<h2>Peggy Cherng สร้าง Panda Express ให้กลายเป็น McDonald’s ฉบับอาหารจีน โดยใช้ความรู้ด้านวิศวกรรมศาสตร์และบิ๊กดาต้าที่เรียนมาช่วยเพิ่มยอดขายให้โตอย่างรวดเร็ว และสร้างตัวเองจนกลายเป็นเศรษฐีหลายพันล้านในที่สุด</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความร้อนระอุในเมือง Los Angeles ในเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วไม่ได้ทำให้ Peggy Cherng เนือยลงแต่อย่างใด เศรษฐีพันล้านวัย 75 ปี ผู้ร่วมก่อตั้ง Panda Express กำลังเดินเล่นระหว่างอาคารวิจัยอันทันสมัยและสวนเซนสไตล์ญี่ปุ่นที่โอบล้อมอาณาเขตโรงพยาบาล City of Hope ขนาด 100 เอเคอร์ ซึ่งเธอให้ทุนสนับสนุนโครงการ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ทำเรื่องการผสมผสานเวชปฏิบัติตะวันออกกับตะวันตก “เป็นการนำสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามีในฐานะชาวอเมริกันเชื้อสายเอเชียมาสู่ตะวันตก” เธอบอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Cherng รู้ดีแน่นอน เพราะเธออพยพมาจากฮ่องกงในช่วงทศวรรษ 1960 และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมไฟฟ้า ในช่วงทศวรรษ 1970 จากนั้นก็ลาออกจากอาชีพนักพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีอนาคตสดใสทันทีเพื่อใช้ทักษะ STEM ของเธอในอุตสาหกรรมที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง นั่นก็คืออาหารจานด่วน โดยรังสรรค์สูตรอาหารจีนที่พอเหมาะพอเจาะกับรสนิยมของชาวอเมริกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4 ทศวรรษต่อมา จุดเริ่มต้นจากร้านอาหารเพียงแห่งเดียวในห้างสรรพสินค้าในตอนใต้ของ California ได้เติบโตจนกลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีสาขากว่า 2,400 แห่ง โดยขายหมี่ผัด เนื้อปักกิ่ง และไก่ซอสส้มได้กว่า 5 พันล้านเหรียญทุกปีในศูนย์อาหาร อาคารผู้โดยสารในสนามบิน และร้านไดรฟ์ทรูทั่วประเทศ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สูตรลับของ Panda Express ไม่ใช่แค่ซอสเปรี้ยวหวาน แต่เป็นความเหนือชั้นด้านเทคนิคและความคิดอันเป็นระบบของ Cherng “มีคนมากมายในธุรกิจร้านอาหารที่ไม่ได้ฝึกมาแบบเดียวกับวิศวกร” เธอกล่าว “ฉันเลยได้เปรียบ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Cherng มองทุกอย่างเป็นโครงสร้างและระบบ เช่น วิธีจัดระเบียบข้อมูลให้ดีที่สุด วิธีคิดเมนูที่ปรุงจำนวนมากๆ ได้ วิธีอบรมพนักงานใหม่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประโยชน์มาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Panda Express ทำให้ Cherng ร่ำรวยขึ้นมา เธอมีมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 3.1 พันล้านเหรียญ และเป็นหนึ่งในสตรีผู้มั่งคั่ง 12 คนที่สร้างตัวเองในทำเนียบ Forbes 400 โดยเธอเป็น 1 ใน 2 คนที่เกิดในเอเชีย ส่วน Andrew Cherng สามีวัย 76 ปีของเธอซึ่งเป็นทั้งผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอร่วมมีทรัพย์สินอีก 3.1 พันล้านเหรียญ ทั้งสองเป็นเจ้าของหุ้น 100% ในบริษัทเอกชนใน Rosemead รัฐ California แต่พวกเขามุ่งมั่นที่จะแบ่งปันความมั่งคั่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;บริษัทเล่าว่า เกือบครึ่งหนึ่งของผู้จัดการทั่วไปเต็มเวลาของ Panda มีรายได้มากกว่า 100,000 เหรียญในปีที่แล้ว