<h2>ในยุคดิจิทัล MarTech (Marketing Technology) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่เข้ามาพลิกโฉมการทำการตลาดให้กับธุรกิจในทุกมิติ ตั้งแต่การวิเคราะห์ข้อมูล วางกลยุทธ์ แผนการตลาด ไปจนถึงดำเนินงานและวัดผล โดย MarTech Solution เป็นกลไกที่เข้ามายกระดับการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และสร้างประการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภค</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท่ามกลางเครื่องมือ MarTech ที่มีมากมายในปัจจุบัน เอ้ก ดิจิทัล (EGG Digital)&nbsp;ผู้เชี่ยวชาญด้านวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่และการให้คำปรึกษาด้านการตลาดดิจิทัล แนะนำกระบวนการทางการตลาด 3 ด้านที่จะช่วยยกระดับธุรกิจ พร้อมเครื่องมือ MarTech Solution ที่ผู้ประกอบการและนักการตลาดยุคใหม่ต้องรู้ในการนำไปประยุกต์ใช้ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ Smart SME เพื่อพาธุรกิจเติบโตได้ทั้งบนออนไลน์และออฟไลน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รัฐธีร์ เจริญรัตน์วรกุล ผู้จัดการทั่วไป ธุรกิจ MarTech Solution บริษัท เอ้ก ดิจิทัล จำกัด กล่าวว่า “การเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยีไม่เพียงทำให้องค์กรธุรกิจต้องปรับตัวเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้วย โดยผู้บริโภคยุคนี้ต้องการประสบการณ์จากทั้งบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ ดังนั้น หากธุรกิจโดยเฉพาะ SME ไม่เร่งทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลก็มีโอกาสที่จะถูกคู่แข่งและผู้บริโภคทิ้งไว้ข้างหลัง”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/irRwbZALnw2RPw6xvQZu.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="irRwbZALnw2RPw6xvQZu.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับขั้นตอนการเตรียมตัวเพื่อก้าวสู่ Smart SME และทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล ได้แก่&nbsp; &nbsp; &nbsp;1) เตรียมความพร้อมด้านข้อมูล เพราะการใช้ MarTech ต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้อง องค์กรธุรกิจควรจัดระเบียบข้อมูลลูกค้าและยอดขายให้ครบถ้วน เพื่อวิเคราะห์ด้วย AI และนำไปวางกลยุทธ์ได้อย่างแม่นยำ &nbsp; &nbsp; &nbsp;2) กำหนดเป้าหมายให้ชัดเจน เช่น เพิ่มยอดขาย ลดต้นทุน สร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า ฯลฯ&nbsp; &nbsp; &nbsp;3) เลือกเครื่องมือที่เหมาะสม โดยเน้นเครื่องมือที่สอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ&nbsp; &nbsp; &nbsp;4) จัดสรรงบประมาณที่เหมาะสม ทั้งด้านการลงทุนใน MarTech และด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง&nbsp; &nbsp; &nbsp;5) กำหนด KPI เพื่อติดตามผลลัพธ์และวัดความคุ้มค่าของกิจกรรมที่ใช้ MarTech Solution &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ รัฐธีร์ได้เผย แนวทางยกระดับกระบวนการทางการตลาด 3 ด้าน ด้วยการใช้ 3 MarTech Solution อย่างชาญฉลาด ดังนี้​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/5BcqWZk4iF1CbygRgpjY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="5BcqWZk4iF1CbygRgpjY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="3841,2161" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> 1. ด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและบริหารจัดการอัจฉริยะ (Data Analytics and Smart Management)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ใช้เทคโนโลยีและข้อมูลมาช่วยในการวางแผน จัดการ และตัดสินใจ โดยใช้โซลูชัน Data Analytics และ Business Intelligence (BI) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ขับเคลื่อนด้วย AI จึงสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเป็นอินไซต์แบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งอินไซต์เหล่านี้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้หลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น &nbsp; &nbsp; &nbsp;1) เข้าใจลูกค้าลึกซึ้ง