อมูลชาวอเมริกัน รวมถึงประเด็นการจับกุมผู้บริหารระดับสูงซึ่งเป็นทายาทของผู้ก่อตั้ง Huawei ในแคนาดา ตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ อีกด้วย
โดย Cook ให้สัมภาษณ์กับ<a href="https://www.cnbc.com/video/2019/01/02/apple-tim-cook-revenue-stocks.html"> CNBC</a> ว่า สินค้าของ Apple ไม่ได้เป็นเป้าหมายของรัฐบาลจีน แต่ผู้บริโภคบางคนอาจจะเลือกที่จะไม่ซื้อ iPhone หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ภายใต้เเบรนด์  Apple เนื่องจากเป็นบริษัทสัญชาติอเมริกัน
“ปัญหาที่ใหญ่กว่าคือการที่เศรษฐกิจจีนชะลอตัว ความตึงเครียดทางการค้าที่จะสร้างความกดดันเพิ่มขึ้น”   ซีอีโอ Apple กล่าว
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางรายเห็นว่า การที่บริษัทยังคงยึดหลักการที่จะขายสินค้าในราคาแพงต่อไปก็เป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้มียอดขายที่ลดลงด้วย ท่ามกลางการเเข่งขันที่รุนเเรงทั้งด้านคุณภาพเเละราคาในตลาดสมาร์ทโฟน
ทั้งนี้ การส่งสัญญาณเตือนจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของโลกอย่าง Apple ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง โดยครั้งก่อนหน้านี้คือไตรมาส 4 ของปี 2008 ในช่วงวิกฤตการเงินสหรัฐฯ
&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.reuters.com/article/us-apple-forecast/apple-cuts-sales-forecast-as-china-sales-weaken-iphone-pricing-in-focus-idUSKCN1OW1O6">Apple cuts sales forecast as China sales weaken; iPhone pricing in focus</a></li>
 	<li><a href="https://www.cnbc.com/2019/01/02/apple-warns-on-q1-results.html">Apple slashes revenue guidance, says iPhone sales are weak in China- shares tank</a></li>
</ul>

หุ้นสหรัฐฯ ร่วง หลัง Apple หั่นเป้ารายได้ เหตุยอดขาย iPhone ในจีนลด สะท้อนเศรษฐกิจโลกชะลอตัว

<h2>iPhone 8 จะกลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมของ Apple ในปีนี้ ด้วยดีไซน์ใหม่เอี่ยม ฟีเจอร์ใหม่ที่ไล่ตามทันคู่แข่ง และราคาสูงลิ่วเกินคาด ข้อมูลใหม่ครั้งนี้อาจชี้ให้เห็นว่า iPhone ที่แพงที่สุดของ Apple คุ้มค่าเงินที่เสียไป</h2>
Ming-Chi Kuo นักวิเคราะห์จาก KGI Securities ที่ถูกมองว่าเป็นแหล่งข่าว Apple ที่น่าเชื่อถือที่สุดบนดาวเคราะห์โลก ล่าสุดเขาเปิดเผยว่า iPhone 8 กำลังวิ่งทะลุขีดจำกัดด้วยฟังก์ชันสำคัญที่ถูกพัฒนาแบบก้าวกระโดด จากขนาดแบตเตอรี่และรูปทรงที่กะทัดรัดมากยิ่งขึ้น มีรายละเอียดดังนี้

1.แบตเตอรีทนทายาด

Kuo กล่าวว่า Apple จะใส่แบตเตอรี่ขนาด 2,700 mAh ลงใน iPhone 8 ซึ่งจะมีความจุมากขึ้นกว่า 30% เมื่อเทียบกับ iPhone 7 ที่มีแบตฯ ขนาด 1,960 mAh และ Kuo บอกว่า Apple จะบีบอัดแบตฯ นี้ลงไปในตัวเครื่องด้วยการใช้ “การออกแบบแผงวงจรซ้อนทับกันหลายชั้นมูลค่าสูง” โดยการซ้อนทับแผงวงจรนี้จะทำให้ iPhone มีพื้นที่ว่างเหลือกว่าครึ่งหนึ่งเพื่อใส่แบตเตอรี่ขนาดใหญ่แทนที่จุดที่เคยเป็นแผงวงจร

