<h2>เมื่อวันที่ 12 ธันวาคมที่ผ่านมา Tinder แพลตฟอร์มให้บริการหาคู่เดทระดับโลก จัดงานแถลงข่าวเผยรายงาน Year In Swipe นำเสนออินไซต์ภาพรวมการเดททั่วโลกในปี 2024 และเทรนด์ที่กำลังมาแรงต่อเนื่องไปในปี 2025 พบคนโสดในปัจจุบันมองหาความสัมพันธ์ที่ชัดเจน ตรงกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในโอกาสนี้ <strong>เคิร์สตี้ ดันน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารในประเทศไทยของ Tinder</strong> และ<strong>ใหม่-อาภัสสร ผาติตานนท์ นักจิตวิทยาและผู้ร่วมก่อตั้งศูนย์ให้คำปรึกษาเชิงจิตวิทยา Conzybara</strong> ได้มาร่วมกันให้ข้อมูลพร้อมทั้งอธิบายเทรนด์การเดทอันโดดเด่นในหมู่คนโสดจากผลสำรวจของ Tinder ดังนี้</p><p><br></p><p><strong style="background-color: initial; color: rgb(68, 68, 68); font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">1) Loud Looking ความสัมพันธ์ “ชัดแบบตะโกน”</strong><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ใช้งาน Tinder ในปีนี้มีการระบุข้อความ “กำลังมองหา...” ในหน้าประวัติส่วนตัวมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าทุกคนกล้าเปิดเผยความต้องการตั้งแต่เริ่มต้น และยังมีการระบุถึงตัวเองอย่างตรงไปตรงมา เช่น “ผู้ชายในแวดวงการเงิน” หรือ “เพื่อนสาวนักเล่นเกม”</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของผู้ใช้ Tinder ชาวไทยต้องการความสัมพันธ์ระยะยาวมากที่สุด พิจารณาจากที่ 57% เลือก “รักจริงหวังแต่ง” ใน Dating Goal และ 55% มองหาคนรักเดียวใจเดียว</p><p><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/DjJv6kiV5f1uFkRnu3CU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DjJv6kiV5f1uFkRnu3CU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"><figcaption><div>คลาสปั้นดินเผา กิจกรรมเดทที่คนโสดสนใจ</div></figcaption></figure></div><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​</span></p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);"><strong>2) Kiss-Met หรือ “รักนี้ชะตาลิขิต”</strong></span><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การวางแผนแบบไม่ได้วางแผนจะกลายเป็นไวบ์ใหม่ คนโสดมีแนวโน้มต้องการสัมผัสความสุขจากการทำกิจกรรมร่วมกัน ผลสำรวจของ Tinder พบว่าในปีหน้า คนโสดจะให้ความสำคัญกับการนัดเดทผ่านการเดินป่าเหงื่อท่วมตัว หรือเข้าคลาสปั้นดินเผาที่มีความเลอะเทอะนิดหน่อย (แต่ยังคงความน่ารัก)</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กล่าวคือคนโสดที่มองหาความสัมพันธ์สนใจการเดทที่อยู่กับความเป็นจริง และปล่อยให้เกิดโมเมนต์ขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ ไม่จำเป็นต้องเป๊ะ แต่ทำให้ได้รู้จักกันมากขึ้น</p><p><br></p><p><strong>3)  Nano-Ships แม้เป็น “ความสัมพันธ์เล็กๆ ระดับนาโน” ก็สำคัญ</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ช่วงเวลาโรแมนติกถึงน้อยนิดก็เปี่ยมความหมาย ไม่ว่าจะจังหวะแรกพบสบตาบนรถไฟฟ้า หรือการส่งข้อความทักทายเป็นประจำ ซึ่งคาดว่าในปี 2025 ความสัมพันธ์เล็กๆ ที่มีคุณค่าเหล่านี้จะยังคงเป็นเทรนด์สำคัญ</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลสำรวจของ Tinder พบว่า คนโสดเกือบ 1 ใน 4 มุ่งเน้นการมองหาพลังบวกและการมีความสุขกับโลกใบนี้ และเพราะพวกเขามีมุมมองที่ดีต่อการออกเดท จึงนำไปสู่การชื่นชมเรื่องราวดีๆ เล็กๆ ตลอดจนรายละเอียดน้อยๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเส้นทางของความสัมพันธ์</p><p><span style="background-color: initial; font-family: &quot;DB FongNam X&quot;, sans-serif; font-size: 34px; text-align: var(--bs-body-text-align);">​</span><br></p><div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/wsXKcNsqBW6zNhwwGcxY.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="wsXKcNsqBW6zNhwwGcxY.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="1"><figcaption><div>เคิร์สตี้ ดันน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารในประเทศไทยของ Tinder</div></figcaption></figure></div><p><br></p><p><strong>สิ่งสำคัญคือการเปิดใจและให้เกียรติ</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คนโสดยุคใหม่หาคู่เดทผ่านแอปพลิเคชั่นอย่าง Tinder กันมากขึ้น โดยเฉพาะชาว Gen Z ที่ 88% มองหาความสัมพันธ์ที่มีความหมายจากแอปเดท และ 75% เปิดเผยเรื่องการใช้แอปเดทให้ครอบครัวรวมถึงเพื่อนๆ รับรู้ เพื่อขอคำปรึกษา กำลังใจสนับสนุน และให้ช่วยคัดกรองคู่เดท ซึ่ง Tinder พบว่า Gen Z กว่า 48% แชร์แผนการเดินทางและสถานที่เดทให้ครอบครัวและเพื่อนรับรู้ด้วย</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พฤติกรรมนี้สะท้อนว่าคนโสดในปัจจุบันต้องการคนรู้ใจที่มีลักษณะ <strong>“ธงเขียว”</strong> ที่จะมาสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อใจ ซึ่ง Tinder พบว่าคนโสดเกือบ 45% มองหา <strong>“คนที่มีลักษณะนิสัยไทป์โกลเด้น”</strong> หรือคนที่มีความซื่อสัตย์ เป็นมิตร มีพลัง และมองโลกในแง่ดี เสมือนสุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์อันเป็นที่รักของมนุษย์ทุกคนนั่นเอง</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หากลงลึกในรายละเอียดไปอีก <strong>Tinder เผยว่า คนโสด 40% ให้ความสำคัญกับความน่าเชื่อถือ</strong>, 35% มองหาความมีเสน่ห์ดึงดูดทางกายภาพ, 31% ต้องการคนที่มีความพร้อมทางอารมณ์ และ 28% อยากเจอคนที่มีความสนใจร่วมกัน สำหรับ <strong>Gen Z ชาวไทยให้ความสำคัญกับการให้เกียรติมากที่สุด</strong> และกว่าครึ่งมองว่ารูปแบบการแสดงความรักที่ต้องการคือการกระทำที่เอาใจใส่</p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนข้อเสียที่ทำให้ความสัมพันธ์ต้องจบลง ได้แก่ ความสะอาด 50%, ความหยาบคาย 44% และการพูดถึงคนรักเก่าบ่อยเกินไป 34%<br></p><p><br></p><p>ภาพ: Tinder และ <a href="https://unsplash.com/photos/a-woman-sitting-at-a-table-with-a-bowl-of-food--X5oFZ0dh6E" alt="Unsplash.com">Unsplash.com</a>​</p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/marketing/3-years-yakiniku-like-in-thailand-expands-to-15-stores" alt="ปิ้งย่างคนโสดกระแสดี! 3 ปี Yakiniku Like ครบ 15 สาขา ปีนี้คาดยอดขายแตะ 390 ล้านบาท">ปิ้งย่างคนโสดกระแสดี! 3 ปี Yakiniku Like ครบ 15 สาขา ปีนี้คาดยอดขายแตะ 390 ล้านบาท</a></span><br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

