<h2>จบลงไปแล้วกับ The Eras Tour ทัวร์คอนเสิร์ตครั้งใหญ่ของนักร้องสาวอัจฉริยะ Taylor Swift ที่นอกจากจะตราตรึงในความทรงจำของแฟนคลับทั่วโลก เธอยังฝากร่องรอยอิทธิพลอันแรงกล้าของตนไว้ในระบบเศรษฐกิจนานาประเทศที่ได้ไปเยี่ยมเยือน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่เริ่มต้นเวทีแรกเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2023 ในสหรัฐอเมริกา กระทั่งจบลงบนเวทีสุดท้ายเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม 2024 ที่ผ่านมาในแคนาดา นับเป็นระยะเวลา 632 วันที่ Taylor Swift ออกเดินทางทัวร์คอนเสิร์ตใน The Eras Tour ทั้งสิ้น 149 โชว์ ใน 51 เมือง จาก 5 ทวีปทั่วโลก หากนับเฉพาะเวลาที่เธอใช้บนเวที รวมทั้งหมดอยู่ที่ประมาณ 484 ชั่วโมง หรือเทียบเท่ากับ 20 วัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำนักข่าว New York Times เผยตัวเลขรายได้รวมที่บริษัทของนักร้องสาวสร้างจากทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้อยู่ที่ 2,077,618,725 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นทัวร์คอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ที่สุดตลอดกาลในปัจจุบัน โดยตัวเลขนี้ยังไม่รวมยอดขายสินค้าต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Swift ไม่เพียงสร้างประวัติศาสตร์จากการแสดงสดเท่านั้น ภาพยนตร์บันทึกการแสดง Taylor Swift: The Eras Tour ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อเดือนตุลาคม 2023 ก็กวาดรายได้รวมจากทั่วโลก 261 ล้านเหรียญ และ Forbes ก็ประเมินว่าเธอเป็นนักดนตรีคนแรกที่ขึ้นแท่นมหาเศรษฐีพันล้านจากเพลงและการแสดงเป็นหลัก ในขณะที่นิตยสาร Time ก็ยกย่องให้เธอเป็น Person of the Year 2023 สะท้อนความสามารถและอิทธิพลของเธอ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/iQr8nmkq9NDsNeR3YUpk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="iQr8nmkq9NDsNeR3YUpk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> Swiftonomics เมื่อทัวร์คอนเสิร์ตสะเทือนเศรษฐกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักร้องสาววัย 35 คนนี้ยังสร้างแรงกระเพื่อมอย่างยิ่งใหญ่ต่อเศรษฐกิจของเมืองและประเทศต่างๆ ที่เป็นจุดหมายของการแสดง ซึ่งมีคำเรียกว่า Swiftnonomics โดยการไปเยือนของเธอถือเป็นการดึงดูดเหล่า Swifties (แฟนคลับของ Taylor Swift) ที่ต้องการไปชมคอนเสิร์ตเข้าสู่พื้นที่ ก่อให้เกิดการใช้จ่ายของผู้บริโภค บรรดาร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวต่างได้รับอานิสงส์จากเธอ ถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซาจากโควิด-19 มาหลายปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลำพังเพียงสหรัฐฯ ผลสำรวจของ Question Pro ประเมินว่า Swifties ใช้จ่ายเงินราว 5 พันล้านเหรียญ อย่างไรก็ตาม สมาคมท่องเที่ยวสหรัฐฯ ประเมินว่าตัวเลขอาจทะลุ 1 หมื่นล้านเหรียญหากคำนวณการใช้จ่ายทางอ้อมและแฟนๆ ที่มีส่วนร่วมแม้ไม่ได้ซื้อตั๋วชมคอนเสิร์ต อีกทั้งพฤติกรรมของแฟนๆ ที่มาชมคอนเสิร์ตนั้น ยังมีการท่องเที่ยวและเข้าร่วมกิจกรรมอื่นๆ ในเมือง สร้างกระแสรายได้แก่ธุรกิจในท้องที่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คอนเสิร์ตและกิจกรรมเหล่านี้ช่วยคืนชีพให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในท้องที่รวมถึงตัวเมืองที่ยังคงดิ้นรนจากผลกระทบของโควิด-19” California Center for Jobs &amp; The Economy รายงาน และประเมินว่าคอนเสิร์ตทั้งหมด 6 คืนในลอสแอนเจลิสทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 3,300 ตำแหน่ง ส่วนเมืองพิตตส์เบิร์กซึ่งเป็นสถานที่จัดคอนเสิร์ต 2 คืนรายงานว่า ณ สุดสัปดาห์ที่มีการแสดง ยอดจองโรงแรมพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 สงบลง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ฝั่งยุโรปที่มีการแสดง The Eras Tour รวม 51 โชว์ใน 18 เมืองก็ได้รับอานิงส์ไม่น้อยเช่นกัน ราคาโรงแรมตามเมืองต่างๆ เพิ่มขึ้น ณ ช่วงเวลาที่ Swift ไปเยี่ยมเยือน สำหรับ 3 อันดับเมืองในยุโรปที่มีราคาโรงแรมเพิ่มขึ้นสูงสุด ได้แก่ อันดับ 1 วอร์ซอพุ่งขึ้นถึง 154% ตามด้วยอันดับ 2 สตอกโฮล์มที่ 119% และอันดับ 3 ลิเวอร์พูล 115%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/GPk8hBfxd6xkZ9PKSf7U.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="GPk8hBfxd6xkZ9PKSf7U.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับฝั่งเอเชีย น่าเสียดายที่ Swift กำหนดจุดหมายปลายทางเพียง 2 ประเทศเท่านั้น คือ ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ ซึ่งแฟนๆ ชาวไทยคงได้ข่าวที่ Swift เลือกจัดคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์เมื่อต้นปี 2024 ที่ผ่านมา โดยนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เผยว่า เขาเจรจาให้เธอทำการแสดงที่ประเทศนี้เพียงแห่งเดียวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ร้อนแรงในโลกออนไลน์ กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า คอนเสิร์ตของเธอนำผลประโยชน์มาสู่เศรษฐกิจของสิงคโปร์มหาศาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงเวลาตั้งแต่ก่อนเริ่มจนจบคอนเสิร์ตของ Swift ที่สิงคโปร์ Trip.com เผยว่ามียอดจองเครื่องบินเข้าประเทศเพิ่มขึ้น 186% และยอดจองที่พักเพิ่มขึ้นถึง 462% จากช่วงเวลาปกติ อีกทั้งนักเศรษฐศาสตร์ยังคาดการณ์กันว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ช่วยเพิ่มจีดีพีประจำไตรมาสแรกของสิงคโปร์ราว 222 - 296 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นเพียงตัวอย่างส่วนหนึ่งของ Swiftonomics เท่านั้น ซึ่งแม้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าผลกระทบนี้จะดำรงอยู่แค่ชั่วคราว ก็ต้องยอมรับว่า The Eras Tour ช่วยชุบชีวิตธุรกิจในหลายพื้นที่ และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ จริง แม้เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม แหล่งที่มา:​<a href="https://edition.cnn.com/2024/12/08/business/taylor-swift-eras-tour-economy/index.html" alt="The end of an era: How Taylor Swift boosted the US economy">The end of an era: How Taylor Swift boosted the US economy</a>​ ​<a href="https://www.euronews.com/business/2024/06/06/swiftonomics-how-taylor-swifts-tours-boost-the-economy" alt="Swiftonomics: How Taylor Swift's tours boost the economy">Swiftonomics: How Taylor Swift's tours boost the economy</a><a href="https://www.bbc.com/news/articles/czd88lxe8p2o" alt="Swift tour to boost UK spending by £1bn - report">Swift tour to boost UK spending by £1bn - report</a>​ ​<a href="https://www.theguardian.com/music/2024/dec/09/taylor-swifts-eras-tour-smashes-touring-revenue-record-with-more-than-2bn-in-ticket-sales" alt="Taylor Swift’s Eras tour smashes touring revenue record with more than $2bn in ticket sales">Taylor Swift’s Eras tour smashes touring revenue record with more than $2bn in ticket sales</a>​ ​<a href="https://www.forbes.com/sites/conormurray/2024/12/06/these-cities-reported-the-biggest-economic-boosts-from-taylor-swifts-eras-tour-as-tour-wraps-up-in-vancouver/" alt="These Cities Reported The Biggest Economic Boosts From Taylor Swift’s Eras Tour—As Tour Wraps Up In Vancouver">These Cities Reported The Biggest Economic Boosts From Taylor Swift’s Eras Tour-As Tour Wraps Up In Vancouver</a>​ ​<a href="https://theconversation.com/swiftonomics-what-we-can-learn-from-singapore-multiplying-millions-from-taylor-swifts-eras-tour-228289" alt="Swiftonomics: what we can learn from Singapore multiplying millions from Taylor Swift’s Eras tour">Swiftonomics: what we can learn from Singapore multiplying millions from Taylor Swift’s Eras tour</a>​ ​<a href="https://www.businessinsider.com/taylor-swift-eras-tour-facts-earnings-profit-2024-12" alt="Taylor Swift spent 484 hours — the equivalent of over 20 straight days — singing onstage during the Eras Tour">Taylor Swift spent 484 hours - the equivalent of over 20 straight days - singing onstage during the Eras Tour</a>​ ภาพ: AFP และ @taylorswift13 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/marketing-brilliance-of-taylor-swift" alt="เจาะลึกการตลาดฉบับ Taylor Swift">เจาะลึกการตลาดฉบับ Taylor Swift</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สิ้นสุด The Eras Tour ทัวร์คอนเสิร์ตรายได้สูงสุดตลอดกาล “Swiftonomics” คืนชีพเศรษฐกิจท่องเที่ยว