ด้วยการวิเคราะห์พฤติกรรมและความพึงพอใจของลูกค้า เทรนด์ตลาด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงใจ ช่วยให้ตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำขึ้น &nbsp; &nbsp; &nbsp;2) เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน โดย BI จะช่วยสร้างรายงานธุรกิจแบบเรียลไทม์ ทั้งสรุปและคาดการณ์ยอดขาย เอื้อต่อการวางแผนงาน จัดการสต๊อก และตรวจสอบต้นทุน ช่วยให้ธุรกิจปรับตัวตามสถานการณ์ได้ทันที &nbsp; &nbsp; &nbsp;3) คาดการณ์แนวโน้มตลาด ข้อมูลที่วิเคราะห์จะนำมาแสดงผลรวมบน Dashboard เดียว ช่วยให้มองเห็นแนวโน้มตลาดและวางแผนกลยุทธ์ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจคว้าโอกาสใหม่ๆ ได้รวดเร็ว &nbsp; &nbsp; &nbsp;4) ตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล เมื่อมีอินไซท์เชิงลึกแบบครบรอบด้านจะช่วยให้การตัดสินใจสำคัญต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงทางธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น การขยายสาขา เพิ่มสต็อก หรือจัดแคมเปญการตลาด <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/tw3h6qcHUN38ubZpbMrt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tw3h6qcHUN38ubZpbMrt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" style="width: 720px; height: auto;" data-index="2" origin-size="3841,2161"></figure></div>​2. ด้านการตลาดและการขายอัจฉริยะ (Smart Marketing and Sale)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพิ่มขีดความสามารถและประสิทธิภาพในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย สร้างยอดขาย และสร้างตัวตนให้แบรนด์ด้วย MarTech ที่มีพลังในการสื่อสารบนโซเชียลมีเดียด้วย ซึ่งเอ้ก ดิจิทัลขอยกตัวอย่างแพลตฟอร์ม TikTok เพราะเป็นโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานจำนวนมากและมีจำนวนชั่วโมงการใช้ต่อวันสูง โดย TikTok Solutions มีหลากหลายเครื่องมือ ทั้งโซลูชันวางกลยุทธ์การตลาด สร้างคอนเทนต์ ลงโฆษณา หรือเปิดร้านบนแพลตฟอร์ม ถือเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์กลุ่ม SME ที่ต้องการเพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยกระตุ้นยอดขาย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/11/ZCYPqosbR9gsrL2hr9BW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ZCYPqosbR9gsrL2hr9BW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="3841,2161" style="width: 720px; height: auto;" data-index="3"></figure></div> 3. ด้านการบริการลูกค้าอัจฉริยะ (Smart Customer Service)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในยุคที่ผู้คนเริ่มกลับมาใช้จ่ายและออกมาชอปปิ้งมากขึ้น ธุรกิจ SME ที่มีหน้าร้านหรือสาขา ควรสร้างประสบการณ์ที่ไร้รอยต่อระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ให้กับลูกค้า เพื่อสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและดึงดูดให้มาที่ร้าน ซึ่งโซลูชันที่เอ้ก ดิจิทัลอยากแนะนำคือ LINE AiBeacon โซลูชันนี้สามารถส่งข้อความ โปรโมชัน หรือข้อมูลต่างๆ แบบเฉพาะบุคคลได้อย่างเรียลไทม์เมื่อลูกค้าอยู่ใกล้พื้นที่ของร้าน ช่วยดึงดูดลูกค้าเข้าหน้าร้าน สร้างประสบการณ์ที่ดีด้วยการสื่อสารแบบ O2O (Online to Offline) พร้อมกระตุ้นการซื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภาพ:&nbsp;<a href="https://www.freepik.com/free-photo/representation-user-experience-interface-design_94963703.htm#fromView=search&amp;page=1&amp;position=37&amp;uuid=2d3aae5a-5daa-4643-ad3a-806c053dc455" alt="Freepik">Freepik</a>&nbsp;และ EGG Digital​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/google-said-that-thailand-digital-economy-in-2024-will-grow-second-fastest-in-southeast-asia" alt="Google เผยเศรษฐกิจดิจิทัลไทย 2567 โตเร็วอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้">Google เผยเศรษฐกิจดิจิทัลไทย 2567 โตเร็วอันดับ 2 ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