Tinder เปิดอินไซต์ คนโสดกำลังมองหา รักที่ ‘ชัดเจน-เป็นธรรมชาติ-ใส่ใจดีเทล’ ตั้งเป้าความสัมพันธ์ระยะยาว

<h2>ระยะหลังมากนี้ องค์กรต่างๆ ในหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของ ‘สุขภาวะ (Well-being)’ ของพนักงานที่มีมากกว่าแค่เรื่องของสุขภาพและการเงิน จึงได้เริ่มแนะนำสวัสดิการใหม่ๆ ออกมากันมากขึ้น เช่น บริษัทในจีนที่มี Unhappy Leave หรือการลาจนกว่าจะมีความสุข, Tinder Leave ของ Gushcloud หรือการลาไปพบเจอผู้คนเพื่อสร้างความสัมพันธ์ใหม่ๆ และอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุด KKP Dime! ขอเป็นธุรกิจทางการเงินรายแรกในไทยที่แจก Tinder Gold ให้พนักงาน</h2><p><br></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด (Dime!)</strong> มอบสมาชิก Tinder ให้แก่พนักงานเพื่อสร้างสุขภาวะแบบรอบด้าน โดยนับเป็นครั้งแรกในแวดวงธุรกิจทางการเงินของไทยที่มีการมอบสมาชิก <strong>Tinder Gold</strong> ให้เป็นสวัสดิการนอกเหนือจากการดูแลรูปแบบเดิม เพื่อเอื้อให้พนักงานได้ค้นพบและพัฒนาความสัมพันธ์ที่มีความหมาย สามารถสร้างความสุขในชีวิตส่วนตัวควบคู่ไปกับการทำงาน</p><p>&nbsp; &nbsp; <strong>กัมพล จันทวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด</strong> กล่าวว่า เนื่องจากพนักงานของบริษัทจำนวนมากเป็นคนวัย Gen Z และมากกว่าครึ่งยังโสด ดังนั้น Dime! จึงตระหนักถึงความสำคัญของนวัตกรรมที่จะช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตโดยรวมของพนักงานให้ดียิ่งขึ้น นำมาสู่การริเริ่มสวัสดิการแนวใหม่นี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของ Dime! ในการเป็นองค์กรที่เข้าใจความต้องการของคนรุ่นใหม่ </p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;<strong>“เรายินดีที่ได้มอบสมาชิก Tinder เพื่อยกระดับสิทธิประโยชน์และสนับสนุนให้พนักงานที่ยังโสดสามารถสร้างคอนเนคชั่นในสังคมใหม่นอกแวดวงการทำงาน เพราะเชื่อว่าการที่พนักงานสามารถสร้างความสัมพันธ์ส่วนตัวที่มีความสุขและแข็งแกร่งจะส่งผลดีต่อการทำงานและส่งเสริมให้มีบรรยากาศที่ดีในองค์กรด้วย”</strong></p><p>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Dime! มุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งเสริมให้เกิดสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน โดยให้ความสำคัญกับสวัสดิการที่ตอบโจทย์ตามความต้องการของคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันก็สร้างบรรยากาศการทำงานที่ทันสมัย สนุกสนาน และเป็น workplace สำหรับพนักงานวัย Gen Z ที่กำลังมองหาสถานที่ทำงานที่สนับสนุนทั้งชีวิตส่วนตัวและการพัฒนาตนเองได้อย่างแท้จริง<br></p><p><br></p><p><span style="color: rgb(68, 68, 68)">เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/global/japan-aims-for-4-day-workweek-but-the-obstable-is-workaholic-culture" alt="ญี่ปุ่นเดินหน้าลดวันทำงาน มุ่งสู่ Work-Life Balance แต่ติดปัญหา ‘คนบ้างาน’">ญี่ปุ่นเดินหน้าลดวันทำงาน มุ่งสู่ Work-Life Balance แต่ติดปัญหา ‘คนบ้างาน’</a></span><br></p><p><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a></p>

KKP Dime! แจก Tinder Gold เป็นสวัสดิการพนักงาน Gen Z ส่งเสริม Well-being เพิ่มความสุขนอกเวลางาน

<h2 class="p1"><span class="s1">Barry Diller </span>มหาเศรษฐีประธานบริษัทและผู้ก่อตั้งกลุ่มบริษัท<span class="s1"> IAC </span>ที่เป็นผู้ถือหุ้นในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีและสื่อโฆษณา ได้ทำการขายหุ้นทั้งหมดที่ถือในบริษัท<span class="s1"> Match Group ซึ่งเป็น</span>เจ้าของแอปพลิเคชันหาคู่<span class="s1"> Tinder ในราคา 1.9 </span>พันล้านเหรียญสหรัฐฯ<span class="s1"> </span></h2>
<span style="font-weight: 400;">Marius Angeloni ผู้แทนสำนักงานธุรกิจครอบครัวของ Barry Diller กล่าวว่าประธานบริษัทของ IAC นั้นถือหุ้นอยู่ในบริษัท Match Group จำนวน 16.1 ล้านเหรียญ หลังจากที่ Match Group แยกตัวออกมาจาก IAC เพื่อตั้งเป็นบริษัทมหาชนในเดือนกรกฎาคมปี 2020 โดยบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับแอปพลิเคชันหาคู่ในพอร์ตโฟลิโอของบริษัท ได้แก่ <span style="color: #008000;">Hinge, OkCupid, และ Match.com </span></span>

<span style="font-weight: 400;">จากการประเมินของ Forbes ความมั่งคั่งสุทธิของ Diller หลังจากขายหุ้นอยู่ที่ 4 พันล้านเหรียญ ขณะยังคงถือหุ้นอยู่ในบริษัทมหาชนต่างๆ เช่น IAC, Expedia, Vimeo และ Coca Cola</span>