แม้แบตเตอรี่มือถือจากค่ายคู่แข่งอย่าง Galaxy S7 (ขนาด 3,000 mAh) ที่มีขนาดใหญ่กว่าก็จริงแต่ด้วยระบบปฎิบัติการ iOS มีส่วนสำคัญในการลดการใช้งานแบตเตอรี่อย่าง iPhone 7 Plus ขนาดหน้าจอ 5.5 นิ้ว กับแบตเตอรี่ขนาด 2,900 mAh กลับกลายเป็นสมาร์ตโฟนที่แบตฯ ใช้งานได้นานที่สุดเครื่องหนึ่งในตลาด

ทั้งนี้ iPhone 8 ตั้งใจจะออกแบบหน้าจอขนาดประมาณ 5 นิ้วเท่านั้น โดยใช้หน้าจอแบบ OLED แทนที่จอ LCD แบบเดิม ซึ่งมีประสิทธิภาพมากกว่า หากเป็นจริง iPhone 8 เปลี่ยนแปลงวงการสมาร์ตโฟนด้วยการเพิ่มขีดจำกัดการใช้งานสมาร์ทโฟนให้ใช้งานติดต่อกันได้หลายวัน

<figure><img style="width: 680px; height: 369px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/440a30e19a8c5a655272f03cb941f1de.jpg" alt="" width="960" height="521" /><figcaption> ภาพร่างของแผงวงจรแบบซ้อนทับของ  iPhone 8 และวิธีการสร้างพื้นที่ใหม่ให้กับแบตเตอรี่ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น (เครดิตภาพ: MacRumors)</figcaption></figure>

2.สมาร์ตโฟนขนาดกะทัดรัด

รายละเอียดอย่างที่สองที่ Kuo เปิดเผยคือ แม้จะมีหน้าจอขนาด 5 นิ้ว แต่ขนาดตัวเครื่อง iPhone 8 จะไม่ใหญ่ไปกว่าตัวเครื่อง iPhone 7 ที่มีขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว เป็นขนาดที่ทำให้ใช้เครื่องได้ด้วยมือเดียว ถือเป็นคุณสมบัติเด่นในยุคที่ “แฟลบเบ็ต” (สมาร์ตโฟน+แทบเล็ต) มีอิทธิพลต่อตลาดมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่ง Apple ทำได้สำเร็จโดยการตัดส่วนของตัวเครื่องที่ไม่ใช่หน้าจอทั้งด้านบนและด้านล่างออก และเป็นเทรนด์การออกแบบที่คาดว่าทั้ง LG และ Samsung จะใช้เช่นกันในปีนี้

ด้วยดีไซน์ใหม่ของ  iPhone  ดังกล่าวจะทำให้ Apple  ต้องถอดปุ่ม Home ที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของ iPhone ออกไป รวมถึงระบบ Touch ID ที่จะถูกย้ายมารวมเป็นส่วนหนึ่งของหน้าจอ แม้จะฟังดูเป็นเทคโนโลยีโลกอนาคต แต่แท้จริงแล้ว LG เปิดตัวเทคโนโลยีนี้ไปตั้งแต่พฤษภาคม 2559 และ Apple จะเป็นค่ายแรกที่นำเทคโนโลยีดังกล่าวสู่ตลาดสมาร์ทโฟน ภายหลังการจดสิทธิบัตรนวัตกรรมนี้ไปก่อนหน้านี้

<figure><img style="width: 680px; height: 449px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/380b506e191041fcb91a6945fcc60b3d.jpg" alt="" width="960" height="634" /><figcaption> LG แสดงเทคโนโลยีการตรวจสอบและระบุลายนิ้วมือที่ทำงานโดยตรงจากหน้าจอได้ ซึ่งบริษัทเปิดตัวเทคโนโลยีนี้ไปตั้งแต่ปี 2559 แต่ Apple จะเป็นเจ้าแรกที่มีสินค้าที่มีเทคโนโลยีนี้ออกขายในตลาด (เครดิตภาพ: LG)</figcaption></figure>

