Neil Davidson ดัน Coda Payments สำหรับเกมออนไลน์รุกตลาดใหม่ทั่วโลก - Forbes Thailand

Neil Davidson ดัน Coda Payments สำหรับเกมออนไลน์รุกตลาดใหม่ทั่วโลก

FORBES THAILAND / ADMIN
26 May 2023 | 08:15 AM
READ 4614

หลังการระดมทุนทั่วโลกได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2021 ล่าสุด Neil Davidson เตรียมดัน Coda Payments แอปพลิเคชันชำระเงินสำหรับเกมออนไลน์เดินหน้ารุกตลาดใหม่ทั่วโลก

    แม้ว่าจะมีอุปสรรคมากมาย แต่ Neil Davidson นายใหญ่แห่ง Coda Payments ก็ยังเดินหน้าผลักดันแผนการอันยิ่งใหญ่ให้กับบริษัทชำระเงินเกมออนไลน์จากสิงคโปร์ที่สามารถทำกำไรได้สำเร็จแห่งนี้

    หลังการระดมทุนทั่วโลกได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2021 Coda Payments บริษัทจากสิงคโปร์ยังคงระดมทุนได้อีก 690 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในต้นปี 2022 จากบรรดาผู้สนับสนุนรายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น GIC ซึ่งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติสิงคโปร์ รวมถึง Insight Partners และ Smash Capital จากสหรัฐฯ นับเป็นมูลค่าการลงทุนสูงที่สุดที่ Coda Payments เคยได้รับมา 

    ส่งผลให้แพลตฟอร์มการชำระเงินสำหรับซื้อเกมออนไลน์แห่งนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 2.5 พันล้านเหรียญ สร้างผลตอบแทนอย่างที่หาได้ยากเหลือเกินในกลุ่มยูนิคอร์นแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นั่นคือการทำกำไร
ทว่านับแต่นั้นเป็นต้นมาบรรยากาศการลงทุนของบรรดาผู้ร่วมลงทุนเต็มไปด้วยความขมุกขมัวท่ามกลางเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ประกอบกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นที่โลกจะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ Neil Davidson ผู้ร่วมก่อตั้งและประธานบริหาร Coda Payments วิตกกังวลอะไร 


    เขาให้สัมภาษณ์ผ่านวิดีโอคอลจากห้องทำงานใน Los Angeles ว่า ทุนที่ได้จากการขายหุ้นในตลาดรองสามารถนำมาจ่ายผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนในยุคแรกๆ รวมทั้งกลุ่มผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทได้บ้าง โดยไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเงินทุนใหม่ๆ เพราะบริษัทมีกระแสเงินสดที่เพียงพออยู่แล้ว 

    ทั้งนี้ จากข้อมูลที่ส่งให้แก่หน่วยงานที่มีอำนาจในสิงคโปร์แสดงให้เห็นว่า Coda Payments มีกระแสเงินสด 68 ล้านเหรียญในปีซึ่งสิ้นสุดเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2021 นับเป็นการเติบโตถึง 4 เท่าตัว จึงสามารถวางเป้าหมายสำคัญได้ นั่นคือการขยายกิจการ

    จากเอกสารข้อมูลแหล่งต่างๆ ระบุว่า การระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ผู้บริโภคจำนวนมากใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับบ้านและหันมาเล่นเกมออนไลน์ รวมทั้งสื่อบันเทิงรูปแบบดิจิทัล ส่งผลให้รายได้ของ Coda Payments เพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตัว จาก 81 ล้านเหรียญในปี 2019 เป็น 310 ล้านเหรียญในปี 2021 โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี (EBITA) เติบโต 4 เท่าเป็น 43 ล้านเหรียญในช่วงเวลาเดียวกัน 

    Coda Payments ใช้ซอฟต์แวร์ประมวลผลการชำระเงินให้กับเว็บไซต์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกหลายรายด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น Activision Blizzard, Riot Games, Garena ของ Sea Group, Netease, Tencent และ Tinder ในวันหนึ่งๆ Coda Payments ให้บริการจัดการธุรกรรมกว่า 1 ล้านรายการ 