<span style="font-weight: 400;">แม้ Diller หรือทางบริษัท IAC เองจะยังไม่ได้อธิบายถึงเหตุผลในการขายหุ้นดังกล่าว แต่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัท IAC และ Tinder มีปัญหาฟ้องร้องเป็นคดีความ โดยในเดือนธันวาคมของปี 2021 บริษัท Match Group ได้ตกลงจ่ายเงินจำนวน 441 ล้านเหรียญเพื่อจบการยืดเยื้อของคดีความซึ่งถูกยื่นฟ้องโดยเหล่าผู้ก่อตั้ง Tinder </span>

<span style="font-weight: 400;">หนึ่งปีให้หลังการควบรวมกิจการ <span style="color: #008000;">Sean Rad, Justin Mateen และ Jonathan Badeen ผู้ก่อตั้ง Tinder ได้ยื่นฟ้องคดีต่อ</span></span><span style="color: #008000;">บริษัท Match Group และ IAC พร้อมเรียกร้องค่าเสียหายจำนวน 2 พันล้านเหรียญ</span> โดยอ้างว่าทั้งสองบริษัทได้ชี้แจงข้อมูลอันเป็นเท็จแก่ธนาคาร ส่งผลให้บริษัทถูกประเมินค่าต่ำกว่าความเป็นจริง (จาก 1.3 หมื่นล้าน เหลือเพียง 3 พันล้านเหรียญ)

<span style="font-weight: 400;">อย่างไรก็ตาม ทาง Diller ได้ปฏิเสธข้อหาดังกล่าว</span><span style="font-weight: 400;"> เขาได้ให้สัมภาษณ์กับ Forbes </span>ในปี 2019 พร้อมเรียก Rad ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้ง Tinder และถูกปลดออกจากบริษัทในปี 2014 ว่าเป็นพวก “ดีแต่พูด” ทาง Rad ได้ตอบกลับคำครหาดังกล่าวว่าสิ่งที่ ​Diller พูดถือเป็นการดูหมิ่นทีมงานที่ได้สร้างบริษัทอันมีมูลค่ามากที่สุดให้แก่ IAC

<span style="font-weight: 400;">จากคำบอกเล่าของ Angeloni </span>ในปี 2021 Diller ได้ทำการขายหุ้นที่ถือทั้งหมดในบริษัท Match Group อย่างเงียบๆ ซึ่งนับเป็นจำนวนเงินสุทธิ 1.3 พันล้านเหรียญหลังหักภาษี

<span style="font-weight: 400;">Match Group อ้างว่า Market Cap หรือมูลค่าตามราคาตลาดของบริษัทเพิ่มสูงขึ้นถึง 3 หมื่นล้านเหรียญหลังจากแยกตัวออกมาจากบริษัทแม่ IAC ในปี 2020 โดยตัวเลขดังกล่าวเป็นจำนวนมากกว่า 3 เท่าของบริษัทแม่ซึ่งในขณะนั้นมีมูลค่า 9 พันล้านเหรียญ</span>

<span style="font-weight: 400;">Match Group นับเป็นกิจการขนาดใหญ่ที่สุดที่ได้แยกตัวออกมาจาก IAC จากการประเมินล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนสิงหาคม มูลค่าตามราคาตลาดของบริษัท Match Group อยู่ที่ราวๆ 1.6 หมื่นล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับของ IAC ที่มีมูลค่าอยู่ที่ 5.7 พันล้านเหรียญ</span>

<span style="font-weight: 400;">การตัดสินใจขายหุ้นตั้งแต่ปี 2021 ทำให้ Diller สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญกับความปั่นป่วนของหุ้นในบริษัท Match Group ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ราคาหุ้นตกลงมากว่าร้อยละ 60 ในปีนี้ ถ้าหากปัจจุบัน Diller ยังคงถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวอยู่ ราคาหุ้นที่ขายได้อาจตกลงมาถึงครึ่งหนึ่งจาก 1.9 พันล้านเหรียญ</span>

<em>แปลและเรียบเรียงโดย สิรินนรี อ๋องสกุล จากบทความ Billionaire Barry Diller Cut Final Ties With Tinder—Sold All His Match Group Shares For $1.9 Billion</em>

<strong>อ่านเพิ่มเติม:</strong>
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/world/whitney-wolfe-herd-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%a3%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-bumble.html"><strong>Whitney Wolfe Herd ผู้ร่วมก่อตั้ง Bumble ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดแห่งปี 2021</strong></a></li>
</ul>

<hr />
<p class="p1"><span class="s1"><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก<span class="s2"> Forbes Thailand Magazine</span></a></span></p>

Barry Diller ตัดสัมพันธ์ Tinder ขายหุ้น 1.9 พันล้านเหรียญ

<h2>สมาชิก Tinder ทั่วโลกมากกว่าครึ่งเป็นกลุ่มคนเจน Z (อายุระหว่าง 18-25 ปี) ได้กำหนดนิยามและรูปแบบใหม่ของการออกเดตมาตั้งแต่ก่อนที่จะเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั้งนี้ปีที่ผ่านมานับเป็นปีที่มีผู้ใช้งานทินเดอร์มากที่สุดเป็นประวัติการณ์และเรียกได้ว่าเป็นทศวรรษใหม่ของการหาคู่</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-43975" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/tinder_002.jpg" alt="" width="650" height="351" />

ผู้คนพูดคุยกันมากขึ้นบน Tinder ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กลุ่มคนเจน Z ใช้เวลาสนทนาบนทินเดอร์มากขึ้นกว่าเดิม <strong>โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 </strong><strong>มีการส่งข้อความต่อวันมากขึ้นร้อยละ 19 </strong>เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน <strong>และการพูดคุยยาวนานขึ้นกว่าร้อยละ 32</strong>

คนเจน Z ได้เปลี่ยนไปคุยกันทางวิดีโอมากขึ้นโดยผู้ใช้งานเกือบครึ่งบนทินเดอร์ใช้การวิดีโอคอลกับคู่ที่แมตช์ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ ร้อยละ 40 จะใช้วิดีโอคอลเพื่อพูดคุยทำความรู้จักกันต่อไปแม้ว่าการแพร่ระบาดจะจบลงแล้ว การใช้งานและกิจกรรมบนทินเดอร์มียอดสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตลอดทั้งปี โดยมีการปัด (Swipe) เพิ่มขึ้นร้อยละ 11 และมีการแมตช์เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 42 ต่อสมาชิกหนึ่งคน