<h2>ผ่านไป 1 ปีหลังตบเท้าเข้าทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเดือนตุลาคม 2023 ที่ผ่านมา จากกระแสตอบรับอันร้อนแรงของทัวร์คอนเสิร์ต Eras Tour บัดนี้ Taylor Swift ยังกลายเป็นนักดนตรีหญิงที่มั่งคั่งที่สุดในโลกอีกด้วย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Forbes ประเมินว่าตอนนี้ นักร้องสาววัย 34 ปี มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 1.6 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้น 500 ล้านเหรียญเทียบกับเดือนตุลาคมปีก่อน เธอเป็นนักดนตรีคนแรกที่ร่ำรวยจนขึ้นแท่นมหาเศรษฐีพันล้านจากเพลงและการแสดงเป็นหลัก มูลค่าแค็ตตาล็อกเพลงของเธออยู่ที่ราว 600 ล้านเหรียญ การทัวร์คอนเสิร์ตและค่าลิขสิทธิ์ยังสร้างรายได้ให้เธออีก 600 ล้านเหรียญ Swift ยังครอบครองอสังหาริมทรัพย์มูลค่าราว 125 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Eras Tour ที่เริ่มต้นในเดือนมีนาคม 2023 และมีกำหนดการสิ้นสุดลงในเดือนธันวาคม 2024 คือปัจจัยหลักที่เพิ่มความมั่งคั่งให้กับ Swift โดยในปี 2023 ที่ผ่านมา Forbes ประเมินว่าช่วงแรกของทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้สร้างรายได้ให้เธอกว่า 190 ล้านเหรียญ นอกจากนี้ Pollstar ยังรายงานว่า Eras Tour เป็นคอนเสิร์ตแรกที่กวาดรายได้ทะลุ 1 พันล้านเหรียญ ณ เดือนธันวาคม 2023&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับนักดนตรีหญิงที่มั่งคั่งรองลงมาคือ Rihanna ที่มีมูลค่าทรัพย์สิน 1.4 พันล้านเหรียญ ทว่าความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเธอมาจากหุ้นในธุรกิจความงาม Fenty Beauty และ Savage X Fenty&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ถัดมาคือ Madonna ราชินีเพลงป๊อป อีกหนึ่งนักร้องสายทัวร์คอนเสิร์ตระดับโลกเจ้าของมูลค่าทรัพย์สิน 850 ล้านเหรียญ ณ เดือนพฤษภาคม 2024 โดยเธอสร้างรายได้กว่า 1.6 พันล้านเหรียญจากทัวร์คอนเสิร์ตทั้งหมดที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตามด้วย Beyonce ผู้ครอบครองทรัพย์สินมูลค่าราว 760 ล้านเหรียญ ณ เดือนพฤษภาคม 2024 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ด้วยอานิสงส์จากทัวร์คอนเสิร์ต Renaissance World Tour ส่วนนักร้องสาวชาวแคนาเดียนขวัญใจมหาชน Celine Dion มีมูลค่าทรัพย์สิน 550 ล้านเหรียญ ส่วนใหญ่มาจากคอนเสิร์ตประจำในนครลาสเวกัสที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกคนหนึ่งคือ Barbra Streisand นักร้องและนักแสดงสาวมือรางวัลผู้ตีพิมพ์หนังสือที่ระลึกความยาวเกือบพันหน้าเมื่อปีที่ผ่านมา โดยเธอครอบครองทรัพย์สินมูลค่า 460 ล้านเหรียญ นำหน้าซูเปอร์สตาร์เพลงคันทรี Dolly Parton ที่มีมูลค่าทรัพย์สินอยู่ที่ 450 ล้านเหรียญไปเล็กน้อย สำหรับ Parton รายได้ส่วนใหญ่ของเธอมาจากหุ้นในสวนสนุก Dollywood ที่เธอถือครองและแค็ตตาล็อกเพลงมูลค่า 150 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือ Katy Perry ผู้มีมูลค่าทรัพย์สินราว 350 ล้านเหรียญในปัจจุบันความมั่งคั่งของเธอมาจากการขายแค็ตตาล็อกเพลงมูลค่า 225 ล้านเหรียญในปี 2023 และการเป็นกรรมการในรายการ American Idol ซึ่งเธอจะได้รับค่าตอบแทน 25 ล้านเหรียญต่อหนึ่งซีซัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ นอกเหนือจากการเป็นศิลปินดาวเด่นผู้มั่งคั่งแล้ว พวกเธอทั้งหมดที่กล่าวมานี้ยังก้าวขึ้นมาเป็นมหาเศรษฐีด้วยตัวของพวกเธอเอง และหลายคนก็ปรากฏชื่อบนทำเนียบมหาเศรษฐีนีผู้สร้างฐานะด้วยตัวเองแห่งสหรัฐอเมริกาของ Forbes ย้ำความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นต่อสู้เพื่อความสำเร็จของพวกเธอ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.forbes.com/sites/conormurray/2024/10/08/taylor-swift-becomes-worlds-richest-female-musician-heres-who-is-right-behind-her/" alt="Taylor Swift Becomes World's Richest Female Musician: Here's Who Is Right Behind Her">Taylor Swift Becomes World's Richest Female Musician: Here's Who Is Right Behind Her</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/america/world/bill-gates-would-set-62-percent-tax-for-billionaires" alt="Bill Gates เผยมหาเศรษฐีควร ‘ตอบแทนสังคม’ และ ‘จ่ายภาษี’ แนะควรเก็บภาษีคนรวยที่อัตรา 62%">Bill Gates เผยมหาเศรษฐีควร ‘ตอบแทนสังคม’ และ ‘จ่ายภาษี’ แนะควรเก็บภาษีคนรวยที่อัตรา 62%</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สวยและรวยมาก! Taylor Swift ขึ้นแท่นนักดนตรีหญิงมั่งคั่งที่สุดในโลก 