    ทุกๆ ครั้งที่ผู้ใช้จ่ายเงิน เช่น ซื้อเกม อุปกรณ์เสริม และเติมเงิน Coda Payments จะได้รับส่วนแบ่ง 15% โดยคู่แข่งหลักๆ ของพวกเขา คือ Apple และ Google แต่ Coda ได้เปรียบตรงค่าบริการที่คิดเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้นเมื่อเทียบกับบริการที่คล้ายกันของบริษัทคู่แข่งที่มีขนาดใหญ่กว่า

    Davidson ย้ายกลับไปยังบ้านเกิดเมืองนอนที่ California ในปี 2019 และจัดตั้งสำนักงานของ Coda ขึ้นใน Los Angeles ในปีถัดมา นับแต่นั้นมา Davidson ก็ง่วนอยู่กับการทำข้อตกลงธุรกิจกับลูกค้าทั้งรายเก่าและรายใหม่ที่เขาหวังว่าจะได้มาในช่วงระยะเวลา 12 เดือนข้างหน้า “เราเริ่มต้นจากจุดเล็กๆ ในตลาดใหม่ๆ เหล่านี้” Davidson วัย 41 ปีกล่าว “ถ้าเราสามารถสร้างอิทธิพลในประเทศเหล่านี้ได้ แม้จะเป็นเพียงส่วนแบ่งตลาดเล็กๆ ก็จะทำให้ Coda สร้างผลตอบแทนมากมายมหาศาลได้”

    เมื่อครั้งเปิดตัวบริษัทเมื่อ 10 ปีก่อน Davidson และ Leishman กรรมการบริหาร Coda Payments วางบริษัทอี-คอมเมิร์ซเป็นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายในเบื้องต้น โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก M-Pesa บริการโอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือที่เริ่มให้บริการในเคนยาเมื่อปี 2007 และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว Davidson และ Leishman ต้องการให้บริการในรูปแบบเดียวกันนี้ที่อินโดนีเซียเป็นแห่งแรก ก่อนจะขยายตัวสู่อุตสาหกรรมค้าปลีกช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ที่กระจัดกระจายทั่วภูมิภาค 

    “เรารู้ว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีศักยภาพมากมายมหาศาล” Leishman วัย 39 ปี กล่าวผ่านทางอีเมล “ภูมิภาคแห่งนี้มีประชากรจำนวนมากและมีการเติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ความสนใจในการซื้อเนื้อหาดิจิทัลได้เพิ่มขึ้นไปด้วย” 

    ผลิตภัณฑ์แรกๆ ของ Coda Payments มอบทางเลือกใหม่แทนการซื้อสินค้าและบริการออนไลน์ด้วยบัตรเครดิต เช่น การชำระเงินโดยเรียกเก็บจากค่าบริการโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อตอนที่สองผู้ร่วมก่อตั้งปฏิบัติงานอยู่ที่ Jakarta นั้น การชำระเงินราว 70% ยังคงเป็นเงินสด 

“ผู้บริโภคกลุ่มใหญ่ที่เข้ามาใช้ระบบออนไลน์ครั้งแรกไม่มีทั้ง Visa และ Mastercard ซึ่งในเวลานั้นจำเป็นมากในโลกเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ต” Davidson บัณฑิตปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจจาก Harvard University กล่าว “เรารู้สึกว่ามันเป็นโอกาสที่จะเชื่อมโยงคนในท้องถิ่นเข้ากับวิธีการชำระเงินใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยทลายกำแพงการช็อปปิ้งออนไลน์ลงได้มาก”