กลุ่มคนเจน Z แหกกฎการหาคู่และข้อห้ามเดิมๆ และเปลี่ยนจากการออกเดตแบบค่อยเป็นค่อยไป มาเป็นการทำตัวลื่นไหลไปตามสถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในแง่ความคาดหวัง (ไม่คิดเยอะ เป็นไงเป็นกัน) แง่ของอารมณ์ (ซื่อตรงและเป็นตัวของตัวเอง) และแง่ของประสบการณ์ (ทำกิจกรรมที่มีความหมายด้วยกันมากกว่าแค่ละลายพฤติกรรม – นี่คือความโดดเด่นของการออกเดตในยุคดิจิทัล)

สไตล์การหาคู่ของคนเจน Z นั้นมีความย้อนแย้งในตัว กล่าวคือในขณะที่พวกเขาขยายขอบเขตในการหาคู่ให้กว้างขึ้น แต่กลับคว้าคนใกล้ตัวในบริเวณเดียวกันเพื่อออกเดต และในขณะที่พวกเขาใช้เวลาอย่างเร่งรีบไปกับการพาตัวเองออกเดต ก็ไม่ลืมที่จะหาเวลาเล็กๆ น้อยๆ ให้กับโมเมนต์หวานๆ เช่นกัน

<img class="alignnone size-full wp-image-43973" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/04/tinder_001.jpg" alt="" width="650" height="299" />

<strong>8 ท็อปเทรนด์ การหาคู่ในทศวรรษหน้า</strong>

<strong>1.คนหาคู่จะมีความซื่อตรงและเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น </strong>

โควิด-19 ส่งผลให้หลายคนเห็นภาพและมุมมองต่างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ทำให้สมาชิกทินเดอร์ยอมรับและเข้าใจในสิ่งที่ตัวเองเป็นมากกว่าเคย ทั้งในเรื่องตัวตน ภาพลักษณ์ และประสบการณ์ส่วนตัว ในช่วงการแพร่ระบาด มีการใช้คำว่า “วิตกกังวล” และ “ทำให้เป็นเรื่องปกติ” ในโปรไฟล์เพิ่มมากขึ้น โดยมีการใช้คำว่า “วิตกกังวล” เพิ่มมากขึ้นร้อยละ 31 ส่วนคำว่า “ทำให้เป็นเรื่องปกติ” นั้นเพิ่มขึ้นมากกว่า 15 เท่า

<strong>2.การมีขอบเขตในเรื่องต่างๆ ชัดเจนมากยิ่งขึ้น</strong>

การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เกิดการถกเถียงกันในเรื่องของขอบเขตความเป็นส่วนตัวมากขึ้น สมาชิกทินเดอร์ใช้โปรไฟล์ของตัวเองเพื่ออธิบายความคาดหวังของพวกเขาอย่างชัดเจน เช่น การใช้คำว่า “สวมหน้ากากอนามัย” เพิ่มขึ้นสูงถึง 100 เท่าในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 “ขอบเขต” เป็นอีกคำที่ถูกใช้มากขึ้นกว่าเดิม (มากขึ้น 19%) และคำว่า “ความยินยอม” ก็พุ่งสูงขึ้น 11% การกระทำเหล่านี้จะทำให้บทสนทนาเกี่ยวกับความยินยอมเป็นเรื่องปกติและเกิดความสบายใจมากขึ้น

<strong>3.ผู้คนอยากมีความสัมพันธ์แบบ “เป็นไงเป็นกัน” มากขึ้น</strong>

ผลสำรวจล่าสุดของสมาชิกทินเดอร์ คนหาคู่จำนวนมากกำลังมองหาความสัมพันธ์แบบ “ไม่ต้องมีคำนิยาม” เพิ่มมากขึ้นเกือบร้อยละ 50 ดังนั้น การแพร่ระบาดของโควิด-19 จึงเป็นแรงขับให้คนยุคต่อไปที่กำลังหาคู่ มองหาความสัมพันธ์แบบเปิดที่ไม่ผูกมัดมากกว่าความต้องการที่จะแต่งงาน

<strong>4.การออกเดตออนไลน์จะยังคงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตใหม่</strong>

ในยุคที่การพบปะแบบเจอหน้ากันมาพร้อมกับความเสี่ยง คนที่มองหาคู่จึงหันไปหาประสบการณ์เสมือนจริงเพื่อมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น โดยผลสำรวจล่าสุดของทินเดอร์พบว่า คนที่ลองออกเดตออนไลน์มองว่าการเดตแบบนี้จะมีความรู้สึกกดดันน้อยลงในการศึกษาเพื่อนใหม่ ซึ่งสมาชิกทินเดอร์วัยเจน Z จำนวนร้อยละ 40 กล่าวว่าพวกเขาจะยังคงออกเดตออนไลน์ต่อไป แม้ว่าสถานที่นัดพบในการออกเดตจะกลับมาเปิดให้บริการตามปกติแล้วก็ตาม

<strong>5.เดตแรกในอนาคต เน้นการทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างสรรค์มากกว่าเดิม</strong>

การที่บาร์และร้านอาหารหลายแห่งปิดให้บริการในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้สถานที่ในการออกเดตแรกตามขนบแบบเดิมๆ ไม่ใช่ตัวเลือกอีกต่อไป ดังนั้นเวลานัดเจอกัน พวกเขาจะเลือกกิจกรรมของเดตแรกที่มีความสร้างสรรค์ มีความเป็นส่วนตัว และมีความสบายๆ มากขึ้นกว่าในอดีต ดังตัวอย่างที่ทินเดอร์พบในโปรไฟล์ที่มีการใช้คำว่า “กำลังเล่นโรลเลอร์สเก็ต” เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า รวมถึงการระบุว่าอยากให้กิจกรรมของเดตแรกเป็นการก่อสร้างปราสาทด้วยกัน ไปจนถึงการปาหิมะใส่กัน

<strong>6.ก้กตัวมานาน การสัมผัสทางร่างกายกลายเป็นสิ่งจำเป็น</strong>

ผู้คนใช้โปรไฟล์ของตัวเองในการแสวงหาการแสดงออกถึงความรักใคร่ เช่น การจับมือ อ้อมกอด หรือการที่มีใครบางคนมาลูบไล้ผม โดยมีการใช้คำว่า “อ้อมกอด” เพิ่มขึ้นร้อยละ 23 และคำว่า “จูงมือกัน” สูงขึ้นร้อยละ 22 หลังจากที่ต้องรักษาระยะห่างทางสังคมโดยไม่มีการสัมผัสกันทางร่างกายร่วมเดือน เมื่อได้รับการสัมผัสอีกครั้งจึงทำให้คนที่กำลังหาคู่รู้สึกมีความสุขกับพฤติกรรมนั้นมากขึ้น ดังนั้นแม้ว่าการออกไปพบกันจะกลับไปเป็นเหมือนปกติแล้วก็ตามแต่การแสดงออกทางกายภาพจะมีบทบาทที่สำคัญมากขึ้นในชีวิตของคนที่ออกเดต