<h2>นับตั้งแต่วันแรกที่ก้าวเข้าสู่วงการดนตรีในฐานะสาวน้อยผู้มาพร้อมสุนทรียภาพแห่งเพลงคันทรี จวบจนปัจจุบันในฐานะดาวเด่นบัลลังก์ป๊อป Taylor Swift ไม่เพียงครอบครองหัวใจของผู้คนนับล้านด้วยท่วงทำนองของเธอเท่านั้น แต่ยังจรัสแสงเจิดจ้าด้วยอัจฉริยภาพด้านการตลาดทรงประสิทธิภาพ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยการเล่าเรื่องอันเฉียบคม ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับแฟนๆ และความร่วมมือกับแบรนด์ต่างๆ อย่างมีกลยุทธ์ Swift จารึกวิถีทางที่ไม่เหมือนใครในอุตสาหกรรมดนตรี ซึ่งในบทความนี้ เราจะไปค้นหาเหตุผลเบื้องหลังความสำเร็จด้านการตลาดของ Taylor Swift รวมถึงวิธีการที่เธอใช้เพื่อปักหลักอย่างมั่นคง ณ จุดสูงสุดในเส้นทางอาชีพของเธอ จุดเริ่มต้นของสาวน้อยผู้รักเสียงเพลง&nbsp; &nbsp;&nbsp;เส้นทางอาชีพของ Taylor Swift เริ่มต้นเมื่อครั้งเยาว์วัย เธอปล่อยอัลบั้มเปิดตัวตอนอายุเพียง 16 ปี และสร้างชื่อในวงการเพลงคันทรีอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการแต่งเพียงเกี่ยวกับความรัก อกหัก และการเติบโตที่เข้าถึงได้ง่ายจับใจผู้ฟังทุกช่วงอายุ ทักษะในฐานะนักร้องและนักแต่งเพลงในระดับมืออาชีพ กอปรกับความสามารถในการเข้าถึงคนฟังพาเธอโผนทะยานสู่จุดสูงสุดของชาร์ตเพลงระดับประเทศ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/CK3X4LA2pY4M6j3tBofs.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="CK3X4LA2pY4M6j3tBofs.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"><figcaption><div>Taylor Swift สมัยยังเป็นหน้าใหม่ในวงการเพลง</div></figcaption></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;ข้อมูลจาก Billboard เผยว่าอัลบั้มเปิดตัวของ Taylor Swift ที่ปล่อยออกมาในปี 2006 ขายได้กว่า 7.75 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก เพลงฮิตช่วงแรกๆ ของเธออย่าง “Love Story” และ “You Belong with Me” กลายเป็นเพลงชาติของผู้คนในยุคนั้น และอัลบั้มอื่นๆ ของเธอก็ยังติดอันดับต้นๆ ของชาร์ตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เธอคว้ารางวัลต่างๆ มากมาย กลยุทธ์การสร้างแบรนด์ฉบับ Taylor Swift&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ขับเน้นความชาญฉลาดด้านการตลาดของ Taylor Swift ให้โดดเด่นกว่าใคร คือกลยุทธ์การสร้างแบรนด์อันแข็งแกร่ง เธอมีความเชี่ยวชาญในด้านศิลปะการเล่าเรื่องโดยใช้ดนตรีและตัวตนที่คนส่วนใหญ่รู้จักทำให้แฟนๆ เกิดความรู้สึกเชื่อมโยงได้ไม่ยาก&nbsp; &nbsp;&nbsp;ไม่ว่าจะเป็นการบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเธอ หรือจินตนาการตัวละครขึ้นมา เพลงต่างๆ ของ Swift ต่างกลายมาเป็นเสมือนเพลงประกอบชีวิตของผู้ฟัง การทำให้เกิดความรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวเองอันจริงแท้เหล่านี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการสร้างฐานแฟนคลับแสนละเอียดอ่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความสามารถในการสื่อใจกับผู้ฟังผ่านการเล่าเรื่องเป็นที่ประจักษ์ชัดเจนในอัลบั้ม “Fearless (2008)” ที่ได้รับรางวัลอัลบั้มแห่งปีจากเวที Grammy Award โดย Nielsen Music เผยตัวเลขจนถึงปี 2020 ว่าอัลบั้มดังกล่าวขายได้กว่า 10.2 ล้านก็อปปี้ทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เนื้อเพลงของ Swift ผสานกับการแสดงอันจับใจก้องกังวานในหัวใจของแฟนๆ ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในศิลปินทรงอิทธิพลสูงสุดในรุ่นเลยก็ว่าได้​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/DDVWsqVWZJuQQ1dPeNco.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DDVWsqVWZJuQQ1dPeNco.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1400,687" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"><figcaption><div>อัลบั้ม Fearless</div></figcaption></figure></div> ใช้โซเชียลมีเดียเป็นพลัง&nbsp; &nbsp;&nbsp;ปัจจุบันคือโลกแห่งยุคดิจิทัล โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญยิ่งในกลยุทธ์การตลาด และ Taylor Swift ก็ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพเกินใคร เธอมีจำนวนผู้ติดตามหลายล้านคนบนแพลตฟอร์มต่างๆ&nbsp; &nbsp;&nbsp;การปรากฎตัวและมีส่วนร่วมสร้างปฏิสัมพันธ์อันดีกับเหล่าแฟนๆ ในระดับส่วนตัวพร้อมแบ่งปันคอนเทนต์สุดพิเศษ ด้วยชีวิตหลังกล้องเล็กๆ น้อยๆ และเข้าถึงได้ ก่อให้เกิดความรู้สึกเหนียวแน่นของความเป็นชุมชน ทั้งยังทำให้แฟนคลับสัมผัสได้ถึงคุณค่าอันลึกซึ้งเหล่านี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;ณ เดือนมิถุนายน 2023 เธอมีผู้ติดตามกว่า 265 ล้านคนบน Instagram โพสต์ต่างๆ ของเธอมักมีแฟนๆ มาแสดงความมีส่วนร่วมกันอย่างล้นหลามด้วยยอดคอมเมนต์และไลค์จำนวนนับหมื่น กลยุทธ์การใช้โซเชียลมีเดียทำให้ Swift สามารถติดต่อสื่อสารกับแฟนคลับได้ในระดับโลกจนกลายเป็นชุมชนอันแข็งแกร่งและเปี่ยมด้วยความหลงใหล สานสัมพันธ์กับแฟนคลับ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ความสัมพันธ์ระหว่าง Taylor Swift กับแฟนๆ ของเธอนั้น นับได้ว่าไม่เคยมีใครทำมาก่อน เธอจัดเต็มได้มากกว่าใครในการแสดงความซาบซึ้งและขอบคุณการสนับสนุนขอเหล่าบรรดาแฟนคลับ เห็นได้จากการจัดกิจกรรมลับๆ เพื่อทำการเซอร์ไพรส์พวกเขาด้วยของขวัญส่วนตัว ความทุ่มเทที่เธอมีให้แฟนๆ นั้นถือเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/buwM8sFqE5DCtwuAoYkp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="buwM8sFqE5DCtwuAoYkp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"><figcaption><div>Taylor Swift พบปะแฟนคลับใน&nbsp;Secret Sessions</div></figcaption></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;ในการเปิดตัวอัลบั้ม “1989” เมื่อปี 2014 เธอได้จัดช่วง “Secret Sessions” แก่แฟนคลับตามเมืองต่างๆ ด้วยการเปิดโอกาสให้พวกเขาได้ฟังเพลงจากอัลบั้มก่อนปล่อยออกมาอย่างเป็นทางการ สร้างความรู้สึกพิเศษและตื่นเต้น การมีปฏิสัมพันธ์อย่างเป็นกันเองกับแฟนๆ ของ Swift ได้สร้างสายสัมพันธ์อันบริสุทธิ์ ทำให้พวกเขารู้สึกมีค่าและซาบซึ้งใจ ศิลปินต้องไม่หยุดพัฒนาตัวเอง&nbsp; &nbsp;&nbsp;ความสามารถในการพัฒนาตัวเองในฐานะศิลปินคืออีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ Taylor Swift ประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง เธอก้าวจากการเป็นนักร้องสไตล์คันทรีสู่วงการเพลงป๊อปได้อย่างแข็งแกร่ง เผยให้เห็นความเก่งกาจรอบด้านควบคู่กับเจตจำนงอันแรงกล้าในการทดลองสไตล์ใหม่ๆ&nbsp; &nbsp;&nbsp;การพัฒนาตัวเองเช่นนี้ทำให้เธอเข้าถึงผู้ชมที่กว้างขวางขึ้น พิสูจน์ความสามารถในการปรับตัวเข้ากับเทรนด์ที่ไม่หยุดนิ่งในอุตสาหกรรมดนตรี ความกล้ายอมรับความเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการตัวเองทำให้ผลงานของเธอยังคงสดใหม่และเปี่ยมด้วยเสน่ห์ไม่เคยจาง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Nielsen Music เผยยอดขายอัลบั้ม “1989” มากกว่า 10 ล้านก็อปปี้ซึ่งนี่เป็นเพียงตัวเลขในสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ผลงานชิ้นนี้ของเธอจึงกลายเป็นอัลบั้มขายดีประจำปี 2014 ซึ่งความสำเร็จครั้งนี้เองเป็นดั่งสัญลักษณ์ที่บ่งบอกการพลิกบทบาทจากนักร้องสาวสไตล์คันทรีกลายมาเป็นโฉมใหม่ของ Swift ที่มาเขย่าทั้งวงการเพลงป๊อปให้โลกต้องสะเทือน​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/Ekjhj1a6xpYAubipEfCt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="Ekjhj1a6xpYAubipEfCt.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px; transform: rotate(0deg);" data-index="3"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>บนเวที The Eras Tour</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท้ายสุดนี้ คงต้องบอกว่า Taylor Swift มาไกลจากจุดเริ่มต้นอย่างมาก เธอไม่เพียงทำการตลาดได้ดีเยี่ยม และประสบความสำเร็จในฐานะศิลปินเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นบุคคลทรงอิทธิพลแห่งยุคเลยก็ว่าได้ The Eras Tour ของเธอสร้างรายได้มหาศาลเข้าสู่ทุกเมืองที่จัดคอนเสิร์ตตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กลายเป็นผลกระทบเชิงบวกทางเศรษฐกิจที่สำคัญยิ่ง และยังสามารถคาดการณ์ได้ว่าแนวทางดังกล่าวจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปจนกว่าทัวร์คอนเสิร์ตรอบนี้จะสิ้นสุดลง แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.forbes.com.au/life/entertainment/inside-the-marketing-brilliance-of-taylor-swift/" alt="Dissecting the marketing brilliance of Taylor Swift">Dissecting the marketing brilliance of Taylor Swift</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/forbes-life/travel-forbes-life/marina-bay-sands-taylor-swift-eras-tour" alt="อีเวนต์ระดับชาติ! Marina Bay Sands จัดเต็มโชว์แสงสีเสียง รับคอนเสิร์ต Taylor Swift ที่สิงคโปร์">อีเวนต์ระดับชาติ! Marina Bay Sands จัดเต็มโชว์แสงสีเสียง รับคอนเสิร์ต Taylor Swift ที่สิงคโปร์</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจาะลึกการตลาดฉบับ Taylor Swift

<h2>ดูเหมือนว่าคอนเสิร์ต The Eras Tour ของ Taylor Swift จะกลายเป็นอีเวนต์ยิ่งใหญ่ระดับชาติของสิงคโปร์ไปแล้วก็ว่าได้ หลัง ‘มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands)’ แลนด์มาร์กสำคัญของประเทศ ได้เนรมิตสถานที่ต้อนรับเหล่าสวิฟตี้ที่มาร่วมคอนเสิร์ต ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 13 มีนาคม 2567</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยกิจกรรมต่างๆ จะถูกจัดขึ้นอย่างเต็มรูปแบบโดยเฉพาะบริเวณ The Shoppes ที่มารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) และ Sands Expo &amp; Convention Center เพื่อเฉลิมฉลองเรื่องราวอันเป็นตำนานของนักร้องและนักแต่งเพลงที่ในเวลานี้คงไม่มีใครไม่รู้จักอย่าง Taylor Swift&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซึ่งกิจกรรมมีตั้งแต่การตกแต่งพื้นที่สำหรับถ่ายภาพไปจนถึงการแสดงโชว์แสงสีและเสียงในบทเพลงที่สวิฟตี้ชื่นชอบ แฟนๆ จะได้ร่วมกันสร้างช่วงเวลาอันน่าจดจำในขณะที่ดื่มด่ำไปกับความมหัศจรรย์ของไอคอนระดับโลกในระหว่างสองสัปดาห์ที่แสนพิเศษนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Irene Lin รองประธานอาวุโสและประธาน เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของมารีน่า เบย์ แซนด์ส (Senior Vice President and Chief Marketing Officer) กล่าวว่า “พวกเรายินดีอย่างยิ่งที่ได้เป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการของคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour ในสิงคโปร์ โดย Taylor Swift ถือเป็นหนึ่งในศิลปินผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกตลอดกาล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ซึ่งมารีน่า เบย์ แซนด์ส ได้พยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครให้เหมาะสมกับศิลปินคนนี้ เราสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความตื่นเต้น และสิ้นสุดเวลารอคอยกับคอนเสิร์ตที่กำลังเกิดขึ้นในสิงคโปร์ เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้มีส่วนร่วมในช่วงเวลาแห่งความมหัศจรรย์นี้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ พื้นที่บางส่วนของ The Shoppes และ Sands Expo &amp; Convention Centre จะกลายเป็นสวรรค์สำหรับหล่าสวิฟตี้ เพราะสถานที่แห่งนี้จะกลายเป็นแผนที่จำลองการเดินทางสู่ชีวิตของศิลปินคนดังอย่าง Taylor Swift เจ้าของรางวัลอันมากมาย ในกิจกรรม Taylor Swift | The Eras Tour Trail​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/9gsLWeGjo7CvEZCzoMg6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="0" data-file-name="9gsLWeGjo7CvEZCzoMg6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยผู้เข้าชมสามารถสัมผัสประสบการณ์ 10 ยุค อันเป็นเอกลักษณ์ของ Taylor Swift ผ่านการจัดแสดงใน 7 รูปแบบ ซึ่งจะเริ่มต้นด้วยการเล่าเรื่องด้วยภาพเกี่ยวกับการเดินทางของ Taylor Swift โดยแต่ละโซนจะนำเสนอมุมมองที่เป็นเอกลักษณ์เกี่ยวกับวิวัฒนาการทางดนตรีของ Taylor Swift ซึ่งเป็นการระลึกถึงยุคที่เป็นหัวใจสำคัญอย่าง ยุค “Lover” และพาแฟน ๆ ย้อนกลับไปยังยุค “1989” ที่หวนคิดถึง กิจกรรมมีถึงวันที่ 13 มีนาคม เวลา 10.30 – 22.00 น. จัดเต็มโชว์แสงสีเสียง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ ถึง 7 มีนาคม แฟนๆ จะได้มีโอกาสรับชมการแสดงแสง สี เสียง Taylor Swift | The Eras Tour Light &amp; Water Show สุดพิเศษ ซึ่งจะจัดขึ้นทุกวัน เวลา 20.00 น. และ 21.00 น. โดยการแสดงพิเศษความยาว 14 นาทีนี้เป็นการพลิกโฉม Spectra – A Light &amp; Water Show การแสดงแสง สี เสียง ของมารีน่า เบย์ แซนด์ส​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/S6SPVtPnHXDV23hRu7Xw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="1" data-file-name="S6SPVtPnHXDV23hRu7Xw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยประสานเข้ากับเพลงฮิตติดชาร์ต 4 เพลง ซึ่งครอบคลุมยุคสมัยทางดนตรีอันหลากหลายของ Taylor Swift อย่าง 'You Belong With Me' (Taylor’s version), 'Cruel Summer', 'Style' (Taylor’s version) และ 'Shake It Off' (Taylor’s version)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้การแสดงยังประกอบด้วยการออกแบบลวดลายของสายน้ำที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour พร้อมด้วยระบำน้ำพุ การฉายภาพประกอบ การฉายแสงเลเซอร์ และเอฟเฟกต์ลาวา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การแสดงแสง สี เสียง Taylor Swift | The Eras Tour Light &amp; Water Show จะเปิดให้เข้าชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย แต่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการของมารีน่า เบย์ แซนด์ส เนื่องจากข้อจำกัดด้านความจุจำนวนผู้เข้าชม ซึ่งได้เปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้าในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ เวลา 12.00 น. โดยบัตรจะมีจำนวนจำกัดและสามารถแลกตั๋วอิเล็กทรอนิกส์ได้สูงสุด 6 ใบต่อคน ประตูของแต่ละการแสดงจะเปิดให้เข้าครึ่งชั่วโมงก่อนการแสดงเริ่ม ขาช็อปห้ามพลาดของที่ระลึก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีร้านจำหน่ายของที่ระลึกสุดพิเศษของคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour ซึ่งจะตั้งอยู่ที่ Sands Expo &amp; Convention Centre ห้องจัดแสดง C ตั้งแต่วันที่ 29 กุมภาพันธ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ บุคคลทั่วไปจำเป็นต้องลงทะเบียนจองช่วงเวลาที่ต้องการล่วงหน้าผ่านเว็บไซต์ทางการของมารีน่า เบย์ แซนด์ส โดยสามารถลงทะเบียนได้เพียงหนึ่งครั้ง และเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี จำเป็นต้องอยู่ในความดูแลของผู้ใหญ่​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/hZtEbsLXjQzGDdFixeH2.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-index="2" data-file-name="hZtEbsLXjQzGDdFixeH2.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style=""></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากมีการเปลี่ยนแปลง จะมีการแจ้งให้ทราบบนเว็บไซต์ทางการของมารีน่า เบย์ แซนด์ส (Marina Bay Sands) <a target="_blank" href="http://www.marinabaysands.com/theErasTour" alt="www.marinabaysands.com/theErasTour">www.marinabaysands.com/theErasTour</a>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่ากิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเติมเต็มประสบการณ์รับชมคอนเสิร์ต Taylor Swift | The Eras Tour ในสิงคโปร์ได้อย่างงดงาม ทำให้ความฝันของคุณกลายเป็น ‘Wildest Dream’ ในแบบที่ลืมไม่ลง และนอกเหนือไปจากประสบการณ์ด้านคอนเสิร์ตและความบันเทิงแล้ว สิงคโปร์ยังมีกิจกรรมอีกมากมายที่รอคุณไปค้นหา โดยสามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ <a target="_blank" href="https://forbes-admin-v2.vercel.app/cms-post-new/VisitSingapore.com" alt="VisitSingapore.com">VisitSingapore.com</a>​ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/travel/global/singapore-boosts-tourism-with-concerts" alt="จาก Coldplay ถึง Taylor Swift สิงคโปร์กำลังใช้คอนเสิร์ตดูดเม็ดเงิน ดันเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว">จาก Coldplay ถึง Taylor Swift สิงคโปร์กำลังใช้คอนเสิร์ตดูดเม็ดเงิน ดันเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