และผู้จัดการคนหนึ่งมีรายได้ถึง 277,000 เหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Peggy เกิดที่ประเทศพม่าในปี 1947 แต่ใช้ชีวิตวัยเด็กส่วนใหญ่ใน Zhangzhou และฮ่องกง ด้วยทักษะคณิตศาสตร์อันเป็นเลิศ เธอเข้าเรียนที่ Baker University ซึ่งเป็นสถาบันเล็กๆ ในเมืองเล็กๆ ของรัฐ Kansas สหรัฐฯ ที่ซึ่งนักเรียนชาวเอเชียไม่กี่คนจะเกาะกลุ่มกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่นั่นเองที่เธอได้พบกับ Andrew และทั้งสองก็คบกันมาตลอด แม้กระทั่งตอนที่เธอได้ทุนและต้องย้ายไปเรียนที่ Oregon State และเขาเองก็ต้องย้ายไป L.A. เพื่อช่วยลูกพี่ลูกน้องบริหารร้านอาหารจีน Peggy ผู้ซึ่งใฝ่ฝันจะเป็นนักประดิษฐ์จบปริญญาโท สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ และจบปริญญาเอก สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าจาก University of Missouri ในปี 1974&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แทนที่จะเธอเป็นอาจารย์หรือนักประดิษฐ์ เธอไปทำงานให้ McDonnell Douglas โดยออกแบบระบบและช่วยพัฒนาระบบจำลองสถานการณ์รบสำหรับกองทัพเรือ ตามมาด้วยงานชั่วคราวในโครงการสร้างระบบจดจำใบหน้าและเสียงระยะแรกๆ ที่ Comtal ในเมือง Pasadena ซึ่งต่อมา 3M ซื้อกิจการไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนตอนกลางคืนและวันหยุดสุดสัปดาห์เธอจะมาเป็นพนักงานต้อนรับที่ Panda Inn ร้านอาหารเล็กๆ ใน Pasadena ที่ Andrew เปิดในปี 1973 กับพ่อของเขาโดยใช้เงิน 60,000 เหรียญจากเพื่อน ครอบครัว และเงินกู้จากองค์กรบริหารจัดการธุรกิจขนาดเล็กของสหรัฐฯ (SBA)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดเปลี่ยนชีวิตคือ วันส่งท้ายปีเก่าปี 1982 วันรุ่งขึ้นจะมีการแข่งอเมริกันฟุตบอลระหว่างทีม UCLA Bruins กับ Michigan ที่สนาม Rose Bowl และก่อนเกมสำคัญครอบครัวของ Terry Donahue โค้ชในตำนานของทีม Bruins ก็แวะมาทานอาหารเย็น “เราชอบมาก”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" alt="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/uRjf8YXrwB4kcjwVgcWq.jpg" alt="" data-image-link="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uRjf8YXrwB4kcjwVgcWq.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="900,675"></a></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครอบครัว Cherng กระโจนเข้าสู่เส้นทางใหม่ด้วยการเปิดร้าน Panda Express สาขาแรกในปลายปีนั้น โดยขายอาหารเหมือนใน Panda Inn ในรูปแบบเคาน์เตอร์เซอร์วิสที่รวดเร็ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือ คิวยาวออกไปนอกประตูกันเลยทีเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครอบครัว Cherng ขยายธุรกิจเร็วแบบเดียวกับ Ray Kroc โดยเกาะกระแสช่วงห้างสรรพสินค้าเฟื่องฟูในทศวรรษ 1980 ด้วยการเปิดสาขาในศูนย์การค้าใหม่ๆ ทั่วประเทศไม่ว่าจะต้องยุ่งยากเรื่องซัพพลายเชนแค่ไหนก็ตาม ซึ่งไม่ใช่วิธีที่คนจบ MBA จะทำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภายในปี 1991 Panda Express เติบโตจนมี 18 สาขา แต่การเป็นร้านอาหารหลักในฟู้ดคอร์ทกลายเป็นเรื่องไม่น่าตื่นเต้นไปแล้ว “มันเป็นตลาดที่คู่แข่งไม่เยอะก็จริง แต่คุณไม่สามารถสร้างแบรนด์ต่อได้” Cherng กล่าว “ลูกค้าก็มองคุณเป็นแค่ร้านจีนร้านนึง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครอบครัว Cherng เอากำไรจากร้านในห้างมาขยายกิจการด้วยการสร้างร้านแบบตั้งเดี่ยวของตนเอง ในปัจจุบันเครือนี้มีจำนวนร้านในห้างสรรพสินค้าเพียง 156 สาขา จากทั้งหมด 2,400 สาขาในสหรัฐฯ และคิดเป็น 5% ของยอดขายทั้งหมด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในทศวรรษที่ผ่านมา Panda ได้เพิ่มสาขาใหม่ 800 แห่ง สร้างยอดขายเกินกว่า 5 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 2.2 พันล้านเหรียญในปี 2014 เป้าหมายคือ การเปิดร้านใหม่ประมาณ 100 แห่งต่อปีในอเมริกาไปเรื่อยๆ และเพิ่มรายได้เท่าตัวเป็น 1 หมื่นล้านเหรียญภายในปี 2028 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/world/asia/vinfast-soar-dream" alt="VinFast อีวีเวียดนามที่ขอทะยานฝัน สู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก">VinFast อีวีเวียดนามที่ขอทะยานฝัน สู่แบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าระดับโลก</a>​ ​<a target="_blank" href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" alt="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/03/UPkPcBvgR1JutLtwR7qQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="UPkPcBvgR1JutLtwR7qQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="305,400" data-image-link="https://buffet.ookbee.com/magazine/forbes/issue/3109395a-7159-4b09-84e0-4539ed083c8c" style="width: 300px; height: auto;" data-index="1"></a></figure></div>

Peggy Cherng ผู้สร้าง Panda Express นักวิทย์แห่งอาหารจีน

<h2 class="p3">เทรนด์อาหารจีนในไทยขยายตัวต่อเนื่อง บมจ.เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป หรือ ZEN เร่งขยายพอร์ตเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ดินส์” (Din’s) อาหารจีนจานด่วน ตั้งเป้าหมายเปิด 30 สาขาภายใน 3 ปี สร้างรายได้กว่า 300 ล้านบาท </h2>
บุญยง ตันสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ZEN ผู้ประกอบธุรกิจบริการอาหาร (Food Services) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้วางนโยบายขยายธุรกิจร้านอาหารให้มีความหลากหลายยิ่งขึ้น จากปัจจุบันเปิดให้บริการรวมทั้งสิ้น 14 แบรนด์ ครอบคลุมอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ไทย และเวียดนาม โดยประเมินภาพรวมตลาดอาหารจีนจานด่วนในประเทศไทยในปัจจุบันมีมูลค่าตลาดรวมประมาณ 2-3 หมื่นล้านบาท และคาดว่ามีแนวโน้มขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ล่าสุดจึงเปิดตัวร้านอาหารแบรนด์ใหม่ “ดินส์” (Din’s) อาหารจีนจานด่วน (สไตล์ Neo Taiwanese) สาขาแรกที่บริเวณชั้น G ศูนย์การค้าสามย่าน มิตรทาวน์
โดย ดินส์ (Din’s) เป็นร้านอาหารที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นด้านรสชาติและราคาที่ย่อมเยา ปัจจุบันมีสาขาเปิดให้บริการกว่า 10 สาขาในประเทศญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บริษัทฯ จึงตัดสินใจซื้อสิทธิ์มาสเตอร์แฟรนไชส์กับทางดินส์ ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเปิดให้บริการในประเทศไทยเป็นครั้งแรก และยังได้รับสิทธิ์เปิดสาขาในกลุ่มประเทศ CLMV หรือ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งจะเพิ่มโอกาสการเติบโตของแบรนด์ดินส์ในอนาคต