<strong>7.ปัดขวาไปไกลได้ทั่วโลก แต่เลือกเดตกับคนที่อยู่ใกล้</strong>

ผู้คนย้ายที่อยู่ก็จะสมัครใช้งานทินเดอร์เพื่อค้นหาผู้คนใหม่ๆ ที่อยู่ในเมืองนั้นด้วยการระบุว่า “ย้ายบ้านใหม่” ในโปรไฟล์ของตัวเองสูงขึ้นร้อยละ 28 โดยในปี 2563 นอกจากเทคโนโลยีจะเป็นตัวช่วยให้ผู้คนสามารถใช้ชีวิตหรือทำงานจากที่ไหนก็ได้แล้ว ผู้คนยังใช้ทินเดอร์ในการหาเพื่อนใหม่ที่อาศัยอยู่ใกล้กับพวกเขาอีกด้วย

<strong>8.เรื่องดีๆ ในแบบ “ซัมเมอร์แห่งรัก” กำลังจะเกิดขึ้น</strong>

ข้อมูลในเดือนตุลาคม 2563 บอกกับเราว่า สมาชิกทินเดอร์มากกว่าร้อยละ 40 ที่มีอายุต่ำกว่า 30 ปี ไม่เคยได้พบกับคู่ที่แมตช์ตัวเป็นๆ แต่โปรไฟล์ของทินเดอร์กลับบอกตรงกันข้าม โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2564 การใช้คำว่า “กำลังไปออกเดต” ในโปรไฟล์ทำลายสถิติสูงสุดตลอดกาลในสหรัฐอเมริกา และแม้ว่าการออกเดตแบบเจอกันตัวเป็นๆ ในปี 2563 จะลดน้อยลงไป (ร้อยละ 54 ของคนโสดให้ข้อมูลกับ YPulse ว่า “โควิด-19 เข้ามาถ่วงเวลาชีวิตรักของพวกเขาให้ดำเนินไปช้ากว่าเดิมมาก”) แต่ถ้าได้รับวัคซีนเมื่อไรพวกเขาก็พร้อมที่จะออกนอกบ้านทันที

&nbsp;

คำจำกัดความ: ข้อมูลทั้งหมดนี้มาจากโปรไฟล์บนทินเดอร์หรือการรวบรวมกิจกรรมที่เกิดขึ้นบนแอปพลิเคชันทินเดอร์ซึ่งเป็นข้อมูลที่ดึงมาศึกษาตั้งแต่มกราคม 2563 - กุมภาพันธ์ 2654 ข้อความ คือจำนวนข้อความโดยเฉลี่ยที่ถูกส่งออกโดยสมาชิกหนึ่งคนการอัปเดตโปรไฟล์ คือจำนวนการปรับเปลี่ยนโปรไฟล์หรือข้อมูลส่วนตัวโดยเฉลี่ยต่อคนต่อเดือน WAV/ข้อมูลการสำรวจมาจาก **ข้อมูลอ้างอิงจากการสำรวจสมาชิกทินเดอร์ราว 5,000 คนในสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 6-12 พฤษภาคม 2563 และระหว่างวันที่ 14-24 สิงหาคม 2563

YPulse <strong>Finding Love Post-COVID Trend Report</strong><strong>. </strong>ข้อมูลอ้างอิงจากแบบสำรวจคนอายุ 13-39 ปี จำนวน 1 พันคนในสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนธันวาคม 2020

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/world/%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%a8%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%a1%e0%b8%b5%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b8%b5%e0%b8%a1%e0%b8%b2.html">การจัดอันดับ 10 ประเทศที่มีมหาเศรษฐีมากที่สุด ปี 2021</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Tinder อัปเดตเทรนด์การออกเดตล่าสุดของคนเจน Z

<h2>Whitney Wolfe Herd อดีตซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Bumble แอปพลิเคชันหาคู่ที่ออกแบบมาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดแห่งปี 2021 ด้วยวัยเพียง 31 ปี หลังนำบริษัทเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ไปได้ 2.2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ<span class="Apple-converted-space"> </span></h2>
<figure><img class="wp-image-41345" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/02/bumble.0-1024x682.jpg" alt="Whitney Wolfe Herd" width="720" height="480" /><figcaption> แอปพลิเคชัน Bumble</figcaption></figure>

โดยเธอมีสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทอยู่ราวร้อยละ 12 หรือ 21.54 หมื่นล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ณ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2021 อยู่ที่ 1.5 พันล้านเหรียญ ซึ่งในที่นี้เธอได้ทำลายสถิติเป็นนักธุรกิจหญิงที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่สามารถนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วยวัย 31 ปี

<span style="color: #008000;"><a style="color: #008000;" href="http://www.globenewswire.com/news-release/2021/02/10/2173640/0/en/Bumble-Inc-Prices-2-2-Billion-IPO.html">Bumble</a></span> คือ <span style="color: #333333;"><a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/angelauyeung/2019/07/08/exclusive-investigation-sex-drugs-misogyny-and-sleaze-at-the-hq-of-bumbles-owner/?sh=75a0d5de6308">แอปพลิเคชันหาคู่อันดับที่ 2</a></span> ที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจาก <span style="color: #008000;">Match.com</span> ของ<span style="color: #008000;"> Match Group</span> ที่เข้าทำ IPO ไปเมื่อปี 2015 โดย Bumble เปิดตลาดที่ 73 เหรียญต่อหุ้น ก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นเป็น 76 เหรียญต่อหุ้นในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ซึ่งล่าสุดบริษัทมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 8.6 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Match Group ซึ่งเป็นเจ้าของแอปพลิเคชัน Tinder มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.5 หมื่นล้านเหรียญ

Bumble เปิดเผยว่า รายได้ของบริษัทในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2020 อยู่ที่ 417 ล้านเหรียญ และ 363 ล้านเหรียญในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ขณะที่ Match Group มีรายได้ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาของปี 2020 อยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญ และ 1.5 พันล้านเหรียญในปี 2019

ในที่นี้ หนังสือชี้ชวนการลงทุน ระบุว่า เงินที่สามารถระดมทุนได้จากการ IPO ในครั้งนี้จะนำไปใช้ในการซื้อหุ้นของผู้ที่มีสัดส่วนการถือครองหุ้นของบริษัทตั้งแต่ก่อนเข้าระดมทุนอย่าง Blackstone กองทุนนอกตลาด ที่ถือหุ้นอยู่ราวร้อยละ 91 และ Wolfe Herd พร้อมระบุถึงเงินกู้ 120 ล้านเหรียญที่บริษัทได้มอบให้กับ Wolfe Herd ในเดือนมกราคม 2020 หลักจากการเจรจาเพื่อยุติประเด็นที่ Wolfe Herd ถูกริบหุ้นของ Bumble คิดเป็นมูลค่า 95.5 ล้าน