    ไม่นานนัก Coda Payments ก็หันหน้าสู่บรรดาผู้จำหน่ายเกมออนไลน์ที่กำลังมองหาซอฟต์แวร์ระบบชำระเงินอยู่พอดี “ในการขายผลิตภัณฑ์ดิจิทัลจะให้เก็บเงินปลายทางก็คงไม่ได้ เพราะมันไม่มีการจัดส่งไปยังปลายทาง” Davidson กล่าว ในเวลาเพียงไม่กี่ปี Coda Payments จัดตั้งสำนักงานขึ้นที่สิงคโปร์ (มีการย้ายสำนักงานใหญ่ไปที่สิงคโปร์ช่วงกลางปี 2014) มาเลเซีย และ California

    Coda Payments เริ่มต้นจากการผูกบริการชำระเงินออนไลน์ไว้กับเว็บไซต์ของผู้จำหน่าย แต่ต่อมาได้เห็นช่องว่างในกลุ่มนักสร้างเกมออนไลน์หน้าใหม่ ซึ่งมักจะจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทางแอปพลิเคชัน 


    ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2014 สตาร์ทอัพแห่งนี้จึงได้เปิดตัว Codashop เพื่อจำหน่ายอุปกรณ์เสริมและเครดิตสำหรับการเล่นเกมทั้งทางคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์มือถือ Codashop มีผู้เยี่ยมชมร้านค้าเดือนละกว่า 50 ล้านราย ครอบคลุมตลาด 65 แห่ง โดยมีระบบ Codapay ที่ช่วยให้ผู้จำหน่ายเกมสามารถรองรับการชำระเงินได้กว่า 300 วิธีการบนเว็บไซต์ของตนเอง

    วิธีการชำระเงินต่างๆ มีแนวโน้มกระจายตัวในเชิงลึกยิ่งขึ้น จึงยิ่งเป็นประโยชน์ต่อบริษัท แต่ยอดการจับจ่ายในโลกเกมดิจิทัลทั่วโลกกลับชะลอตัว ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ยอดจำหน่ายเกมออนไลน์ทะยาน 30% และทำสถิติสูงสุดในช่วงการระบาดของโรคโควิด-19 ในปี 2020 ที่จำนวน 1.97 แสนล้านเหรียญ ก่อนจะเติบโตชะลอตัวลงเหลือ 20% ในปีที่ 2021 

    และยังมีแนวโน้มเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่องเหลือ 6.5% ในปี 2022 แต่บริษัทยังคงคาดว่า จะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อย แม้กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีซึ่งรวมถึงยักษ์ใหญ่ธุรกิจชำระเงินอย่าง Stripe และ PayPal ยังต้องปลดพนักงานเป็นจำนวนมากเพื่อรับมือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ 

    “แม้ว่าเราจะดำเนินนโยบายการจ้างงานที่รัดกุมในสถานการณ์ปัจจุบัน แต่เราก็ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการไขว่คว้าโอกาสที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกเท่านั้น เราจึงยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องในการวางรากฐานในตลาดและศักยภาพ” Davidson กล่าวทางอีเมล แต่ปฏิเสธที่จะเปิดเผยแผนการจัดสรรเงินทุนอย่างเจาะจงหรือคาดการณ์ผลกำไรในปีนี้
เหตุผลสำคัญคือ ตลาดหลักของ Coda Payments ได้รับการคาดหมายว่า จะประสบความสำเร็จได้ด้วยตนเองท่ามกลางปัญหาวุ่นวายต่างๆ นานา 

    จากผลการศึกษาของ Bain, Google และ Temasek ที่เผยแพร่เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาระบุว่า การบริโภคสื่อดิจิทัลในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งรวมถึงการสตรีมเกมและวิดีโอนั้นคาดว่า จะเติบโตขึ้นถึง 3 เท่าตัวจาก 1.4 หมื่นล้านเหรียญในปี 2019 ไปเป็น 4.3 หมื่นล้านเหรียญภายในปี 2025 

    “กระแสต่างๆ บนโลกใบนี้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มประชากรรุ่นเยาว์และความมั่งคั่งที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคแห่งนี้” Florian Hoppe พันธมิตรจากสิงคโปร์ประจำบริษัทที่ปรึกษา Bain & Co. กล่าว