การอัพเดต iPhone ครั้งใหญ่ที่สุดของ Apple

ทั้งหมดทั้งมวลนี้หมายความว่า iPhone 8 จะเป็นการอัพเดตทั้งภายในและภายนอกครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ iPhone (บางข่าวกล่าวว่า iPhone รุ่นนี้จะถูกเรียกว่า ‘iPhone X’ เพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี iPhone) แม้บางกระแสออกมาวิพากษ์วิจารณ์ถึงการอัพเดตครั้งนี้ว่า “ช้ากว่ากำหนด” เพราะจากธรรมเนียมเดิมที่ทุก 2 ปี Apple จะปรับโฉมรูปร่างหน้าตา iPhone โดยเฉพาะ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ที่วางตลาดในปี 2559 ถือเป็นการใช้โมเดลเดิมซ้ำกันเป็นครั้งที่สาม ถึงขึ้นที่นักวิจารณ์บางสำนักกล่าวว่า Apple กำลังสูญเสียความสามารถในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ และทำให้กำไรของบริษัทรวมถึงตัวเลขยอดขายเริ่มเข้าสู่ช่วงขาลง

แน่นอนว่า iPhone 8 ถูกคาดหวังว่าจะช่วยพลิกฟื้นสถานการณ์ของ Apple ซึ่งข่าวลือที่มาพร้อมๆ กับความใหม่หมดจดของ iPhone 8 คือเรื่องราคาเปิดตัวที่คาดการณ์กันว่าจะสูงถึง 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ! (ประมาณ 35,000 บาท ณ วันที่ 16 ก.พ. 60)

&nbsp;

เรียบเรียงจาก “Apple Leak Reveals Massive iPhone 8 Upgrade” โดย Gordon Kelly

Apple เผยโฉมการอัพเกรดครั้งใหญ่ของ ‘iPhone 8’

หลังจากใช้งาน beta มายาวนาน Apple ได้ปล่อย iOS 8.3 ต่อสาธารณะ โดยผู้ใช้ สามารถดาวน์โหลดและติดตั้ง โดยไปที่ Settings &gt; General &gt; Software Update ซึ่งอัดเดทนี้เพิ่มเติมสิ่งที่น่าสนใจและความสวยงามให้น่าใช้มากยิ่งขึ้น 
 
โดยสิ่งที่คาดว่าจะส่วนสำคัญใน iOS 8.3 นี้ คือ emojis ใหม่, การแก้ไขการเชื่อมโยงไร้สารกับรถยนต์ (CarPlay), การปรับปรุงการใช้แอพฯ ส่งข้อความต่างๆ โดย Apple กล่าวเพิ่มเติมถึงศักยภาพที่เพิ่มเติมให้สำหรับ ระบบปฏิบัติการ อย่างการตอบสนองการใช้แอพฯ ข้อความ, WIFI, การกำหนดค่า การใช้งาน Safari การพิมพ์ในภาษาอื่น ปุ่มการทำลัด และ การลดความยุ่งยากในการพิมพ์ภาษาจีน นี่คือการรายละเอียดของการปรับปรุงที่ถูกกำหนดไว้ใน&nbsp; iOS 8.3 
&nbsp; 
การปรับปรุง WiFi และ Bluetooth 
การปรับปรุงสำหรับ WiFi และ Bluetooth ใน iOS 8.3 คือการแก้ไขการเชื่อมต่อ WIFI ที่มักจะให้ถามถึงรหัสการเชื่อมต่อซึ่งเกิดขึ้นเมื่อสัญญาณ WIFI หลุดไป, การแก้ไขเรื่องการตัดสัญญาณ WIFI ในกรณีที่มีสายเรียกเข้ามาที่ตัวเครื่อง และการเชื่อมต่อแบบไร้สายกับลำโพงไร้สายในหลายๆ รุ่น ที่หยุดการส่งสัญญาณระวังใช้งาน ซึ่งส่วนนี้ก็ได้รับการแก้ไข 
 
การปรับปรุงการแสดงผลหน้าจอในแนวตั้งและแนวนอน 
iOS 8.3 ได้แก้ปัญหาการแสดงผลระหว่างการสลับการใช้งานหน้าในแนวตั้งและแนวนอน, การแก้ไขปัญหาการแสดงผลของหน้าจอที่สร้างความยุ่งยากในการอ่านหน้าจอเมื่อ ต้องอ่านกลับหัว ระหว่างที่หยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเพื่อแค่ดูการแจ้งเตือนที่เกิดขึ้นบน หน้าจอ ซึ่งเป็นข้อผิดพลาดที่เกิดจากการตั้งค่าการใช้งาน 
 
การแก้ไข การใช้งาน The Messages App 
การแก้ไขข้อผิดพลาดในการใช้งาน The Messages App อย่างการรวมกลุ่มข้อความเข้าไว้ด้วยกัน, การแก้ไขส่งต่อ หรือลบข้อความด้วย ทั้งนี้ iOS 8.3 ได้เพิ่มความสามารถในการรายงานข้อความความขยะจาก The Messages App และสามารถคัดกรอง iMessages ที่ไม่ได้มาจากรายชื่อของคุณได้อีกเช่นกัน 
 
การแบ่งปันแอพฯ ในสมาชิกของครอบครัว 
iOS 8.3 ได้แก้ไขการใช้งานและอัพเดท เกี่ยวกับการใช้งานแอพฯ ระหว่างสมาชิกของครอบครัวในการแบ่งปันแอพที่โหลดไว้แล้วได้ฟรี โดยต้องเสียเงินในการดาวน์โหลดแอพฯ กันเอง 
 
แก้ปัญหาการเชื่อมต่อกับรถยนต์ (CarPlay) 
Apple ได้แก้ปัญหาเกี่ยวกับการแสดงผลบนหน้าจอของรถยนต์ภายหลังจากการแสดงผล ระหว่างการเชื่อมโยงกับ CarPlay ที่เกิดปัญหาจอดำบ้าง การแสดงผลหน้าจอที่ผลไม่ถูกต้องเมื่อมีการเปลี่ยนมุมมองแผนที่ และยังได้แก้ไขในการใช้คีย์บอร์ดให้ใช้ได้อย่างแท้จริงหลังจากที่ไม่สามารถสัมผัสได้ในตัวเก่า 
 
การแก้ไขด้านอื่นๆ 
Apple ได้พัฒนาในการใช้งานหลายๆ ส่วนในการอัพเดท iOS 8.3 นี้ อย่างการเพิ่มเติมการสร้างปฎิทินนัดหมายที่เลือกการแสดงเวลาภายใน Note, การแก้ไขในการตอบสนองต่อการใช้งานและการจำค่าบันทึกรหัสผ่านต่างๆ ผ่านเวปไซต์ที่เข้าไปใช้งาน ทั้งนี้ใน iOS 8.3 ยังแก้ไขเรื่องการสั่งงานด้วยเสียง, การใช้งานเสียง และอักษรเบรลล์ สำหรับ iPhone 6 plus สามารถพิมพ์ตัวเอียง และเพิ่มคำใต้เส้นบนตัวอักษร ห่างเลือกการใช้งานหน้าจอในแนวนอน ทั้งนี้สำหรับ Apple Pay คุณสามารถลบที่อยู่ในการจัดส่ง บิลๆ ต่าง ได้แล้ว 
 
Siri เข้าใจภาษาได้มากขึ้น 
Siri ได้เพิ่มภาษาไทยและภาษาอื่น เพื่อรองรับการใช้จากหลากหลายประเทศ ตามรายชื่อเหล่านี้ 
English (India, New Zealand), Danish (Denmark), Dutch (Netherlands), Portuguese (Brazil), Russian (Russia), Swedish (Sweden), Thai (Thailand) and Turkish (Turkey). และเพิ่มเติมภาษาการสั่งงานเพิ่มเติมอย่าง Arabic (Saudi Arabia, United Arab Emirates) and Hebrew (Israel). 
&nbsp; 
รูปแบบใหม่ของ Emojis 
และนี้น่าจะเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในการอัพเดท iOS 8.3 ในครั้งนี้ เพราะเป็นการออกแบบการแสดงใหม่หมด โดยสามารถเลือกใช้ Emojis ได้มากกว่า 300 แบบ และยังสามารถปรับเปลี่ยนสีผิว และลงรายละเอียดไปถึงการแสดงผลการแต่งกายที่แตกต่างไปตามสีผิว และวัฒนธรรมการแต่งตัว แต่ไม่มีสีผิวดำในเลือกใช้ และสามารถให้ผู้ใช้งานเลือกใช้สถานะความสัมพันธ์ที่เปิดเผยมากขึ้น มีธงชาติมากขึ้นถึง 32 ประเทศ 