<span style="color: #008000;">Whitney Wolfe Herd</span> ก่อตั้ง Bumble ขึ้นในปี 2014 หลังจากที่เธอมีปัญหาอย่างรุนแรงกับ<span style="color: #008000;"> Justin Mateen</span> ผู้ร่วมก่อตั้ง Tinder และอดีตแฟนหนุ่ม จนเกิดเป็นคดีฟ้องร้องกันเรื่องการคุกคามทางเพศ และการเลือกปฎิบัติ จนในท้ายที่สุด Tinder ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวและจบเรื่องราวลงด้วยดี

หลังจากที่เธอลาออกจาก Tinder Wolfe Herd ทำงานร่วมกับ <span style="color: #008000;">Andrey Andreev</span> มหาเศรษฐีพันล้านชาวรัสเซีย ที่อาศัยอยู่ในลอนดอน ผู้ก่อตั้งแอปพลิเคชันหาคู่ชื่อดังในยุโรปและละตินอเมริกา ก่อนที่จะก่อตั้ง Bumble

จุดเด่นของแอปพลิเคชัน คือถ้าถูกใจ ฝ่ายหญิงจะต้องส่งข้อความไปหาผู้ชายก่อนภายใน 24 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นการจับคู่ก็จะหายไป ซึ่งการออกแบบแอปพลิเคชันเช่นนี้ทำให้ผู้หญิงมีสิทธิเลือกก่อน ถือเป็นการตลาดที่จับจุดกลุ่มเป้าหมายได้อย่างจัง เพียงแค่ 1 เดือนแรกหลังเปิดตัว Bumble ก็มียอดดาวน์โหลดถึง 100,000 ครั้ง เพราะผู้ใช้ส่วนใหญ่มองว่า Bumble ให้ความรู้สึกสุภาพและปลอดภัยกว่าแอปพลิเคชันอื่นๆ ในท้องตลาด

<em><span class="s3">แปลและเรียบเรียง</span>จากบทความ Bumble Cofounder Becomes World’s Youngest Self-Made Woman Billionaire, Thanks To IPO </em><em>เผยแพร่บน Forbes.com</em>

อ่านเพิ่มเติม: <span style="color: #003300;"><a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/kauishou-ipo-แห่งปี.html">Kuaishou อาจสร้างประวัติศาสตร์ IPO ที่สูงที่สุดในรอบปีแซงหน้า Ant Group ของ Alibaba</a></span>

Whitney Wolfe Herd ผู้ร่วมก่อตั้ง Bumble ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีอายุน้อยที่สุดแห่งปี 2021

BUMBLE กลเกมหาคู่พันล้าน

<em>เรื่อง: ADAM TANNER เรียบเรียง: นวตา สันติวัฒนา</em>
<h2>คุณอาจพูดจาดูถูก สั่งห้าม ระงับการเข้าใช้งาน หรือนำธุรกิจนี้ไปเปรียบกับ <a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=333">Tinder</a> แต่เมื่อเปิดดูตัวเลขงบการเงินของบริษัทจะเห็นว่า Ashley Madison ทำเงินและดำเนินไปได้ด้วยดี</h2>
<div>Noel Biderman มักไม่พูดความจริงเมื่อเพื่อนร่วมเดินทางบนเครื่องบินถามว่าเขาประกอบอาชีพอะไร เขาจะตอบไปว่าเขาเป็นทนายความ ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง แต่นอกจากนั้น Biderman ยังเป็นเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและทำรายได้เข้ากระเป๋าปีละมากกว่า 5 ล้านเหรียญ ทว่า หากเอ่ยชื่อบริษัทของเขาก็อาจทำให้บทสนทนาที่กำลังดำเนินไปด้วยดีชะงักลง Biderman คือผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO ของ Ashley Madison เว็บไซต์ที่ช่วยสานสัมพันธ์รักและเรื่องบนเตียงกับกิ๊กหรือชู้ “มีบางครั้งที่ผมตอบตามความจริง ซึ่งคำนั้นจะกลายเป็นคำพูดสุดท้ายของบทสนทนา”</div>
<div></div>
<div>ความสนใจและเงินทุนที่หลั่งไหลสู่เว็บไซต์หาคู่อย่าง Tinder กระตุ้นให้ Biderman เปิดเผยข้อมูลทางการเงินของ Avid Life Media มากขึ้น บริษัทโฮลดิ้งนอกตลาดจาก Toronto แห่งนี้ถือหุ้นใน Ashley Madison, CougarLife และธุรกิจเว็บไซต์สานสัมพันธ์รักอื่นๆ อีกจำนวนหนึ่ง Biderman ออกมาเพื่อพิสูจน์ว่าธุรกิจของเขายังอยู่รอดเติบโตได้ดีแม้จะมีแอพพลิเคชั่นสำหรับหาคู่แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายอย่าง Tinder และ OkCupid ทั้งนี้ Tinder ซึ่งมีอัตราเติบโต 600% ในเวลา 12 เดือน ณ ข้อมูลเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา มีผู้ลงทะเบียนใช้บริการมากกว่า 30 ล้านราย โดยบรรดาสมาชิกเข้าไปดูข้อมูลเพื่อนใหม่ที่สนใจรวมกันกว่า 1.5 พันล้านครั้ง หรือคิดเป็น 17,000 ครั้งต่อวินาที แอพดังกล่าวยังกินส่วนแบ่งรายได้ของบริษัทในเครืออย่าง Match.com (ทั้งสองบริษัทถือหุ้นโดย IAC) ที่มีอัตราขยายตัวเพียง 5% ในปี 2014 ในทางตรงกันข้าม Ashley Madison ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ข้อมูลทางภาษีรวมถึงตัวเลขจาก Biderman เผยว่า Avid Life Media ทำรายได้ 115 ล้านเหรียญในปี 2014 เพิ่มขึ้นจาก 78 ล้านเหรียญเมื่อปี 2013 และพุ่งขึ้นเกือบ 3 เท่าจากปี 2010 Biderman ให้ข้อมูลว่าตัวเลขกำไรก่อนภาษีจะอยู่ที่ประมาณ 55 ล้านเหรียญ ซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าเป็นอัตรากำไรตามปกติของธุรกิจนี้ ในตลาดโลก เว็บนี้มีสมาชิกผู้ใช้ทั้งหมด 31 ล้านรายนับตั้งแต่เปิดให้บริการ โดยที่ 6.8 ล้านรายจากจำนวนดังกล่าวได้เข้าไปใช้บริการในช่วง 90 วันก่อนหน้า ณ ข้อมูลเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา</div>
<div></div>
<div>Biderman ยอมรับ Tinder เป็นคู่แข่ง แต่รีบอธิบายต่อว่า Avid Life เคยเป็นเจ้าของ HotorNot.com แต่ได้ขายออกไปก่อนหน้านี้ ผู้ใช้บริการสามารถโหวตตัดสินคนอื่นๆ ว่าพวกเขาดูดีน่าสนใจหรือไม่จากรูปที่เห็น แต่ไม่สามารถตอบรับหรือส่งข้อความพูดคุยได้ ซึ่งเมื่อไม่ได้รับอนุมัติให้ขายบนร้าน App Store ของ Apple Biderman จึงตัดสินใจขายธุรกิจทิ้งไป “การจัดอันดับตัดสินคนอื่นนั้นดูรุนแรง แต่การเลือกตอบรับความสัมพันธ์เป็นเรื่องที่ยอมรับได้” เขากล่าว “ผมเสียดายที่ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ก่อน แต่ก็ยินดีกับพวกเขาด้วย”</div>
<div></div>
<div>ลูกค้าของ Ashley Madison มีอายุมากกว่าและมีฐานะดีกว่าสมาชิกผู้ใช้ Tinder แต่ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะแชร์ข้อมูลความเคลื่อนไหวของตนมากนัก “ผู้ชายวัย 40-50 ปีที่แต่งงานแล้วจะไม่ล็อกอินเข้าไปเล่น Facebook” เขากล่าว</div>
<div></div>
<div>Biderman อดีตทนายความด้านกีฬาเริ่มธุรกิจ Ashley Madison กับหุ้นส่วนเมื่อปี 2002 โดยลงขันกันคนละ 500,000 เหรียญ ซึ่งกินเวลานาน 5 ปีกว่าจะมีสมาชิกครบ 1 ล้านคนแรก แต่อัตราเติบโตเริ่มทะยานสูงขึ้นเมื่อการเลิกจ้างงานช่วงปี 2008 หลังเกิดวิกฤติการเงินทำให้บรรดาหนุ่มๆ มีเวลาว่างมากขึ้น Ashley Madison นำเอารูปแบบธุรกิจไนต์คลับมาเป็นแนวคิดในช่วงแรก เนื่องจากสังเกตเห็นว่าผู้ชายในสถานที่เที่ยวจะเป็นผู้เริ่มปฏิสัมพันธ์กับผู้หญิงก่อน 99.6% ในการใช้งานเว็บไซต์พวกสาวๆ ไม่ต้องจ่ายอะไร แต่จะคิดค่าบริการสำหรับผู้ชายสำหรับการติดต่อสร้างความสัมพันธ์ในแต่ละครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ชายจะใช้เงินประมาณ 200-300 เหรียญต่อปีสำหรับบริการของเว็บไซต์ และถ้าหากต้องการลบประวัติการใช้งานบนเว็บไซต์ของตัวเองทั้งหมดจะต้องจ่ายเพิ่มอีก 19 เหรียญ</div>
<div></div>
<div>