    Golden Gate Ventures บริษัทผู้สนับสนุนจากสิงคโปร์คาดว่า Coda Payments จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง Golden Gate Ventures ลงทุนไปกว่า 1 ล้านเหรียญ และได้เพิ่มมูลค่ากว่า 100 ล้านเหรียญจากการประเมิน ณ เดือนเมษายน ปี 2022 คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) กว่า 10 เท่า และจะยังคงเก็บ Coda Payments ไว้ในบัญชีต่อไป 

    “Coda เป็นบริษัทที่แข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ เป็นยูนิคอร์นที่สามารถทำกำไรได้ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก” Vinnie Lauria หุ้นส่วนผู้จัดการแห่ง Golden Gate Ventures ประจำ Ho Chi Minh City กล่าว

    แม้ Davidson จะมั่นใจว่า Coda Payments จะยังคงยืนหยัดต่อไปหลังสิ้นสุดการระบาดของโรคโควิด-19 แต่บริษัทก็ไม่ได้รีบกระโจนเข้าสู่ตลาดหุ้น “เราคิดว่าการเป็นบริษัทเอกชนจะทำให้เราสร้างมูลค่าในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า” 

    เวลาที่ใช่นั้นยังขึ้นอยู่กับอารมณ์ของตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นด้วย “ปัจจุบันนี้คนเรามีทางเลือกให้ใช้เงินได้มากมายที่นอกเหนือไปจากสื่อบันเทิงดิจิทัล” Davidson กล่าว “แม้ว่าในระยะสั้นจะทำให้เราเติบโตได้อย่างจำกัด แต่เรามั่นใจเหลือเกินว่า สื่อบันเทิงดิจิทัลมีศักยภาพที่จะเติบโตในระยะยาว”

    ขณะเดียวกันอุตสาหกรรมเกมยังต้องเผชิญมาตรการกำกับดูแล เช่น เหตุการณ์ล่าสุดในอินเดีย เมื่อมีการสั่งแบน Free Fire เกมทางมือถือจากค่าย Garena ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว 

    ก่อนที่ในอีก 6 เดือนต่อมาจะมีการสั่งตรวจสอบบริษัทผู้ให้บริการชำระเงินรายต่างๆ ซึ่งรวมถึงบริษัทย่อยในอินเดียของ Coda Payments เกี่ยวกับความเป็นไปได้ว่ามีการกระทำผิดระเบียบว่าด้วยการฟอกเงิน

    อย่างไรก็ตาม Darren Yong หัวหน้าฝ่ายวิจัยด้านเทคโนโลยี มีเดีย และการสื่อสารโทรคมนาคมประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกแห่ง KPMG จากสิงคโปร์มองว่า การกำกับดูแลดังกล่าวมีความจำเป็น เนื่องจากเกมดิจิทัลและระบบชำระเงินที่เกี่ยวข้องกับเกมดิจิทัลกำลังได้รับความนิยม “จำเป็นต้องมีการพัฒนากฎระเบียบให้ก้าวทันเทคโนโลยี เพื่อที่จะสามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้”

    Davidson บอกว่า การเรียกชำระเงินระหว่างประเทศเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับบรรดาผู้จำหน่ายเกมดิจิทัลจากต้นทุนด้านการกำกับดูแล เวลานี้ Coda อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับผู้ให้บริการชำระเงินภายใต้การกำกับดูแลในท้องถิ่น จึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยให้ผู้ให้บริการเนื้อหาดิจิทัลสามารถขยายบริการครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ พร้อมกับเป็นการเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทในตลาดแห่งใหม่ ๆ ทั่วโลก



เรื่อง: Jonathan Burgos เรียบเรียง: รัน-รัน
ภาพ: COURTESY OF CODA PAYMENTS



อ่านเพิ่มเติม: Ravi Modi จากหนุ่มร้านขายเสื้อผ้าสู่มหาเศรษฐีอาณาจักรพันล้าน


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนเมษายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine