Mark Taira ผู้เปลี่ยนร้านเบเกอรี่ครอบครัว ให้เติบโตสู่ทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้านเหรียญ

Self-Made Billionaires "7 เศรษฐีโลกอายุน้อยที่สุด" ที่สร้างเนื้อสร้างตัวด้วยตนเอง แห่งปี 2019

<h2>เมื่อ Amazon เติบโตขึ้น ทรัพย์สินของ Jeff Bezos ก็เพิ่มพูนเช่นกัน โดยรวมแล้วปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ดีสำหรับหุ้นยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซเจ้านี้ ซึ่งทำให้ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Bezos ยังคงรั้งตำแหน่ง เศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ด้วยมูลค่าทรัพย์สินมหาศาลถึง 1.31 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.9 หมื่นล้านเหรียญจากปีก่อน</h2>
<em>แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.forbes.com/sites/kerryadolan/2019/03/04/this-is-the-richest-person-in-the-world/#18b514936db6">This Is The Richest Person In The World</a> โดย Kerry A. Dolan ตีพิมพ์ครั้งแรกใน forbes.com</em>

เมื่อปีที่แล้ว <strong>Jeff Bezos</strong> กลายเป็นเศรษฐีคนแรกที่ขึ้นสู่ตำแหน่งคนรวยที่สุดในโลกจัดอันดับโดย <em>Forbes</em> ด้วยทรัพย์สินมูลค่ามากกว่า 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ แม้ว่าปีที่ผ่านมาหุ้นของ <strong>Amazon </strong>จะตกลงจากจุดสูงสุดที่หุ้นละ 2,012 เหรียญในเดือนสิงหาคม แต่ราคาหุ้น Amazon ก็ยังอยู่ในระดับสูงกว่าราคาของปีก่อนหน้า

<span style="color: #ff0000;">ยังคงเป็นคำถามสำคัญในขณะนี้ว่าเขาจะครองทรัพย์สินมูลค่ามหาศาลต่อไปได้หรือไม่ ระหว่างที่คดีการหย่าร้างของเขายังรอการตัดสิน</span> ย้อนไปเมื่อวันที่ 9 มกราคมที่ผ่านมา Bezos ประกาศผ่านทางบัญชี Twitter ของเขาว่า เขาและภรรยา <strong>MacKenzie</strong> วางแผนที่จะแยกทางกัน หลังจากครองรักกันมานานถึง 25 ปี Bezos เขียนประกาศด้วยท่าทีเป็นมิตรว่า “เรายังมองเห็นอนาคตที่สดใสร่วมกัน ทั้งในฐานะพ่อแม่ เพื่อน และพันธมิตรร่วมลงทุนและโครงการต่างๆ”
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/news/it/jeff-bezos-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82.html">Jeff Bezos มหาเศรษฐีรวยที่สุดในโลก หย่าภรรยา จับตาประเด็นแบ่ง "สินสมรส" มหาศาล</a></li>
</ul>
แต่ในวันเดียวกันนั้นเอง สื่อ <em>National Enquirer</em> เปิดเผยว่า สำนักข่าวค้นพบว่า Jeff Bezos มีความสัมพันธ์ลับกับอดีตพิธีกรรายการโทรทัศน์ <strong>Lauren Sanchez</strong> โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายของทั้งสองรวมถึงข้อความจาก Twitter ที่พวกเขาส่งหากัน

Bezos โต้ตอบกลับในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2019 โดยทวีตข้อความลิงก์ไปยังโพสต์ที่ตัวเขาเป็นผู้เขียนบนเว็บไซต์ <em>Medium</em> กล่าวอ้างถึงการกระทำของบรรณาธิการ National Enquirer ว่าเป็นการแบล็กเมล์ข่มขู่และบิดเบือนข้อเท็จจริง

พร้อมเปิดเผยเนื้อหาอีเมล 2 ฉบับที่ส่งจากทางสำนักข่าว ฉบับแรกเป็นข้อความข่มขู่ว่าจะมีการเปิดเผยรูปภาพลับของ Bezos กับ Sanchez อีกฉบับหนึ่งเป็นรายการเงื่อนไขข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ข้อหนึ่งในนั้นกล่าวถึง “การรายงานข่าวนี้เป็นการตกลงยินยอมทั้งสองฝ่าย และ Bezos พร้อมทั้งผู้ที่เกี่ยวข้องไม่มีมูลหลักฐานในการตั้งข้อกล่าวหาว่า การรายงานข่าวของ AM เกิดขึ้นจากแรงกระตุ้นทางการเมืองหรือถูกควบคุมโดยอำนาจทางการเมือง”

<strong>American Media (AM)</strong> ผู้จัดพิมพ์ National Enquirer ออกแถลงการณ์ตอบโต้ว่า “American Media เชื่อว่าเราได้กระทำการอย่างถูกกฎหมายในการรายงานข่าวเกี่ยวกับนาย Bezos” แต่เสริมด้วยว่า คณะกรรมการลงความเห็นว่าบริษัทจะมีการสืบสวนเรื่องราวตามข้อกล่าวอ้างของ Bezos อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีข้อมูลเพิ่มเติมแต่อย่างใดทั้งจากฝั่ง Bezos และ AM เกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว

<figure><img class="size-full wp-image-3580" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/063_173376072.jpg" alt="" width="768" height="569" /><figcaption> MacKenzie และ Jeff Bezos (PHOTO CREDIT: Kevork Djansezian/Getty Images/AFP)</figcaption></figure>