แม้จะอยู่ในยุคที่พบเห็นเว็บไซต์ประเภทล่อแหลมอยู่ทั่วไป แต่เว็บที่ยุยงส่งเสริมความสัมพันธ์กับชู้ (หนึ่งในข้อบัญญัติ 10 ประการของศาสนาคริสต์ ซึ่งอยู่ถัดจากข้อห้ามการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต) ยังคงถูกระงับและถือเป็นเว็บไซต์ที่ผิดกฎหมายในบางประเทศ ทั้งนี้ Ashley Madison โดนแบนในเกาหลีใต้และสิงคโปร์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมของฟิลิปปินส์กล่าวว่าเธอก็จะดำเนินการสกัดกั้นเว็บนี้เช่นเดียวกัน

แม้ว่า Avid Life ตั้งงบประมาณโฆษณาของปี 2014 ในมูลค่ามหาศาลถึง 34 ล้านเหรียญ แต่ Bing เว็บให้บริการค้นหาข้อมูลของ Microsoft จะยังคงปฏิเสธและไม่รับลงโฆษณาบนพื้นที่ของตน ขณะที่ Google ตกลงรับโฆษณา สถานีโทรทัศน์หลายแห่งในสหรัฐ ซึ่งรวมถึง ABC และสถานีโทรทัศน์ทุกแห่งของอังกฤษยืนยันไม่ฉายโฆษณาของบริษัท ส่วนทางด้าน Cisco ระบุให้ Ashley Madison อยู่ในกลุ่มเว็บสำหรับผู้ใหญ่ ซึ่งทำให้เป็นเรื่องง่ายขึ้นสำหรับแผนกไอทีที่จะบล็อคเว็บไซต์ไม่ให้พนักงานเข้าใช้ ขณะที่ Ryanair ปฏิเสธข้อเสนอมูลค่า 120,000 ยูโรจาก Biderman สำหรับการพ่นโลโก้โฆษณา Ashley บนตัวเครื่องบินที่จะบินไปยังสเปน (สถานที่จุดหมายของนักท่องเที่ยว) แต่ Biderman สามารถจับมือกับสื่ออื่นๆ หลายแห่งที่ยินดีทำธุรกิจด้วย อันรวมถึง MSNBC, CNN และ Fox News

</div>
<div></div>
<div>เขาเริ่มมุ่งทำตลาดไปยังต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่สร้างอัตราเติบโตให้กับ Avid Life Media บริษัทได้เปิดให้บริการเว็บไซต์ที่อิสราเอล ฮ่องกง ตุรกีและอินเดียในปี 2014 กำลังจะเปิดให้บริการที่ประเทศไทย และมีแผนที่จะบุกตลาดในรัสเซีย ยูเครนและไนจีเรีย นอกจากนี้ Biderman ยังมองถึงโอกาสเติบโตในบริการส่งข้อความและอีเมลส่วนตัว และพัฒนาบริการส่งข้อความเสียงด้วย</div>
<div></div>
<div>Biderman กล่าวว่าบริษัทของเขามีมูลค่าราว 1 พันล้านเหรียญ แต่นักวิเคราะห์ (ไม่ประสงค์ออกนาม) ให้ความเห็นว่าตัวเลขนี้สูงเกินจริงแต่ก็ค่อนข้างใกล้เคียง บทวิเคราะห์เมื่อเดือนตุลาคมโดย Bank of America Merrill Lynch ระบุว่า Match.com มีมูลค่าประมาณ 3.8 พันล้านเหรียญจากการคำนวณด้วยอัตราส่วนราคาต่อประมาณการกำไรจากการดำเนินงานปี 2015 ที่ 12 เท่า ส่วนมูลค่าประเมิน Tinder อยู่ที่ 1.3 พันล้านเหรียญ จากอัตราส่วนราคาต่อประมาณการผลกำไรที่ 18 เท่า ขณะที่การประเมินมูลค่าของ Ashley Madison ที่ทำรายได้ 55 ล้านเหรียญจะใช้อัตราส่วนในกรอบล่างเพราะถูกคิดหักลดจากการทำธุรกิจสีเทา ทว่า Biderman ไม่เห็นด้วย “ถ้าจะมีธุรกิจไหนที่ใช้มูลค่าประเมินที่ p/e 18-20 เท่า ก็ควรจะเป็นธุรกิจแบบเดียวกับเรา ซึ่งได้พิสูจน์ความสำเร็จมาแล้วเกือบสิบปี”</div>
<div></div>
<div>