	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/april%202015/%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A7/IMG_2368-copy.png" /> 
	เรียบเรียงใหม่จากบทความของ Amit Chowdhry จาก forbes.com
<hr />
<a href="http://goo.gl/htNnWW">อ่าน Forbes Thailand ฉบับ APRIL 2015 ในรูปแบบ E-Magazine และฉบับย้อนหลังได้ที่นี่</a>

Apple อัพเดท iOS 8.3 Emojis ใหม่ และ Siri พูดไทยได้

<div>30 มกราคม 2558 - หลังผ่านพ้นไตรมาสสุดท้ายปี 2014 ส่วนแบ่งการตลาดทั่วโลกของ Samsung ร่วงลงถึง 25% นับว่าเป็นการถดถอยครั้งแรกในรอบ 3 ปี  ขณะที่หนทางสร้างกำไรในอนาคตก็ไม่สดใสนัก หากเทียบกับผลกำไรของ<a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=299"> Apple ที่สร้างกำไรรายไตรมาส สูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ของธุรกิจ</a></div>
<div>
</div>
<div>กำไรในไตรมาส 4 ของ Samsung  ยังลดลง 27% เหลือ 4.9 พันล้านเหรียญ ทั้งที่ยอดจำหน่ายสมาร์ตโฟนช่วงเดียวกัน อยู่ระหว่าง 72.2 ถึง 75.1 ล้านเครื่อง แทบจะไม่ต่างไปจาก Apple ในไตรมาสเดียวกัน ที่ 74.8 ล้านเครื่องเลย  ทว่า Samsung ไม่สามารถทำอัตรากำไรขั้นต้น (gross margin) ได้ 39% อย่างที่ Apple ทำได้</div>
<div></div>
<div>ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานลดลง 10% จากปีก่อน ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีก็ร่วงลง 18% จากของปีก่อนที่ 21%  ส่วนกำไรจากการดำเนินงานเฉพาะแผนกโทรศัพท์มือถือ ลดลงจาก 5 พันล้านเหรียญ เหลือ1.8 พันล้านเหรียญในไตรมาสที่สี่</div>
<div></div>
<div>ทาง Samsung แจ้งอีกว่า จำต้องหั่นค่าใช้จ่ายในงานบ้างด้านเช่นงบการตลาด เพื่อชดเชยกับยอดขายที่ลดลง ซึ่งทางบริษัทคาดการณ์ว่าการแข่งขันในตลาดจะยังเข้มข้นต่อไปในปี 2015</div>
<div></div>
<div>ในวันนี้ Apple ท้าทาย Samsung ในเกมของตัวเอง หลังยุติข้อพิพาทที่ว่า Samsung ลอกเลียนงานออกแบบอุปกรณ์พกพาของตน  แต่ Apple กลับหันมาย้อนรอยจับคุณสมบัติบางอย่าง จนทำให้รุกตลาดในจีนได้สำเร็จ นั่นคือ โทรศัพท์หน้าจอใหญ่ กล่าวกันว่าทาง Samsung คือผู้จุดประกายสไตล์การออกแบบแนวนี้ให้แพร่หลาย ด้วยแนวคิด phablet ในชื่อ Galaxy Note และสมาร์ตโฟนหน้าจอยักษ์ตระกูล Galaxy ทั้งหลาย</div>