อีเวนต์ระดับชาติ! Marina Bay Sands จัดเต็มโชว์แสงสีเสียง รับคอนเสิร์ต Taylor Swift ที่สิงคโปร์

<h2>CNBC รายงาน Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ เผยว่า ข้อตกลงกับ Taylor Swift ที่มีเงื่อนไขว่านักร้องสาวจะไม่ไปแสดงคอนเสิร์ต The Eras Tour ในประเทศอื่นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเรื่องจริง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เอเจนซีของเราเจรจาขอให้เธอมาเยือนสิงคโปร์ และกำหนดให้สิงคโปร์เป็นจุดหมายปลายทางเดียวของเธอในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” เขากล่าวขณะแถลงข่าวในงานประชุมระดับภูมิภาคที่ออสเตรเลีย จากรายงานของ Reuters&nbsp; &nbsp;&nbsp;คำพูดของ Lee Hsien Loong นับเป็นการยืนยันอย่างเป็นทางการครั้งแรกเรื่องการแสดงของ Swift โดยเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Edwin Tong รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมของสิงคโปร์ได้ปฏิเสธที่จะตอบคำถามในประเด็นนี้ถึงสองครั้ง อีกทั้งยังไม่เปิดเผยมูลค่าดีล แต่บอกเพียงว่าจำนวนเงินนั้น “ไม่ได้สูงอย่างที่คาดเดากัน”&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ด้วยเหตุผลว่าด้วยการรักษาความลับทางธุรกิจ เราไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าหรือเงื่อนไขของข้อตกลงครั้งนี้ได้” เขากล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับประเด็นเรื่องข้อตกลงในการคว้าตัวนักร้องสาวชาวอเมริกันให้มาจัดคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์เพียงแห่งเดียวในอาเซียนนั้น ถูกจุดขึ้นเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อนายกรัฐมนตรีไทย เศรษฐา ทวีสิน ออกมาพูดว่าทางสิงคโปร์จ่ายเงินแก่ทีมงานของ Swift เป็นจำนวนราว 2-3 ล้านเหรียญต่อหนึ่งรอบการแสดง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/kgZxW2oCKDvyrHdSKiWD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kgZxW2oCKDvyrHdSKiWD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>Lee Hsien Loong นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์</div></figcaption></figure></div> ดีลคอนเสิร์ตสะเทือนการทูต&nbsp; &nbsp;&nbsp;การจ่ายเงินทำข้อตกลงกับ Swift นั้นอาจสะเทือนถึงการทูตของสิงคโปร์ ด้วยนำมาซึ่งคำวิจารณ์มากมายจากบรรดาประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากว่าดีลนี้เสมือนเป็นการกีดกันพวกเขาออกจากทัวร์คอนเสิร์ตรายได้สูงสุดที่เคยมีมา&nbsp; &nbsp;&nbsp;Joey Salceda หนึ่งในสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฟิลิปปินส์กล่าวว่า “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เพื่อนบ้านดีๆ เขาทำกัน” พร้อมเสริมว่าข้อตกลงแบบนี้ขัดแย้งกับหลักการทั่วไปของ ASEAN อีกด้วย&nbsp; &nbsp;&nbsp;Lee Hsien Loong ออกมาโต้คำพูดดังกล่าวว่า “ผลลัพธ์ที่ได้คือข้อตกลงที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง ผมไม่เห็นว่ามันจะไม่เป็นมิตรตรงไหนเลย”&nbsp; &nbsp;&nbsp;มีการคาดการณ์ว่า คอนเสิร์ตทั้ง 6 รอบของ Swift จะอัดฉีดเม็ดเงินราว 260-372 ล้านเหรียญเข้ามาในระบบเศรษฐกิจของสิงคโปร์ โดย 70% ของผู้มาชมการแสดงมาจากต่างประเทศ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ระหว่างการแสดงในสิงคโปร์ 3 รอบที่ผ่านมา นักร้องสาวมีการขอเสียงจากผู้ชมสองกลุ่ม ได้แก่ คนในประเทศ และคนที่ลงทุนบินมาจากต่างประเทศ ซึ่งเสียงจากคนกลุ่มหลังจะดังกว่าทุกครั้งไป&nbsp; &nbsp;&nbsp;อีกทั้ง อัตราค่าใช้จ่ายการเข้าพักโรงแรมในสิงคโปร์โดยเฉลี่ยก็เพิ่มขึ้นจาก 256 เหรียญเป็น 400 เหรียญในสัปดาห์นี้ อ้างอิงตัวเลขจากบริษัทซอฟต์แวร์ด้านการท่องเที่ยว RateGain พบว่า นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียจองที่พักเพิ่มขึ้น 92%, ชาวไทยจองเพิ่มขึ้น 111% และอินโดนีเซียจองเพิ่มขึ้น 189%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากมองย้อนไปในอดีต ทัวร์คอนเสิร์ต Reputation Stadium Tour ของ Swift เมื่อปี 2018 จัดขึ้นที่โตเกียวเพียงแห่งเดียวเท่านั้นในเอเชีย แต่คอนเสิร์ตครั้งถัดๆ มา ได้แก่ Speak Now, Red และ 1989 มีการมาเยือนเซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และมาเลเซียด้วย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/vkAd3hoXZjSs1ukPPyEv.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="vkAd3hoXZjSs1ukPPyEv.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"><figcaption><div>Taylor Swift กับคอนเสิร์ต Eras Tour คืนแรกในสิงคโปร์</div></figcaption></figure></div> หลักแหลมหรือเห็นแก่ตัว?&nbsp; &nbsp;&nbsp;ข้อตกลงของสิงคโปร์จุดประเด็นการโต้เถียงว่า การกระทำเช่นนี้นับเป็นการเจรจาต่อรองอันชาญฉลาดหรือความโลภกันแน่&nbsp; &nbsp;&nbsp;“แน่นอนว่าเป็นกลยุทธ์ที่กล้าหาญและหลักแหลมของสิงคโปร์” Selena Oh ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารการตลาดที่ทำงานในสิงคโปร์กล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;ตรงข้ามกัน อีกหลายความคิดเห็นมองว่า ตรรกะผู้ชนะเท่านั้นที่มีสิทธิ์ ของสิงคโปร์นั้นจะส่งผลร้ายต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของภูมิภาค ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการฟื้นตัวจากโควิด-19 รวมถึงแฟนๆ ของนักร้องสาวที่ไม่มีเงินพอจะจ่ายค่าเดินทางแสนแพงเพื่อมาเจอเธอตัวเป็นๆ ได้&nbsp; &nbsp;&nbsp;บางคนก็เปรียบเทียบกับกรณีที่เมืองต่างๆ แข่งขันกันเพื่อแย่งชิงสิทธิ์การเป็นเจ้าภาพงานกีฬาสำคัญ เช่น โอลิมปิก ซูเปอร์โบวล์ และฟุตบอลโลก&nbsp; &nbsp;&nbsp;“มีใครค้านหรือเปล่าที่ F1 ตัดสินใจไปจัดที่สิงคโปร์? มีใครทำเหมือนกับว่าที่นี่ไม่มีเงินหรือขาดแคลนทรัพยากรอื่นๆ ไหม?” Irene Hoe ที่ปรึกษากองบรรณาธิการที่ทำงานในสิงคโปร์ตั้งคำถาม&nbsp; &nbsp;&nbsp;การจัดคอนเสิร์ต ซึ่งก็คือการที่ศิลปินออกเดินทางจากเมืองหนึ่งไปยังอีกเมืองหนึ่งเพื่อพบปะแฟนๆ ไม่เคยมีการแข่งขันที่ดุเดือดเท่านี้มาก่อน แต่แนวทางเช่นนี้กำลังเปลี่ยนไป เมื่อกลยุทธ์การท่องเที่ยวที่มุ่งเน้นประสบการณ์ผลักให้คอนเสิร์ตกลายเป็นแหล่งขุมทรัพย์มหาศาล จากบรรดาแฟนคลับที่ยินดีออกเดินทางข้ามทวีปเพื่อมาดูการแสดงของศิลปินคนโปรด&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากนี้ ในการประชุมรัฐสภาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Gerald Giam นักการเมืองสิงคโปร์รายหนึ่งได้ถาม Tong ที่เป็นรัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรมในกรณีการต่อรองกับ Swift ให้มาจัดคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์เพียงแห่งเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า&nbsp; &nbsp;&nbsp;“แล้วได้มีการตระหนักหรือไม่ครับ ว่าเพื่อนบ้านบางประเทศอาจมองว่าการกระทำนี้เป็นเรื่องใจร้าย?”&nbsp; &nbsp;&nbsp;Tong ตอบว่า “คุณต้องคำนวณและลงมือทำในสิ่งที่สิงคโปร์และชาวสิงคโปร์จะได้รับผลประโยชน์สูงสุด” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.cnbc.com/2024/03/05/debate-heats-up-as-singapore-pm-says-taylor-swift-deal-isnt-unfriendly.html" alt="Debate heats up as Singapore prime minister says exclusive Taylor Swift deal isn’t ‘unfriendly’">Debate heats up as Singapore prime minister says exclusive Taylor Swift deal isn’t ‘unfriendly’</a>​ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/travel/global/singapore-boosts-tourism-with-concerts" alt="จาก Coldplay ถึง Taylor Swift สิงคโปร์กำลังใช้คอนเสิร์ตดูดเม็ดเงิน ดันเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว">จาก Coldplay ถึง Taylor Swift สิงคโปร์กำลังใช้คอนเสิร์ตดูดเม็ดเงิน ดันเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

นายกฯ สิงคโปร์ยอมรับ มีดีล Taylor Swift จริง ชี้ทำเพื่อประเทศ ไม่ได้เอาเปรียบเพื่อนบ้าน

<h2>ตั้งแต่คอนเสิร์ตของ Coldplay, Ed Sheeran มาจนถึง Taylor Swift ประเทศสิงคโปร์กำลังตั้งเป้าใช้คอนเสิร์ตเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนเศรษฐกิจชิ้นใหม่ ที่สร้างกระแสรายได้จากการท่องเที่ยวเข้าประเทศเป็นมูลค่าหลายร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สิงคโปร์เป็นเสมือนแม่เหล็กดึงดูดการเดินทางเชิงธุรกิจมาโดยตลอด แต่อีเวนต์ดนตรีระดับโลกเหล่านี้กำลังเอื้อผลประโยชน์ให้แก่บริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของประเทศ ซึ่งสามารถเพิ่มจีดีพีได้ถึง 10%” Yun Liu นักเศรษฐศาสตร์อาเซียนจาก HSBC เผยเมื่อเร็วๆ นี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในเดือนมกราคม Coldplay วงดนตรีจากอังกฤษขึ้นแสดง 6 ครั้งที่สนามกีฬาแห่งชาติสิงคโปร์ แฟนเพลงแห่ซื้อตั๋ว 200,000 ใบจนหมดในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทำสถิติศิลปินที่มีการขายตั๋วมากที่สุดในวันเดียวของประเทศนี้ โดยสิงคโปร์เป็นประเทศหลักในเอเชียที่ Coldplay มาเยือนในทัวร์คอนเสิร์ต Music of the Spheres World Tour ดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวให้คึกคักอย่างมาก​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/LinrHwW96QLZc532CCyf.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="LinrHwW96QLZc532CCyf.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>คอนเสิร์ต Coldplay ในสิงคโปร์</div></figcaption></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;Agoda แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวชั้นนำในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เผยว่า “การค้นหาที่พักในสิงคโปร์วันที่มีคอนเสิร์ตของ Coldplay พุ่งทะยานมหาศาล” โดยความสนใจในช่วงวันดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น 8.7 เท่าหลังทางวงเริ่มเปิดขายตั๋วในเดือนมิถุนายน โดยส่วนใหญ่แล้วมาจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและอินโดนีเซีย คว้าตัว Taylor Swift ดันท่องเที่ยวโตแรง&nbsp; &nbsp;&nbsp;และในสุดสัปดาห์ที่จะถึงนี้ สิงคโปร์ก็กำลังจะเป็นสถานที่จัดการแสดงของนักร้องสาวดาวเด่น Taylor Swift ซึ่งทัวร์คอนเสิร์ต Eras Tour ของเธอในสหรัฐอเมริกาเมื่อปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดการใช้จ่ายของผู้บริโภคราว 4.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ&nbsp; &nbsp;&nbsp;“มีการคาดการณ์ในวงกว้างว่า Taylor Swift จะอัดฉีดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ อ้างอิงจากตัวเลขที่ผ่านมา” Liu เสริม&nbsp; &nbsp;&nbsp;ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ไม่นานนักหลังจากนักร้องสาวประกาศวันที่จัดคอนเสิร์ตในสิงคโปร์ ยอดจองโรงแรมเดือนมีนาคม 2024 ก็เพิ่มขึ้น 10% อ้างอิงข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์การโรงแรมอย่าง Smith Travel Research&nbsp; &nbsp;&nbsp;Taylor Swift มีกำหนดการแสดง 6 ครั้งในสิงคโปร์ ณ ต้นเดือนมีนาคม 2024 ซึ่งข้อมูลจาก STR data คาดว่าเดือนนี้จะกลายเป็นเดือนที่มีระดับการจองห้องพักสูงสุดในบรรดา 8 เดือนแรกของปี 2024&nbsp; &nbsp; ไม่เพียงเท่านั้น ความต้องการเที่ยวบินไปยังสิงคโปร์ก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เนื่องจากทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้ของ Taylor Swift จะมีขึ้นในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพียง 3 ประเทศเท่านั้น ได้แก่ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการท่องเที่ยวสิงคโปร์ได้เผยว่ามีการทำสัญญาเพื่อคว้าตัวนักร้องสาวให้มาจัดคอนเสิร์ตที่ประเทศของตน <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/mqcLzqHERVkuCaDmDTDt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="mqcLzqHERVkuCaDmDTDt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"><figcaption><div>แฟนคลับ Taylor Swift พร้อมสำหรับคอนเสิร์ตที่สิงคโปร์แล้ว</div></figcaption></figure></div>​​&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ สายการบินชั้นนำของสิงคโปร์ Singapore Airlines และสายการบินราคาประหยัด Scoot บอกกับ CNBC ว่าความต้องการเที่ยวบินมายังสิงคโปร์ในเดือนมีนาคมยังเพิ่มสูงกว่าประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขณะที่ทาง Jetstar Asia ได้ออกมายืนยันข้อเท็จจริงนี้ พร้อมเผยว่าความต้องการเดินทางมายังจุดหมายปลายทางที่เชื่อมต่อกับสิงคโปร์ เช่น กรุงเทพฯ มะนิลา และจาการ์ตา ทะยานขึ้นราว 20%&nbsp; &nbsp;&nbsp;Erica Tay ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยมหภาคแห่ง Maybank คาดว่าคอนเสิร์ตของ Taylor Swift จะสร้างกระแสรายได้จากการท่องเที่ยวราว 350-500 ล้านเหรียญสิงคโปร์ หรือประมาณ 260-372 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากประเมินว่าผู้ชมคอนเสิร์ต 70% เดินทางมาจากนอกประเทศ&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ถ้าเธอไม่มาสิงคโปร์ล่ะก็ ฉันคงไม่ซื้อตั๋วหรอกค่ะ” Mavis Mook นักศึกษาชาวสิงคโปร์วัย 22 ปี ผู้เสียเงิน 300 เหรียญสิงคโปร์ (223.38 เหรียญสหรัฐฯ) เพื่อตั๋วคอนเสิร์ต Taylor Swift กล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ฉันอยากดื่มด่ำกับประสบการณ์นี้พร้อมเพื่อนๆ ที่โตมาด้วยกัน ถ้าต้องบินไปที่อื่นเพื่อคอนเสิร์ตก็ออกจะยากเกินไป” เธอเสริม และบอกกับ CNBC ว่าเธอเสียเงินเพิ่มอีก 150 เหรียญสิงคโปร์เพื่อเสื้อผ้า รวมถึงสร้อยข้อมือลูกปัดซึ่งเป็นไอเทมที่แฟนคลับ Taylor Swift ผู้ชมคอนเสิร์ตขาดไม่ได้ นอกจากนี้ Mook ยังเตรียมเงินอีกส่วนหนึ่งไว้สำหรับซื้อสินค้าพิเศษของศิลปินสาวในคอนเสิร์ตอีกด้วย ยุคสมัยแห่งความบันเทิงของสิงคโปร์&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกเหนือจาก Taylor Swift สิงคโปร์ยังเป็นจุดหมายของ Ed Sheeran, Bruno Mars, Blackpink และศิลปินดังอีกมากมาย ซึ่งสัญญาคว้าตัวผู้คนเหล่านี้มาจัดคอนเสิร์ตนั้นเป็นการจุดประกายอนาคตการท่องเที่ยวที่สดใสให้สิงคโปร์นั่นเอง​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/1LFKRdgBhGE5Z9CzBJK1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="1LFKRdgBhGE5Z9CzBJK1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"><figcaption><div>Marina Bay Sands หนึ่งในแลนด์มาร์กของสิงคโปร์</div></figcaption></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;“เดิมแล้ว ผู้มาเยือนสิงคโปร์จะเป็นกลุ่ม MICE ตามเป้าหมายดึงดูดนักเดินทางเชิงธุรกิจผู้มั่งคั่ง” Liu จาก HSBC อธิบาย ซึ่ง MICE ในที่นี้ ได้แก่ การประชุมภายในองค์กร (Meetings), การให้รางวัลแก่พนักงาน (Incentives), การประชุมนานาชาติ (Conferences) และนิทรรศการ (Exhibitions)&nbsp; &nbsp;&nbsp;Liu ยังเผยว่า สิงคโปร์มีความโดดเด่นด้านเทคโนโลยีการผลิตและการเงินอย่างมาก แต่บริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวคิดเป็นเพียง 10% ของจีดีพีเท่านั้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;การท่องเที่ยวเพื่องานอีเวนต์จะปฏิรูปอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังโควิด-19 เนื่องจากผู้คนมีความเต็มใจจะบินไปชมคอนเสิร์ตหรือการแข่งขันกีฬาต่างๆ มากขึ้น Tay จาก Mabank ชี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากรายได้โดยตรงจากคอนเสิร์ตแล้ว ความดังของซูเปอร์สตาร์ระดับโลกเหล่านี้ยังสามารถนำชื่อเสียงที่จะคงอยู่อย่างยาวนานมาสู่ประเทศในฐานะผู้ได้รับเลือกเป็นสถานที่จัดการแสดงอีกด้วย&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ภาพ Talor Swift ท่องเที่ยวในสิงคโปร์ ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารประจำชาติ หรือชื่นชมสถาปัตยกรรมเก่าแก่ จะถูกบันทึกไว้อีกนาน” Tay กล่าว “หากเธอตกหลุมรักข้าวมันไก่สิงคโปร์ ก็จะทำให้เมนูนี้ได้อวดโฉมในระดับโลกไปพร้อมๆ กับประเทศนี้เลยล่ะ” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.cnbc.com/2024/02/27/coldplay-and-taylor-swift-concerts-to-contribute-to-singapores-growth.html" alt="Coldplay, then Taylor Swift: Concert economics are driving a tourism boom in Singapore ">Coldplay, then Taylor Swift: Concert economics are driving a tourism boom in Singapore </a>​ ​​​​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/it/tada-ride-hailing-lauch-thailand" alt="บุกไทยอย่างเป็นทางการ! TADA แอปเรียกรถจากสิงคโปร์ ชูจุดเด่น ‘ไม่มีค่าคอมมิชชั่น’">บุกไทยอย่างเป็นทางการ! TADA แอปเรียกรถจากสิงคโปร์ ชูจุดเด่น ‘ไม่มีค่าคอมมิชชั่น’</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