รายได้ที่เข้ามาสู่บริษัทจะทำเงินให้กับ Biderman อย่างมากมายแต่ไม่ถึงกับมหาศาล ปัจจุบันเขาถือหุ้นบริษัทมากกว่า 10% เล็กน้อยหลังจากขายหุ้นส่วนใหญ่ไปในการระดมทุนมูลค่า 40 ล้านเหรียญเมื่อปี 2007 ผู้เข้ามาลงทุนในบริษัทประกอบด้วยนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแคนาดา และบางรายมาจากอเมริกาและเยอรมัน แต่ Biderman ก็มีความสุขดี เขาขับ Maserati Ghilbi รุ่นใหม่ซึ่งเป็นรถประจำตำแหน่งในฐานะกรรมการบริษัท ใส่ Calatrava นาฬิกาแบรนด์หรูจาก Patek Philippe ที่ภรรยาซื้อให้ และมีบ้านพักตากอากาศริมทะเลใน Fort Lauderdale แต่เขากล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่ผู้ชายมีครอบครัวพร้อมลูกสองอย่างเขายังไม่เคยลองก็คือกิจกรรมสัมพันธ์นอกบ้านแบบที่เว็บไซต์บริษัทเขาเปิดให้บริการ

“ผมเข้าใจปัญหาของการมีคู่ครองคนเดียวและเข้าใจคนที่ต้องการใช้บริการเว็บของผม ผมคิดว่าได้สร้างธุรกิจบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้”
<div></div>
<div>อ่านประกอบ: <a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=330">จับตาเว็บบริการหา "กิ๊ก" เปิดตัวบุกไทย</a></div>
</div>

โกยกำไรจากธุรกิจจัดหากิ๊ก

<em>เรื่อง: Steven Bertoni เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา</em>
<h2><strong>Sean Rad ได้เปลี่ยนวิถีการจับคู่ของผู้คนด้วยการสร้างแอพฯ หาคู่ที่ฮอตที่สุดในโลกอย่าง Tinderขึ้นมา และทำให้นักลงทุนใน Wall Street เปลี่ยนมุมมองที่มีต่อ Barry Diller ด้วย แต่ทั้งหมดนี้ก็ยังไม่พอที่จะทำให้เขารักษาตำแหน่งหน้าที่การงานเอาไว้ได้</strong></h2>
<div>ความยอดเยี่ยมของแอพฯ Tinder อยู่ตรงทำให้การจีบกันมาอยู่ในรูปดิจิทัล ทำได้ง่ายๆ ผ่านสมาร์ตโฟน เพียงแค่เชื่อมเข้ากับบัญชี facebook ของคุณ ก็จะเปิดดูรูปคนนับไม่ถ้วนที่อาจเป็นคู่เดตที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับคุณได้ โดยไม่จำเป็นต้องตอบแบบสอบถามหรือแบบฟอร์มใดๆ Tinder จะเชื่อมคุณกับคนที่คุณชอบผ่าน chatbox</div>
<div></div>
<div>Sean Rad หนุ่มวัย 28 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO กล่าวว่า เราช่วยกำจัดความกลัวในการโดนปฏิเสธจากฝ่ายตรงข้าม</div>
<div></div>
<div>“ถ้าผมเดินเข้าไปคุยกับคนแปลกหน้าสักคนในบาร์ ผมก็กังวลว่าจะถูกปฏิเสธ ขณะที่คนๆ นั้นก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกล่า แต่เราทำให้ความรู้สึกเหล่านั้นหมดไป การจับคู่ของ Tinder ก็เหมือนกับการมองสบตาปิ๊งใครสักคนที่อยู่คนละมุมห้อง”</div>
<div></div>
<div>Justin Mateen เพื่อนของ Rad ช่วยทำให้ Tinder โด่งดัง ด้วยการเจาะตลาดมหาวิทยาลัยชั้นนำ จนเกิดเป็นกระแสในมหาวิทยาลัยของสหรัฐฯ จากนั้นก้าวสู่กลุ่มผู้ใช้งานวงกว้าง เมื่อ Mateen นำไปเผยแพร่ในปาร์ตี้คนโสดที่หมู่บ้านนักกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่ Sochi ประเทศรัสเซีย จนเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ทำให้บริษัทแม่อย่าง IAC ซึ่งมี Barry Diller เริ่มหันมาสนใจ</div>
<div></div>
<div>อย่างไรก็ตาม กลับเกิดเรื่องอื้อฉาวในหมู่ผู้ก่อตั้ง เมื่อ Whitney White สาววัย 24 ปี ในตำแหน่งรองประธาน ซึ่งมีสัมพันธ์กับ Mateen ออกมาแฉว่าตัวเธอโดน Mateen และผู้ร่วมก่อตั้งรายอื่นๆ ล่วงละเมิดทางเพศ และถูกเลือกปฏิบัติด้วยเหตุที่เป็นผู้หญิง  แม้ว่าสุดท้ายจะประนีประนอมยอมความกันได้ แต่ IAC คงไม่อาจปล่อยให้กิจการที่กำลังจะทำเงินมหาศาลออกนอกลู่นอกทางได้</div>
<div></div>
<div>เมื่อปลายปีแล้ว ขณะที่ Rad กำลังรอเวลาขึ้นเวที Forbes 30 Under 30 ซึ่งมีคนดังมากมาย ไม่ว่า Monica Lewinsky หรือ Malala Yousafzai  เขาได้รับโทรศัพท์สายตรงจาก IAC  แจ้งว่าถูกปลดจากตำแหน่ง CEO ของบริษัทที่เขาก่อตั้งขึ้นเรียบร้อยแล้ว</div>
<div>

<hr />

อ่าน <strong>“Sex, Lies &amp; iPhones”</strong> ฉบับเต็มได้ใน <em>Forbes Thailand </em>ฉบับ JANUARY 2015

</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events