EGG Digital แนะ 3 แนวทางใช้ MarTech ยกระดับการตลาด ทางรอด SME ทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล

<h2>อินไซท์เอรา เผยเทรนด์พร้อม 5 กลยุทธ์บุกกลุ่มคน “Gen Z” ชี้ “MarTech” อาวุธเด็ดสำคัญของแบรนด์และธุรกิจในยุคดิจิทัล ในงาน DigiTech ASEAN Thailand 2023</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นารีรัตน์ แซ่เตียว ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท อินไซท์เอรา จํากัด ได้เผยว่า “กลุ่มผู้บริโภค Gen Z ในประเทศไทย ที่มีอายุระหว่าง 11-26 ปี (เกิดปี ค.ศ. 1997 – 2012) จำนวนกว่า 13 ล้านคน กำลังกลายเป็นกลุ่มที่นักการตลาดให้ความสำคัญ เพราะคนกลุ่มนี้กำลังจะกลายเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ที่จะขึ้นมาเป็นผู้บริโภคหลักในตลาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Hakuhodu Global ได้เผยถึงข้อมูลว่าในปัจจุบันประเทศแถบอาเซียนมีจำนวนประชากร “Gen Z” ประมาณ 24% ของจำนวนประชากรทั้งหมด หากวิเคราะห์ภาพคนกลุ่มนี้จะเห็นว่ากลุ่มคน “Gen Z” เป็นกลุ่มที่รวมคนหลากหลายวัยเข้าด้วยกัน ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงวัยทำงาน ซึ่งถือได้ว่าเป็นเจเนอเรชั่นที่มีความสำคัญและมีอิทธิพลต่อสังคมและเศรษฐกิจของประเทศ ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงของตลาดโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราสามารถเรียกกลุ่มคน Gen Z ว่าเป็นกลุ่มคน Digital Native ได้ เนื่องจากกลุ่มคน Gen Z เป็นคนกลุ่มแรกที่เติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ต โซเชียลมีเดีย และสมาร์ทโฟน คนกลุ่มนี้จึงมีความเชี่ยวชาญในการใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่หลากหลาย มีความฉลาดในการค้นหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว และวิธีการตัดสินใจที่แตกต่างจากเจเนอเรชันอื่น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากการใช้ Marketing Technology (MarTech) ในการเก็บข้อมูลและวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มคน Gen Z ของอินไซท์เอรา ทำให้รู้ว่ากลุ่มคน Gen Z ให้ความสนใจและให้คุณค่ากับเรื่องความรวดเร็ว (Hustle) ประสบการณ์ที่เหมาะสมกับตนเองและสัมผัสได้ถึงความจริงใจ (Personalization and Authenticity) การเชื่อมต่อในทุกช่องทางและการสื่อสารด้วยภาพ (Hyperconnected and Visual Communication) จิตสำนึกต่อสังคม (Socially Conscious) ยอมรับในความแตกต่างและหลากหลายของวัฒนธรรม (Diversity and Multiculturalism)​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/9Kj45fXvDinYU8Y7qwAp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9Kj45fXvDinYU8Y7qwAp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div> ​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในฐานะที่ อินไซท์เอรา เป็นผู้ให้บริการ End-to-End Marketing Technology &amp; Services ที่ตอบโจทย์การวิเคราะห์ข้อมูลการตลาดครบทุกมิติ ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์ ไปจนถึงการวัดผลลัพธ์ที่แม่นยำ ได้ให้ข้อสรุปว่ากลุ่มคน Gen Z ให้ความนิยมสื่อประเภทรูปภาพและวิดีโอ ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจาก YouGov ที่พบว่าสื่อโซเชียลมีเดียที่กลุ่มคน Gen Z ให้ความนิยมมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ Youtube, Facebook และ TikTok&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ อินไซท์เอรา ยังเผยถึง 5 กลยุทธ์สำคัญในการสื่อสารให้ชนะใจกลุ่มคน Gen Z บนโซเชียลมีเดีย ไว้ดังนี้1.