ทั้งนี้ ประเมินว่าอาหารจีนมีรสชาติเป็นที่ชื่นชอบและถูกปากคนไทยส่วนใหญ่ ประกอบกับใช้เวลารับประทานไม่นาน และราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ จึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี โดยหลังจากเปิดให้บริการสาขาแรกเป็นที่เรียบร้อย วางเป้าหมายขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 3 ปีจะเปิดร้านดินส์ 30 สาขา เน้นทำเลที่มีศักยภาพและมีประชากรหนาแน่น เช่น ภายในศูนย์การค้า ย่านใจกลางเมืองและชุมชน ฯลฯ คาดว่าจะสร้างรายได้รวมกว่า 300 ล้านบาท
<img class="alignnone size-full wp-image-26365" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/dins02.jpg" alt="" width="720" height="480" />
“เรามองว่าดินส์เป็นแบรนด์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ทุกระดับ จึงมีแผนขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ภายในช่วง 3 ปีนับจากนี้ และมีแผนเตรียมความพร้อมด้านทีมงานเพื่อขยายสาขาด้วยโมเดลแฟรนไชส์ในอนาคต คาดว่าจะได้รับความสนใจที่ดีจากผู้ที่ต้องการลงทุนเปิดร้านอาหาร” บุญยง กล่าว   
ด้าน สุจันท์ภา พลางกูร ผู้จัดการทั่วไปกลุ่มแบรนด์ปิ้งย่างและคาเฟ่ กล่าวว่า ได้เปิดบริการร้านดินส์สาขาแรกในศูนย์การค้าสามย่านมิตร ทาวน์เมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นย่านใจกลางเมืองที่มีศักยภาพ อยู่ใกล้แหล่งทำงาน และสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า MRT (สถานีสามย่าน) เพื่อนำเสนอเมนูอาหารจีนจานด่วน ที่ได้กลิ่นอายความเป็นจีนดั้งเดิมผสมผสานกับแรงบันดาลใจจากร้านอาหารในญี่ปุ่นในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้ง่าย โดยมีอาหารให้เลือกหลากหลายกว่า 50 เมนู ทั้งติ่มซำ อาหารทานเล่น อาหารจานหลักและเซตเมนู เพื่อตอบสนองลูกค้าเป้าหมายทุกกลุ่มที่ชื่นชอบอาหารสไตล์ดังกล่าว
<img class="alignnone size-full wp-image-26366" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/02/dins03.jpg" alt="" width="720" height="480" />
ขณะที่รูปแบบร้านเน้นการตกแต่งสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกลิ่นอายตะวันออก ให้ความรู้สึกทันสมัย เรียบง่าย แต่มีชีวิตชีวา เหมาะกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมารับประทานอาหารร่วมกัน และยังได้ออกแบบพื้นที่ส่วนหนึ่งภายในร้านเป็นครัวเปิด เพื่อให้ลูกค้าเห็นบรรยากาศการปรุงอาหารของเชฟแบบใกล้ชิด และมั่นใจว่าได้รับประทานอาหารที่มีคุณภาพและปรุงสดใหม่
&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม
<ul>
 	<li><a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%81%e0%b8%9c%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b6%e0%b9%88%e0%b8%87%e0%b8%9b%e0%b8%b5%e0%b8%ab%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%87-zen.html">“ไปใหญ่ไม่ได้ ก็ไปเล็ก” – “ZEN” ส่งแฟรนไชส์ “ร้านเขียง” เจาะปั๊ม ปตท.</a></li>
</ul>
&nbsp;

<hr />

<article id="post-8635" class="post-8635 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-marketing category-news tag-zen tag-2097 tag-2548 tag-2774 tag-2461 tag-2772">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events