จาก Coldplay ถึง Taylor Swift สิงคโปร์กำลังใช้คอนเสิร์ตดูดเม็ดเงิน ดันเศรษฐกิจ-ท่องเที่ยว

<h2>ด้วยทัวร์คอนเสิร์ตทุบสถิติ ความสามารถในการสั่นคลอนเศรษฐกิจ และมูลค่าความมั่งคั่ง 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซูเปอร์สตาร์วัย 33 ปีผู้นี้จึงผงาดอย่างสง่างามบนทำเนียบสตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2023</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“พวกคุณทำให้ฉันรู้สึกยอดเยี่ยมมากเลยค่ะ” Taylor Swift มักเอ่ยประโยคนี้กับแฟนๆ ในทุกๆ เวทีคอนเสิร์ต Eras Tour ที่ตั๋วหมดเกลี้ยง ก่อนเริ่มแสดงเพลงชาติเฟมินิสต์อย่าง The Man&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ท่ามกลางเสียงร้องชื่นชม นักร้องสาววัย 33 ปีผู้นี้จะยกแขนขึ้นและก้มลงจูบกล้ามของตัวเอง เรียกเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่งจากบรรดาผู้ชม “พวกคุณทำให้ฉันรู้สึก” เธอกล่าวยามคลี่ยิ้มกว้าง “ทรงพลัง”&nbsp; &nbsp;&nbsp;แม้ดูเป็นการแสดงที่ออกจะเวอร์วังไปสักหน่อย แต่ชาวสวิฟตี้ต่างเข้าใจดีว่าขุมพลังของ Taylor Swift คือตัวเธอเอง และเป็นเช่นนี้เสมอมา ตลอด 17 ปีในฐานะนักร้อง วันนี้คือวันที่เธอทรงอิทธิพลยิ่งทั้งด้านเศรฐกิจ วัฒนธรรม ไปจนกระทั่งการเมือง พาให้เธอทะยานจากอันดับ 79 บนทำเนียบสตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลกประจำปี 2022 สู่อันดับ 5 ในปีนี้​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/H2Hpbk31UV29TvK774fP.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="H2Hpbk31UV29TvK774fP.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div> &nbsp; &nbsp;&nbsp;ต้องขอบคุณความสำเร็จถล่มทลายของ Eras Tour ที่ทำให้ Swift กลายเป็นมหาเศรษฐีนีพันล้านในเดือนตุลาคม โดยเป็นหนึ่งในศิลปินจำนวนเพียงสิบรายที่ได้รับเกียรตินี้ ตามหลัง Jay-Z (มูลค่าทรัพย์สิน 2.5 พันล้านเหรียญ) และ Rihanna (1.4 พันล้านเหรียญ)&nbsp; &nbsp;&nbsp;คอนเสิร์ตยาวสามชั่วโมงครึ่งสะท้อนความเป็นศิลปินมืออาชีพของเธอ กวาดรายได้เกือบ 850 ล้านเหรียญจากทุกรอบการแสดงในสหรัฐฯ ทัวร์คอนเสิร์ตช่วงแรกนี้เพิ่มมูลค่าทรัพย์สินแก่ Swift ราว 190 ล้านเหรียญหลังหักภาษีแล้ว ทำให้เธอมีความมั่งคั่งสุทธิที่ 1.1 พันล้านเหรียญ สำหรับปีถัดไป เธอจะเดินหน้าขึ้นเวทีที่ยุโรปและเอเชียต่อ&nbsp; &nbsp;&nbsp;อิทธิพลของเธอทรงพลังมากเสียจนส่งผลกระทบด้านการเงินในวงกว้างและเกิดนิยามใหม่ว่า Taylor Swift Effect การแสดงในเดนเวอร์เพียงสองคืนเติมจีดีพีแก่รัฐโคโลราโด 140 ล้านเหรียญ ต้องขอบคุณแฟนคลับที่จ่ายเงินกันคนละราว 1,300 เหรียญเป็นค่าโรงแรม ร้านอาหาร และชอปปิ้ง&nbsp; &nbsp;&nbsp;ธนาคารกลางรัฐฟิลาเดลเฟียยังกล่าวถึง Swift ในรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจเมื่อเดือนมิถุนายน ชี้ว่าในเดือนพฤษภาคมอันเป็นเดือนที่นักร้องสาวดาวเด่นมาขึ้นแสดงคอนเสิร์ตที่ Lincoln Financial Field ในฟิลาเดลเฟีย 3 คืน นับเป็นช่วงเวลาที่โรงแรมต่างๆ ในเมืองมีรายได้สูงสุดตั้งแต่ก่อนโควิด-19 แพร่ระบาด​&nbsp; &nbsp; สมาคมการท่องเที่ยวแห่งสหรัฐฯ ประเมินว่า โดยรวมแล้ว รอบการแสดง Eras Tour ที่จัดขึ้นภายในประเทศจะอัดฉีดเงินกว่า 5 พันล้านเหรียญแก่เศรษฐกิจของรัฐต่างๆ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/QXX7ZjAdbvakQAjBEYTz.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="QXX7ZjAdbvakQAjBEYTz.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp;&nbsp;“เธอเป็นเหมือนกับบริษัทขนาดใหญ่ มีบทบาทสำคัญยิ่งในการขับเคลื่อนหลายภาคส่วน” Carolyn Sloan นักเศรษฐศาสตร์แรงงานและศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยชิคาโกกล่าว “นานแล้วที่ผู้ชมของเธอมีอายุน้อยและเป็นผู้หญิงจนทุกคนอาจประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่ำเกินไป ฉันไม่คิดว่าวันนี้จะมีใครนึกกังขาอีกแล้ว”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ผู้ชมเพศหญิงอายุน้อยทรงอิทธิพลเหล่านี้ยังตามไปดันยอดขายตั๋วชมภาพยนตร์ของ Swift ในปีนี้ด้วยเช่นกัน เป็นอีกครั้งที่เธอฉายแววความเป็นนักธุรกิจในการปล่อยภาพยนตร์บันทึกคอนเสิร์ต The Eras Tour กับทางโรงภาพยนตร์ AMC โดยตรงไม่ผ่านสตูดิโอใน Hollywood แม้เธอจะไม่มีทีมการตลาดแบบดั้งเดิมคอยสนับสนุนก็ตาม เพราะไม่ว่าอย่างไร ตัวเธอก็คือพลังแห่งการตลาดอันเหนือชั้นอยู่แล้ว&nbsp; &nbsp;&nbsp;Stacy Jones ผู้ก่อตั้งเอเจนซีด้านการตลาด Hollywood Branded ประเมินว่านักร้องสาวผู้นี้สร้างมูลค่าการตลาดจากการถูกพูดถึงบนโซเชียล (Earned Media) มากกว่า 1.3 แสนล้านเหรียญตลอดสองปีที่ผ่านมาเลยทีเดียว ถึงการคาดคะเนมูลค่าของสื่อแบบฟรีจะค่อนข้างดูเป็นการมโนก็ตาม&nbsp; &nbsp;&nbsp;คำพูดแบบปากต่อปากและการปรากฏตัวอย่างมีชั้นเชิงในการแข่งขันอเมริกันฟุตบอลของทีม Kansas City Chiefs นั้นชัดเจนเกินพอที่จะเรียกให้แฟนๆ ต้องยอมเสียเงินซื้อตั๋ว ซึ่งภาพยนตร์ของ Swift ก็ทำรายได้ 93 ล้านเหรียญในสัปดาห์เปิดตัว และกวาดรายได้กว่า 250 ล้านเหรียญทั่วโลก&nbsp; &nbsp;&nbsp;เช่นเดียวกับทัวร์และภาพยนตร์คอนเสิร์ต อิทธิพลส่วนมากของ Swift กำเนิดจากอำนาจควบคุมธุรกิจโดยตรงของเธอเอง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 440px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/12/eXZwr5N7wE78YYoLWhmS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="440px,440px" data-align="center" data-file-name="eXZwr5N7wE78YYoLWhmS.jpg" data-file-size="0" origin-size="440,440" data-origin="440px,440px" style="width: 440px; height: 440px;" data-index="2"></figure></div>​ &nbsp; &nbsp;&nbsp;การทวงคืนสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเพลงโดยการอัดอัลบั้มใหม่นั้นถือว่าน่าประทับใจและสร้างกำไรอย่างงดงาม หลังผลงานเหล่านั้นถูกนำไปขายด้วยมูลค่า 300 ล้านเหรียญซึ่งเธอไม่ได้รับผลประโยชน์ด้วย​&nbsp; &nbsp; ตอนนี้เธออัดและปล่อยผลงานเก่าของตนออกมา 4 อัลบั้มแล้ว (จากทั้งหมด 6 อัลบั้ม) ล่าสุดคือ 1989 (Taylor’s Version) ที่สร้างสถิติศิลปินที่มีการสตรีมเพลงมากที่สุดในวันเดียวบน Spotify ณ วันที่ปล่อยออกมาช่วงปลายเดือนตุลาคม&nbsp; &nbsp;&nbsp;หากลองพิจารณาว่า Katy Perry และ Justin Bieber ขายลิขสิทธิ์เพลงของตนเป็นมูลค่ากว่า 200 ล้านเหรียญในปี 2023 นี้แล้ว มูลค่าเพลงของ Swift มีแต่จะเติมความมั่งคั่งให้เธอในช่วงเวลานับจากนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม Swift ยังไม่ใช่สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ตำแหน่งนั้นเป็นของประธานกรรมาธิการยุโรป Ursula von der Leyen เจ้าของนโยบายและการตัดสินใจด้านงบประมาณที่ส่งผลต่อชาวยุโรป 450 ล้านคน ตัวเลขนี้จะทะลุ 500 ล้านในไม่ช้า&nbsp;ในการแถลงนโยบายประจำปีเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา von der Leyen กล่าวย้ำว่า เธอตั้งใจจะรับยูเครนและประเทศอื่นๆ ทางตะวันตกของบอลข่านเข้าเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ส่วนสตรีทรงอิทธิพลอันดับ 2 ประจำปีนี้คือ Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางยุโรป ผู้ก่อร่างสร้างนโยบายทางการเงินของยุโรป ณ ช่วงเวลาที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูง อีกสองคนที่มีอันดับเหนือ Swift คือรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ Kamala Harris (อันดับ 3) และนายกรัฐมนตรีอิตาลี Giorgi Meloni (อันดับ 4)&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทั้งสองต่างเป็นสตรีคนแรกที่ได้รับตำแหน่งที่กำลังถือครองอยู่ โดย Meloni ได้ใช้อิทธิพลของตนเสนอการปฏิรูปรัฐธรรมนูญของอิตาลีเพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกตั้งนายกรัฐมนตรีได้โดยตรง จากเดิมที่ต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐสภา&nbsp; &nbsp;&nbsp;“สตรีที่มีอำนาจทางการเมือง (Hard Power) เหล่านั้นคือสตรีทรงอิทธิพลโดยแท้จริง” Stacey Jones ผู้เชี่ยวชาญด้านแบรนด์อธิบาย “แต่พวกเธอก็ไม่สามารถเปลี่ยนโลกไปในทิศทางเดียวกับที่ Taylor Swift ทำได้”&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับ Taylor Swift เธอคือสตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลกอันดับ 5 จากการจัดอันดับของ Forbes ในปีนี้ และล่าสุดนิตยสาร Time ได้ยกย่องให้เธอเป็นบุคคลแห่งปี 2023 พิสูจน์ให้เห็นว่าอำนาจทางวัฒนธรรม (Soft Power) ก็ทรงพลังมากพอจะสะเทือนโลกในด้านต่างๆ ด้วยเช่นกัน แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/maggiemcgrath/2023/12/05/taylor-swifts-power-era-why-the-billionaire-pop-star-is-one-of-the-worlds-most-powerful-women/?sh=15c6b1e75c14" alt="Taylor Swift’s Power Era: Why The Billionaire Pop Star Is One Of The World’s Most Powerful Women">Taylor Swift’s Power Era: Why The Billionaire Pop Star Is One Of The World’s Most Powerful Women</a>​ อ้างอิงเพิ่มเติม&nbsp;<a href="https://time.com/6342806/person-of-the-year-2023-taylor-swift/" alt="2023 Person of the Year Taylor Swift">2023 Person of the Year Taylor Swift</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/world-most-powerful-women-2023" alt="10 อันดับ สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2023">10 อันดับ สตรีทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ประจำปี 2023</a> ​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