ใช้ประโยชน์จากสตอรี่บนโซเชียลมีเดีย (Leverage Social Media Stories)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มคน Gen Z นิยมแชร์เรื่องราวภาพในไอจีสตอรี่ของตัวเอง ที่เน้นถึงความสนุกสนานและเรื่องราวตามกระแส สอดคล้องกับข้อมูลของ HubSpot ที่พบว่า 72% ของกลุ่มคน Gen Z ใช้อินสตาแกรมอย่างสม่ำเสมอและนิยมแชร์ภาพในไอจีสตอรี่ ทำให้มีอัตราการกด swipe-up สูงกว่าโพสต์ปกติถึง 15-25%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเนื้อหาที่ได้รับความสนใจคือเนื้อหาที่สนุกสนาน (Funny) มีความเกี่ยวข้องกับผู้ชม (Relatable) ตามกระแส (Trendy) ภาพเบื้องหลังเหตุการณ์ (Authentic/Behind the scenes) รวมถึงเนื้อหาที่สามารถมีส่วนร่วมได้ (Interactive contents)2.สร้างเนื้อหาวิดีโอที่น่าสนใจ (Create Engaging Video Content)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กลุ่มคน Gen Z กว่า 54.8% นิยมชมเนื้อหาวิดีโอสั้น (15-60 วินาที) โดยนิยมรับชมเนื้อหาเกี่ยวกับ MV, คลิปไวรัลตลกและเกมส์ (ข้อมูลจาก TikTok)3.การร่วมมือกับไมโครอินฟลูเอนเซอร์ (Collaborate with Micro-Influencers)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลจาก Gen Z Insights พบว่า กลุ่มคน Gen Z กว่า 68% มีความเชื่อใจในคำแนะนำของ Nano / Micro-influencers เมื่อต้องตัดสินใจในการซื้อสินค้ามากกว่า influencers ที่มีผู้ติดตามจำนวนมาก โดยเฉพาะบนช่องทาง Facebook, Instagram, Twitter และ TikTok4.ปรับแต่งเนื้อหาให้เหมาะสำหรับการรับชมผ่านมือถือ (Optimize for Mobile)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลจาก We Are Social ระบุว่า 95.3% ของผู้ใช้ในประเทศไทยเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดีย ผ่านโทรศัพท์มือถือเฉลี่ย 5 ชั่วโมงต่อวัน ซึ่งทาง Google's PageSpeed Insights ระบุว่า 53% ของผู้ใช้มือถือยกเลิกการเข้าชมเว็บไซต์ที่ใช้เวลาโหลดมากกว่า 3 วินาที ดังนั้นแบรนด์ต่างๆ จึงควรออกแบบเนื้อหาภาพ และขนาดตัวหนังสือ ให้เหมาะกับการอ่านบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้ระยะเวลาในการโหลดข้อมูลสำหรับการรับชมน้อยกว่า 3 วินาที5.ให้ผู้คนมีส่วนร่วมกับคอนเทนต์ (User – Generated Content/Challenges)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อมูลจาก TikTok เผยว่า กว่า 90% ของแบรนด์ที่ทำ “Branded Hashtag Challenge” มีแนวโน้มที่ผู้บริโภคจะจดจำและรับรู้ข้อมูลของแบรนด์ได้มากขึ้นถึง 4 เท่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่าผู้บริโภคที่เป็นกลุ่มคน Gen Z มีพฤติกรรมการซื้อสินค้าบนโลกออนไลน์มากกว่าเจเนอเรชันอื่นๆ นี่จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการและนักการตลาดทั้ง B2C และ B2B ที่ใช้ Marketing Technology (MarTech) โดยเฉพาะเทคโนโลยี “Social Listening” เข้ามาช่วยเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคแต่ละกลุ่ม ช่วยให้แบรนด์เข้าใจความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถวางแผน คาดการณ์หรือกำหนดทิศทางการเจาะตลาดให้ตรงกลุ่มเป้าหมายและเข้าถึงด้วยวิธีการที่ตอบโจทย์ตรงใจกลุ่มคน Gen Z เพื่อสร้างการยอดขายของแบรนด์และธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา” นารีรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;สรุปพฤติกรรม คนวัยเกษียณ ทำการตลาดเจาะกลุ่มสูงวัย ต้องรู้อะไรบ้าง <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจาะพฤติกรรมคน Gen Z พร้อม 5 กลยุทธ์การตลาดบนโซเชียล มัดใจคนรุ่นใหม่

<h2>AnyMind Group เผยได้รับการระดมเงินทุนอีก 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก LINE Corporation และ Mirai Creation Fund ด้าน Kosuke Sogo ประธานฯ และผู้ร่วมก่อตั้ง เผยแผนนำเงินต่อยอด 3 ด้าน เตรียมนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในประเทศสำคัญ</h2>
Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group ให้สัมภาษณ์พิเศษ Forbes Thailand Online ถึงภาพรวมธุรกิจของกลุ่มบริษัท AnyMind Group โดยเฉพาะเงินระดมทุนล่าสุดที่ได้จาก Series B 13.4 ล้านเหรียญฯ จาก LINE Corporation และ Mirai Creation Fund

“เงินลงทุนที่ได้รับจะนำไปลงทุนใน 3 ส่วนหลัก คือ การพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีอยู่ เพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมการโฆษณา การตลาด และทรัพยากรบุคคล และเพื่อนำไปดำเนินการโครงการเหล่านี้ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ใน 3 บริษัทคือ AdAsia Holdings, TalentMind และ CastingAsia” Kosuke Sogo กล่าว

Sogo เล่าย้อนให้ฟังถึงการนับตั้งแต่เริ่มดำเนินการในฐานะ AdAsia Holdings ในเดือนเมษายน 2559 (ปัจจุบันอยู่ภายใต้ AnyMind Group) ดำเนินธุรกิจด้านเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์นักการตลาดโดยเริ่มต้นสาขาแรกที่ประเทศสิงคโปร์ ก่อนขยายมายังประเทศไทยเป็นสาขาที่สอง ซึ่งหลังจากได้รับเงินระดมทุนในครั้งนี้ ปัจจุบัน AnyMind Group ได้ขยายกิจการไปแล้ว 11 ประเทศ โดยมีสำนักงาน 13 แห่ง และมีศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่โฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

<figure><img class="wp-image-1398 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/kosuke_sogo.jpg" alt="" width="650" height="867" /><figcaption> Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group</figcaption></figure>

“ในช่วงสองปีกว่าๆ ที่ผ่านมาผมยังคงมุ่งมั่นในความก้าวหน้าของเราต่อไป การขยายส่วนแบ่งการตลาดในภูมิภาคต่างๆ และอุตสาหกรรมที่เราเข้ามา เราทำกำไรได้ตั้งแต่เดือนมกราคมปี 2560 บริษัทสร้างรายได้กว่า 12.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2559 และเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวในปี 2560 เป็น 26 ล้านเหรียญสหรัฐและมีผลกำไรตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 เพื่อพัฒนาเทคโนโลยี และขยายธุรกิจที่นอกเหนือจากอุตสาหกรรมการโฆษณาและการตลาด" Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group กล่าวและเสริมว่า "บริษัทยังขยายตัวจากพนักงาน 90 คนในเดือนเมษายน 2560 ไปจนถึงพนักงานกว่า 330 คนในวันนี้"

เรามีแนวคิดในการพัฒนาเทคโนโลยีและปัญญาประดิษฐ์ (AI) คือการสร้างนวัตกรรมต่างๆ เพื่อมาช่วยในผู้คนได้ง่ายขึ้นไม่ใช่นำมาทดแทนคน ซึ่งเป็นแนวคิดที่เราทำมาตลอด ในโลกปัจจุบันการประมวลข้อมูลจำนวนมหาศาลบนโลกใบนี้ สมองของมนุษย์ไม่สามารถประมวลผลได้อย่างรวดเร็วเพื่อหาพฤติกรรมของผู้บริโภคในตลาด และเพื่อให้คนทำงานได้ผลงานที่ตอบโจทย์การทำงานต่างๆ ได้อย่างแท้จริง

"ในท้ายที่สุดเราต้องการเพิ่มขีดความสามารถให้กับ มืออาชีพ ธุรกิจ และภาคอุตสาหกรรม เพื่อนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้รวมถึงโซลูชั่นที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ผ่านแพลตฟอร์มแบบครบวงจรสำหรับความต้องการของพวกเขาเพื่อให้ทันกับการเติบโตของผลิตภัณฑ์ของเรา ใน 3 อุตสาหกรรมที่แตกต่างกัน เราจะขยายทรัพยากรด้านวิศวกรรมของเราได้ถึงสี่เท่าและหารายได้จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมในสำนักงานในกรุงเทพฯ และโตเกียว" Kosuke Sogo กล่าวและเสริมถึงการลงทุนเพิ่มเติมว่าระหว่างเดือนถึงสองเดือนนี้ เราเอา AdAsia Holdings เข้าซื้อบริษัทผู้เผยแพร่โฆษณา FourM ในประเทศญี่ปุ่น และ Acqua Media ในฮ่องกง ในเดือนกันยายนปี 2018 เพื่อเข้าถึงพื้นที่โฆษณาในทั่วเอเชีย