<div></div>
<div>Apple กลับมาเดินทางนี้ด้วย iPhone 6 และ iPhone 6 Plus จนลูกค้าในจีนเบือนหน้าจาก Samsung หันมามอง iPhone ด้วยความนิยมใน iPhone จอยักษ์ ทำให้เบอร์สี่ในตลาดสมา 7 ไตรมาสติดต่อกัน ก้าวขึ้นเป็นเจ้าตลาดสมาร์ตโฟนของจีน ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2014 ตามข้อมูลการวิจัยตลาดของ Canalys</div>
<div></div>
<div>อาการถดถอยเช่นนี้ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า Samsung อาจจะเดินตามรอยเท้าอันเจ็บปวดของ Nokia ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้ว บริษัทจากเกาหลีกำลังถูกขนาบจากคู่แข่งรายสำคัญ ทั้งตลาดไฮเอนด์ (Apple) และโลว์เอนด์ (Xiaomi)  เริ่มประจักษ์ชัดได้ในไตรมาส 2 ของปี 2014  Xiaomi ที่เติบโตอย่างรวดเร็วได้แซงหน้า Samsung ขึ้นเป็นอันดับสองในตลาดสมาร์ตโฟนของจีนสำเร็จ</div>
<div></div>
<div>ความหวังของ Samsung ยามนี้อาจอยู่ที่ธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งเกิดมาก่อนจะเกิดตลาดสมาร์ตโฟน และยังเป็นหน่วยธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับ Samsung ด้วยยอดขายเติบโต 6% ขณะที่ยอดขายหน่วยความจำพุ่งถึง 24% ในไตรมาส 4 (ขณะที่หน่วยงานอื่นทำยอดขายตกลง)</div>
<div></div>
<div>“Samsung ได้รายงานอย่างมีเหตุผล” Richard Windsor แห่ง Edison Investment Research ระบุ</div>
<div></div>
<div>ทว่า Samsung ต้องถูกกดดันให้รักษากำไรพื้นฐานด้วยยอดขายโทรศัพท์ ที่กำไรร่วงลงอย่างรุนแรง “เป็นที่ชัดเจนว่าจะต้องตัดราคาผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพื่อรักษาส่วนแบ่งทางการตลอดเอาไว้ให้ได้” Windsor กล่าว</div>
<div></div>
<div>“ผู้บริหารระดับสูงยังคงคาดหวังไว้สูง ในระยะยาว พวกเขายังเชื่อว่าจะกลับมาในธุรกิจนี้อีกได้” แต่เขาอธิบายว่าไม่น่าจะใช่เรื่องง่ายนัก เพราะโทรศัพท์มือถือกำลังค่อยๆ กลายเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ (commodity) หมายความว่าหนทางการต่อสู้ของ Samsung คงเหลือไม่มากนัก นั่นคือ ฮาร์ดแวร์ ดีไซน์ และราคา</div>
<div></div>
<div>“คู่แข่งขันทุกรายเหมือนลงเรือลำเดียวกัน โดยทั้งหมดมีโอกาสที่จะสร้างมาร์จิ้นได้สัก 2-4%  เราประเมินว่าเก่งดีที่สุดก็ 10-11%” Windsor กล่าว&nbsp;