Taylor Swift ป๊อปสตาร์ มหาเศรษฐีนี และสตรีทรงอิทธิพลของโลก

15 เศรษฐีนีคนดังแห่งสหรัฐอเมริกา

<h2 class="p1">Forbes เผยการจัดอันดับคนดังทำเงินสูงสุดของโลก Celebrity 100 : 2019 รายได้เวิลด์ทัวร์ส่งเจ้าแม่เพลงป๊อป Taylor Swift ขึ้นอันดับ 1</h2>
Taylor Swift เริ่มต้นยุคของอัลบั้ม Lover ด้วยการครองอันดับ 1 ในการจัดอันดับ Celebrity 100 หรืออันดับคนดังทำเงินสูงสุดโดย Forbes หลังมีรายได้ก่อนหักภาษีในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 185 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นรายได้ที่มากที่สุดของเธอ โดยเพิ่มขึ้น 131% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 80 ล้านเหรียญ (<a href="https://www.forbes.com/celebrities/#8797cb05947d">เช็กอันดับการจัดอันดับ Celebrity 100 ของปีนี้ได้ที่นี่</a>)
เจ้าแม่เพลงป๊อปอย่าง Swift เคยอยู่ในอันดับ 1 ของการจัดอันดับ Celebrity 100 มาแล้วในปี 2016 ซึ่งในขณะนั้นเธอมีรายได้ 170 ล้านเหรียญซึ่งเป็นรายได้ที่มาจากการจัดคอนเสิร์ต The 1989 World Tour ทั้งนี้ การทัวร์คอนเสิร์ตของ Swift นั้นมีบทบาทอย่างยิ่งที่ทำให้เธอครองอันดับคนดังที่ทำรายได้มากที่สุดได้
ข้อมูลจาก Billboard Boxscore ระบุว่า การทัวร์คอนเสิร์ต Reputation Stadium Tour ในสหรัฐฯ ระหว่าง 8 พฤษภาคม - 6 ตุลาคม 2018 นั้นสร้างรายได้มากกว่าการทัวร์คอนเสิร์ต 1989 World Tour ที่จัดขึ้นระหว่าง 15 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม 2015 เสียอีก โดย Reputation Stadium Tour ยังเป็นคอนเสิร์ตที่ทำรายได้สูงสุดในสหรัฐอเมริกา กวาดรายได้เฉพาะในสหรัฐฯ ไปถึง 266.1 ล้านเหรียญ ขณะที่ 1989 World Tour กวาดรายได้ไป 181.5 ล้านเหรียญ
Reputation Stadium Tour ยังถือเป็นการทัวร์คอนเสิร์ตที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก ด้วยการแสดงใน 53 สเตเดียม 36 เมือง 7 ประเทศ 4 ทวีป ทำรายได้รวมไป 345 ล้านเหรียญ


<figure><img class="size-full wp-image-10510" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/07/taylor02.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption> Taylor Swift แสดงในคอนเสิร์ต Reputation Stadium Tour (ภาพจาก AFP)</figcaption></figure>
ในปี 2018 ยักษ์ใหญ่ในวงการสตรีมมิ่งวิดีโออย่าง Netflix ยังนำการแสดงสดคอนเสิร์ต Reputation Stadium Tour ลงฉายในช่วงก่อนปีใหม่ 2019 ซึ่งการจ่ายค่าลิขสิทธิ์ของ Netflix และการลงนามทำข้อตกลงกับแบรนด์ต่างๆ อย่าง Apple, AT&amp;T และ Diet Coke นั้นช่วยเพิ่มรายได้ให้ Swift หลายล้านเหรียญเลยทีเดียว

<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/global/%e0%b8%ad%e0%b8%b4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b8%a4%e0%b8%97%e0%b8%98%e0%b8%b4%e0%b9%8c-fenty-%e0%b8%9e%e0%b8%b2-rihanna-%e0%b8%a3%e0%b8%a7%e0%b8%a2%e0%b8%82%e0%b8%b6%e0%b9%89%e0%b8%99.html">อิทธิฤทธิ์ Fenty พา “Rihanna” รวยขึ้นเกือบ 2 เท่าตัวในปีเดียว</a></li>
</ul>
อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา Taylor Swift ได้แยกทางกับค่ายที่เธออยู่มาด้วยยาวนานอย่าง Big Machine Label Group หรือ BMLG และย้ายไปอยู่กับค่าย Republic Records ซึ่งดูแลโดย Universal Music Group หรือ UMG 
ซึ่งข้อมูลจากหลายแห่งระบุว่าดีลนี้มีมูลค่าถึง 200 ล้านเหรียญ
แต่การย้ายค่ายของเธอนั้นกลายเป็นประเด็นใหญ่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลัง Swift ออกมาโพสต์ใน <a href="https://taylorswift.tumblr.com/post/185958366550/for-years-i-asked-pleaded-for-a-chance-to-own-my"> Tumblr </a> เพื่อเรียกร้องการเป็นเจ้าของเพลงมากมายที่เธอแต่ง ซึ่งอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของค่ายเก่าอย่าง BMLG พร้อมโจมตี Scooter Braun เจ้าของค่าย Ithaca Holdings ที่เข้ามาซื้อกิจการของ BLMG ในราคา 300 ล้านเหรียญ
โดย Braun ยังเป็นผู้จัดการของนักร้องสาว Ariana Grande และนักร้องหนุ่ม Justin Bieber ทั้งยังสนิทกับ Kanye West ผู้ที่จัดได้ว่าเป็นศัตรูคู่อาฆาตของ Swift รวมทั้ง Braun ยังเคยถากถางและหัวเราะเยาะสมัยที่เธอถูกโจมตีจาก West และ Kim Kardashian ผู้เป็นภรรยา ทำให้การขาย BMLG ให้กับ Ithaca Holdings สร้างความเจ็บปวดให้ Swift 
Swift อ้างว่า BMLG เสนอโอกาสให้เธอได้รับผลตอบแทนจากอัลบั้มของเธออย่างทีละน้อย (คือเซ็นสัญญา 1 ครั้งต่อการได้ครอบครองอัลบั้มเพียง 1 อัลบั้ม) เธอจึงปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวเพราะคาดว่าเจ้าของค่าย BMLG อย่าง Scott Borchetta คงจะขายเพลงเธอในที่สุด
ขณะที่ Borchetta เขียน<a href="https://www.bigmachinelabelgroup.com/news/so-its-time-some-truth">จดหมาย</a>โต้กลับเธอว่า Swift นั้นมีโอกาสที่จะเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ทุกอย่างในโลก ไม่ใช่แค่เพลง แต่ยังเป็นวิดีโอ, ภาพถ่าย และทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับงานของเธอ
สำหรับอัลบั้ม Lover ที่จะวางแผงในวันที่ 23 สิงหาคมนี้ Taylor Swift กล่าวว่า เธอจะยังเป็นเจ้าของ “สิ่งใดก็ตาม” ที่เธอสร้างกับ UMG ซึ่งถือว่าเป็นลางดีสำหรับเธอ รวมถึงการติดอันดับ Celebrity 100 ด้วย
หมายเหตุ: การจัดอันดับรายได้คนดัง Celebrity 100 นั้นจัดอันดับจากคนดังที่ "อยู่หน้ากล้อง" โดยวัดจากรายได้ก่อนหักภาษีระหว่าง 1 มิถุนายน 2018 - 1 มิถุนายน 2019