“สำหรับพื้นที่โฆษณา ปัจจุบัน AdAsia Holdings มีการแสดงผลมากกว่า 12 พันล้านครั้งต่อเดือน ผ่านผู้เผยแพร่โฆษณากว่า 800 ราย ในเอเชีย ผ่านทางการโฆษณาแบบดิสเพลย์ แบบเนทีฟ และวิดีโอโฆษณา”

ซึ่งในกรอบการระดมทุน Series B ครั้งนี้ Sogo เผยด้วยว่าบริษัทจะร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเชิงกลยุทธ์กับ LINE Corporation และ Mirai Creation ซึ่งส่วนหนึ่งของความร่วมมือเชิงกลยุทธ์กับ LINE Corporation จะร่วมมือกับบริษัท AdAsia Holdings โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการโฆษณาดิจิทัล ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ลงโฆษณาจำนวนมากให้เจ้าของสื่อออนไลน์

ในขณะที่ TalentMind แพลตฟอร์มการจัดการผู้สมัครที่มีการตรวจคัดกรองและการจับคู่ที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ถูกใช้กว่า 150 ธุรกิจในเอเชีย นับตั้งแต่เปิดตัวในเดือนมกราคมปี 2561 สำหรับในประเทศไทยเราให้บริการกับ บริษัทSCG เพื่อคัดกรอกผู้สมัครให้ตรงกับความต้องการของบริษัท รวมถึงแผนกทรัพยากรบุคคลของ AnyMind Group เอง ด้าน CastingAsia ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการตลาดสำหรับจับคู่ผู้มีอิทธิพลทางการตลาด (Influencer) กับความต้องการของแบรนด์ได้ ในขณะนี้มี Influencer ในระดับ Micro Influencer และ Macro Influencer มากกว่า 30,000 คน ทั่วเอเชีย

ช่วงท้ายของการสนทนา Sogo เผยภาพรวมของบริษัทยังคงดำเนินได้ดีและต่อเนื่อง อย่างในประเทศไทย Sogo กล่าวว่าบริษัทของเขาเป็นผู้นำเทคโนโลยีที่ทันสมัย เรามีนักเขียนโค้ดชั้นนำจากทั่วโลก (ไม่มีพนักงานในส่วนนี้สัญชาติไทย) ซึ่งในอนาคตอันใกล้เราเตรียมตัวที่เข้าตลาดหลักทรัพย์สองสามแห่งในประเทศที่เด่นในเรื่องเทคโนโลยี นวัตกรรม และปัญญาประดิษฐ์ เพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนในอนาคตของบริษัท

<img class="aligncenter wp-image-1394 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2018/11/bskz-square-orig.jpg" alt="" width="650" height="650" />

“เจ็ดวันของผมคือการทำงานหรือจะเรียกว่าการทำงานคืองานอดิเรกของผมก็ได้ ผมต้องเดินทางเป็นประจำโดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์และไทย ระหว่างการเดินทางหรือยามว่างผมเปิดโทรศัพท์ดูผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง หรืออัพเดทข่าวสารต่างๆ เสมอ ช่วงนี้ ผมกำลังงานเขียนของ Duncan Clark ที่ชื่อ Alibaba: The House That Jack Ma Built ผ่านโทรศัพท์มือถือ แต่เขาไม่ไช่บุคคลต้นแบบของผมนะ หากคุณรู้จัก SoftBank บริษัทการสื่อสารและเทคโนโลยี Masayoshi Son ผู้ก่อตั้งบริษัทนั่นละคือบุคคลต้นแบบของผม ผมชอบมุมมอง วิสัยทัศน์และความมุ่งมั่นในการทำธุรกิจเขา จนสร้าง SoftBank Group อย่างยิ่งใหญ่ในญีปุ่นและสร้างชื่อในเวทีโลก”  Kosuke Sogo ประธานบริหารและผู้ร่วมก่อตั้ง AnyMind Group กล่าวทิ้งท้าย

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events