<hr />

เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/parmyolson/2015/01/29/samsung-smartphone-earnings-decline-iphone/">Samsung Struggles To Return To Its Glory Days As Smartphone King</a> โดย Parmy Olson

</div>
&nbsp;

Samsung รับศึกหนักทั้งบน-ล่าง กำไรทรุดในรอบ 3 ปี

<div>
	29 มกราคม 2558 - Apple สร้างประวัติศาสตร์อีกครั้งหนึ่ง หลังรายงานผลประกอบการของไตรมาสสุดท้ายปี 2014 ด้วยตัวเลขอันน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะเป็นการทำกำไรเฉพาะไตรมาสที่มากที่สุดเท่าที่เคยปรากฏ ด้วยรายได้สุทธิ 1.8 หมื่นล้านเหรียญ ทุบสถิติเดิมของบริษัทน้ำมันและก๊าซธรรมชาติรัสเซีย Gazprom ที่ทำไว้ 1.62 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อไตรมาสแรกของปี 2011 และของบริษัทน้ำมันเนเธอร์แลนด์ Royal Dutch Shell ที่มีกำไร 1.62 หมื่นล้านเหรียญ ในไตรมาสสองของปี 2008</div>
<div>
	 
	&nbsp;</div>
<div>
	ผลประกอบการอันน่าทึ่งครั้งนี้ แม้แต่ Tim Cook ซีอีโอของบริษัท ยังแสดงอาการแปลกประหลาดใจ ระหว่างการพูดคุยกับนักวิเคราะห์เมื่ออังคารที่ผ่านมา&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	"วันนี้เรากำลังพูดถึงไตรมาสที่เป็นประวัติศาสตร์ของบริษัท" Cook กล่าวผ่านทางโทรศัพท์ "ความสนใจในผลิตภัณฑ์ของ Apple พุ่งสูงสุด ความต้องการ iPhone มีเป็นจำนวนมาก เหนือเกินประมาณการระดับสูงสุดของเราเสียอีก นั่นเพราะความนิยม iPhone 6 และ iPhone 6 Plus ที่มากเป็นประวัติการณ์ ในปริมาณที่ยากจะอธิบายได้"</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	Cook สรุปว่า ในไตรมาสที่ผ่านมา Apple ขาย iPhone ได้เฉลี่ยชั่วโมงละ 34,000 เครื่อง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีไอทีของโลกสร้างสถิติขาย iPhone ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2014 ได้กว่า 74.5 ล้านเครื่อง เหนือเกินคำพยากรณ์ของบรรดานักวิเคราะห์ ที่ประเมินไว้ในทางบวกว่าจะมียอดขายระหว่าง 60 ถึง 71 ล้านเครื่อง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้วยยอดจำหน่าย iPhone นี่เอง ช่วยดันให้รายได้ของบริษัทพุ่งถึง 60% &nbsp;นอกจากนั้นแล้ว ยอดขายในประเทศจีนยังเป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนบริษัทมาถึงหลักกิโลเมตรแห่งประวัติศาสตร์</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในจีนแผ่นดินใหญ่ ยอดขายพุ่งทะยานถึง 70% ที่ 1.61 หมื่นล้านเหรียญ แม้ว่าทาง Apple จะไม่ได้แยกชัดว่าเป็นจำนวนกี่เครื่อง แต่ตัวเลขสถิติระบุว่าเป็นสัดส่วนรายได้ 21.6% ของรายได้ทั้งไตรมาส เพิ่มขึ้นกว่าปีกลายซึ่งอยู่ที่ 16.5%&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ปัจจัยสำคัญทำให้ iPhone มีอนาคตสดใสในประเทศจีน คือการมอบหมายให้ China Mobile เป็นผู้จัดจำหน่าย &nbsp;China Mobile คือผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดในจีน มีลูกค้ามากกว่า 800 ล้านราย และมีถึง 335 ล้านรายใช้งานบนเครือข่าย 3G หรือ 4G &nbsp;เขาเหล่านี้เป้าหมายของ iPhone &nbsp;และตัว Cook เองเป็นตัวจักรสำคัญในความสำเร็จของดีลนี้</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	Apple เริ่มเจรจากับ China Mobile มาตั้งแต่ปี 2008 ในยุคของ Steve Jobs แต่ตัวเขาไม่มีโอกาสเดินทางเข้าประเทศจีนในฐานะซีอีโอ &nbsp;หลังจาก Cook เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2011 ได้ไปเยือนจีนถึงสามครั้งในรอบปี เพื่อพบกับ Xi Guohua ประธาน China Mobile &nbsp;เขาได้มอบ iPhone สีทองให้กับ Guohua หลังจรดปากกาลงนามร่วมมือทางธุรกิจ&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หลังจากนั้น หน้าใหม่ของประวัติศาสตร์ Apple ก็ได้เริ่มต้นขึ้น 
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<hr />
	
		เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/parmyolson/2015/01/28/apple-posted-the-biggest-quarterly-profit-in-history/?utm_campaign=Forbes&amp;utm_source=TWITTER&amp;utm_medium=social&amp;utm_channel=Technology&amp;linkId=12011300">Apple Posted The Biggest Quarterly Profit In History</a> โดย Parmy Olson 
		 
		 
		&nbsp;
</div>
<div>
	&nbsp;</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events