&nbsp;

&nbsp;

ที่มา
<ul>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/monicamercuri/2019/07/10/taylor-swift-is-the-worlds-highest-paid-celebrity-with-185-million-in-2019/#403e89646c9d">Taylor Swift Is The World's Highest-Paid Celebrity With $185 Million In 2019</a></li>
 	<li><a href="https://www.billboard.com/articles/columns/chart-beat/8487606/taylor-swift-reputation-stadium-tour-breaks-record-highest-grossing-us-tour">Taylor Swift's Reputation Stadium Tour Breaks Record for Highest-Grossing U.S. Tour</a></li>
</ul>
&nbsp;

&nbsp;

แปลและเรียบเรียงโดย กนกวรรณ มากเมฆ / Online Content Creator

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เจ้าแม่เพลงป๊อป Taylor Swift ขึ้นแท่นคนดังทำรายได้สูงสุดของโลกปี 2019

รายได้หลักของเหล่าศิลปินหญิงในการจัดอันดับท็อป 10 ครั้งนี้ ส่วนใหญ่มาจากการทัวร์คอนเสิร์ต การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของ Taylor Swift เเละ Beyonce ก็สร้างปรากฎการณ์ให้วงการเพลง รวมไปถึงการเปลี่ยนเเนวไปเจิดจรัสในวงการภาพยนตร์ของ Lady Gaga เเละธุรกิจเครื่องสำอางสุดฮิตของ Rihanna ก็ทำเงินได้มหาศาล

อย่างไรก็ตาม นักร้องผลงานโดดเด่นอย่าง Ariana Grande, Camila Cabello, Selena Gomez, Nicki Minaj เเละ Cardi B ก็ "เกือบ" เข้าลิสต์จัดอันดับนี้เช่นกัน

และนี่คือ 10 อันดับนักร้องหญิง ทำรายได้สูงสุด ประจำปี 2018 จากการจัดอันดับโดย Forbes

&nbsp;

1. Katy Perry ( 83 ล้านเหรียญ)

การเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต Witness ไปทั่วโลกของนักร้องสาว Katy Perry นั้นสร้างรายได้มหาศาลให้เธอในปีนี้ โดยสามารถทำเงินกว่า 1 ล้านเหรียญต่อคืน นอกจากนี้เธอยังร่วมเป็นหนึ่งในกรรมการในรายการสุดฮิตอย่าง American Idol ซึ่งเธอได้ค่าตัวถึง 20 ล้านเหรียญเลยทีเดียว

https://www.instagram.com/p/Bn2B5zDnsYF/

&nbsp;

2. Taylor Swift ( 80 ล้านเหรียญ)

Taylor Swift กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งกับอัลบั้มที่สร้างปรากฏการณ์วงการเพลงอย่าง Reputation ที่ขายได้กว่า 2 ล้านชุดในสัปดาห์เเรกหลังวางเเผง พร้อมด้วยยอดฟังสตรีมมิ่งออนไลน์ถล่มทลาย รวมไปถึงทัวร์คอนเสิร์ตทั่วโลกที่บัตรขายหมดเกลี้ยงทุกที่ โดยในปี 2016 เธอเคยครองเเชมป์ด้วยการทำรายได้สูงสุดถึง 170 ล้านเหรียญ

https://www.instagram.com/p/BooIuA4Hq_6/

&nbsp;

3. Beyonce ( 60 ล้านเหรียญ)

หลังห่างหายไปดูเเลครอบครัวเเละลูกเเฝดทั้งสองนานนับปี Beyonce กลับมาทวงบัลลังก์ตัวเเม่วงการเพลง โดยเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงาน Coachella พร้อมปล่อยคอลเล็กชั่นพิเศษร่วมกับ Balmain รวมไปถึงทัวร์คอนเสิร์ตครั้งที่สองร่วมกับสามีเจ้าพ่อสายเเร็ปอย่าง Jay-Z ใน “On The Run II” และอัลบั้ม Everything is Love ในนามของ Carters

https://www.instagram.com/p/BoidHculuJV/

4. Pink (52 ล้านเหรียญ)

รายได้หลักของนักร้องสาวสุดเท่ Pink ในปีนี้ส่วนใหญ่มาจากการเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต Beautiful Trauma ในโซนอเมริกาเหนือเเละโอเชียเนีย ที่เริ่มมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ด้วยฐานเเฟนคลับเหนียวเเน่นระดับเเฟนพันธ์ุเเท้ พาเธอทำรายได้ขึ้นเเท่นอันดับ 4 ในปีนี้

https://www.instagram.com/p/BiJJjeZlPPs/

&nbsp;

5. Lady Gaga (50 ล้านเหรียญ)

นอกจากปีนี้เราจะได้ชมฝีมือการเเสดงอันยอดเยี่ยมของ Lady Gaga ในภาพยนตร์เรื่อง A Star is Born ที่น่าประทับใจเเล้ว เธอยังคงเดินสายเปิดคอนเสิร์ตกว่า 66 โชว์ รวมไปถึงกวาดรายได้จากการทำข้อตกลงกับเเบรนด์ดังอย่าง Versace เเละ MAC พร้อมด้วยเเบรนด์น้ำหอม Lady Gaga Fame ของเองเธอด้วย

https://www.instagram.com/p/BpIDdkcnO-t/

&nbsp;

6. Jennifer Lopez (47 ล้านเหรียญ)

ซิงเกิลล่าสุด “Dinero” ที่ร่วมงานกับ DJ Khaled และ Cardi B ปล่อยออกมาในเดือนพฤษภาคม กระเเสตอบรับดีล้นหลาม โดยรายได้ของเธอเพิ่มขึ้นถึง 24 % ขณะเดียวกัน Jenifer Lopez เป็นอีกหนึ่งดีว่าสาวที่ปักหลักโชว์ที่ลาสเวกัส ก็ทำเงินได้มหาศาลเช่นกัน รวมถึงรายการทีวีโชว์อย่าง World of Dance ด้วย

https://www.instagram.com/p/BmwuKeDl9OJ/

&nbsp;

7. Rihanna (37.5 ล้านเหรียญ)

เเม้จะไม่ได้ออกอัลบั้มใหม่หรือเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตใดๆ มาตั้งเเต่ปี 2016 เเต่ Rihanna ก็สามารถทำเงินติดอันดับท็อปได้จากกิจการเครื่องสำอางอันรุ่งเรือง เเละธุรกิจมากมายที่เธอปล่อยออกมาตลอดปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น Fenty Beauty แบรนด์ชุดชั้นใน Savage x Fenty นอกจากนี้ยังโชว์ผลงานการเเสดงในหนังฟอร์มยักษ์อย่าง Ocean’s 8 ด้วย

https://www.instagram.com/p/Bof6pBsjYtd/

&nbsp;

8. Helene Fischer (32 ล้านเหรียญ)

เเม้ชื่อของเธอจะยังไม่เป็นที่รู้จักดี เมื่อเทียบกับนักร้องสาวชาวอเมริกันคนอื่นๆ ในการจัดอันดับนี้ เเต่ Helene Fischer นักร้องสาวชาวเยอรมัน-รัสเซีย โด่งดังเป็นซูเปอร์สตาร์ของยุโรป โดยปีนี้เธอประสบความสำเร็จเเละทำรายได้อย่างมากจากการเดินสายทัวร์คอนเสิร์ต

https://www.instagram.com/p/Bk0LWUnBy1G/

9. Celine Dion (31 ล้านเหรียญ)

นักร้องในตำนาน Celine Dion ยังคงได้รายได้หลักจากการปักหลักโชว์ในลาสเวกัส ด้วยค่าตัวราว 5 เเสนเหรียญต่อคืน เเต่เธอกำลังจะปิดฉากโชว์อันยาวนานกว่า 8 ปีในเดือนมิถุนายนปีหน้า โดยรายได้ในปีนี้อีกส่วนมาจากการเดินสายทัวร์คอนเสิร์ตในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย

https://www.instagram.com/p/BmUDC3hgzyQ/

10. Britney Spears (30 ล้านเหรียญ)

นอกเหนือจากรายได้มากมายจากการปักหลักโชว์ที่ Planet Hollywood ในลาสเวกัสเเล้ว ทัวร์คอนเสิร์ต Piece of Me ที่เดินสายทัวร์รอบโลกยังสร้างเงินเป็นกอบเป็นกำให้เธอในปีนี้ รวมไปถึงการเป็นพรีเซนเตอร์ของ Kenzo, Pepsi และ Elizabeth Arden

https://www.instagram.com/p/BaaY_TblrS-/

&nbsp;
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/world/celeb-100-%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94-10-%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B4.html">CELEB 100 : เปิด 10 อันดับคนดังทำเงินสูงสุด ปี 2018 จากการจัดอันดับโดย FORBES</a></li>
 	<li><a href="https://www.forbes.com/sites/zackomalleygreenburg/2018/11/19/highest-paid-women-in-music-2018-katy-perry-taylor-swift-beyonce/?fbclid=IwAR2f_MUmFI500_4gXFMZemGzpTT7Uk9RbP1kOi5Yvqa-xZ7pghZtqAEShV4#2e19a9836a24">The World's Highest-Paid Women In Music 2018</a></li>
</ul>
&nbsp;

แปลเเละเรียบเรียงจาก<a href="http://The World's Highest-Paid Women In Music 2018"> Forbes.com</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events