ข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับ Bezos และการหย่าร้างจุดประเด็นให้เกิดการตั้งคำถามว่าเขาจะยังควบคุมบริษัท Amazon ต่อไปหรือไม่ <span style="color: #ff0000;">เขาครอบครองหุ้น 16% ในบริษัทนี้ และอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปกับทรัพย์สินของเขา เนื่องจากกฎหมายของรัฐ Washington ระบุว่าเมื่อเกิดการหย่าร้าง คู่สมรสจะต้องแบ่งสินสมรสกันคนละครึ่งอย่างเท่าเทียม อันหมายถึง รายได้ทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างการแต่งงาน</span>

ยกเว้นแต่ว่า หากมีสัญญาก่อนสมรสหรือสัญญาหลังสมรสที่ตกลงกันไว้ก็อาจเปลี่ยนแปลงวิธีแบ่งสมบัติตามกฎหมายได้ แต่ยังไม่มีรายงานว่าสามีภรรยา Bezos ได้ทำข้อตกลงดังกล่าวไว้หรือไม่ อีกทั้งมีความเป็นไปได้ต่ำที่จะมีการทำสัญญาก่อนสมรส เนื่องจากทั้งคู่แต่งงานกันก่อนที่ Bezos จะก่อตั้ง Amazon และ MacKenzie ยังทำหน้าที่เป็นฝ่ายบัญชีคนแรกของบริษัทด้วย

<strong>หากว่า MacKenzie Bezos ได้รับสินสมรสครึ่งหนึ่งตามกฎหมาย เธอจะกลายเป็นผู้หญิงที่รวยที่สุดในโลกทันที</strong> อย่างไรก็ตาม จนกว่าเอกสารเกี่ยวกับการแบ่งสินสมรสจะเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ Forbes จะยังคงรายงานทรัพย์สินทั้งหมดในชื่อของ Jeff ต่อไป

Bezos เป็นหนึ่งในสี่เศรษฐีที่ได้รับตำแหน่งคนรวยที่สุดในโลกในระยะ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา เศรษฐีรายอื่นนอกจากนี้ ได้แก่ <strong>Warren Buffet</strong> ซีอีโอของ <strong>Berkshire Hathaway</strong> เคยขึ้นสู่ตำแหน่งคนรวยที่สุดในโลก 1 ปี, <strong>Carlos Slim Helu</strong> เจ้าพ่อโทรคมนาคมจากเม็กซิโก เคยอยู่ในตำแหน่ง 4 ปี <strong>และ </strong><strong>Bill Gates</strong> ที่ครองตำแหน่งยาวนาน 12 ปี ระหว่างปี 2001-2017 ซึ่งถ้าหากว่า Gates ไม่บริจาคทรัพย์สินของเขาแก่มูลนิธิของตนเองไป 3.58 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เขาจะยังคงเป็นมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้ แม้จะห่างจาก Bezos เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/world/global-world/10-%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5-%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81-2018.html">10 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก ปี 2018</a></li>
</ul>
ทั้งนี้ วันนี้ (5 มีนาคม 2019) Forbes จะมีการประกาศรายชื่อมหาเศรษฐีที่รวยที่สุดในโลกประจำปี 2019 สามารถเกาะติดความเคลื่อนไหวได้ที่ <a href="http://www.forbesthailand.com">www.forbesthailand.com</a>

&nbsp;

Jeff Bezos ยังครองตำแหน่ง "เศรษฐีที่รวยที่สุดในโลก" ปี 2019 ท่ามกลางการหย่าร้างและประเด็นสินสมรส

<h2><span style="font-size: 20px;">ระบบทุนนิยมยังคงเป็นตัวจักรสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ที่เราเริ่มจัดอันดับมหาเศรษฐีระดับพันล้านในโลกเมื่อ 31 ปีที่แล้ว</span></h2>
จำนวนมหาเศรษฐีที่ถูกจัดเข้ามาอยู่ในทำเนียบเพิ่มขึ้นจากแค่ 140 คนมาเป็นกว่า 2,200 คนในปัจจุบัน โดยมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ในทำเนียบของเราจะเป็นเจ้าของธุรกิจ อย่างเช่น <strong>Jeff Bezos</strong> ซึ่งเป็นคนที่รวยที่สุดในโลกและเป็นมหาเศรษฐีคนแรกที่มีสินทรัพย์มูลค่าเกินแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

บรรดามหาเศรษฐีในทำเนียบของเราต่างสร้างฐานะขึ้นมาจากการสร้างบริษัทของตัวเอง สั่งสมความร่ำรวยไปพร้อมๆ กับการสร้างงาน และจุดประกายนวัตกรรมใหม่ๆ ไปพร้อมๆ กัน

ตลาดหุ้นที่วิ่งขึ้นมาแรง และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ปีนี้เป็นปีที่ดีเป็นพิเศษสำหรับเหล่ามหาเศรษฐี โดยมูลค่าสินทรัพย์เฉลี่ยของมหาเศรษฐีในทำเนียบของเราเพิ่มขึ้น 9% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมาเป็น 4.1 พันล้านเหรียญ ทั้งนี้ มหาเศรษฐี 120 คนที่หลุดจากทำเนียบของเราในปีนี้ มาจากเหตุผลที่แตกต่างกันไปตั้งแต่เรื่องการเมืองไปจนถึงการบริจาคเพื่อการกุศล และมี 25 คนที่เสียชีวิตไป

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/bf5d708f9509ab605b114dc24bafec6f.png" alt="" />

คุณสามารถเข้าไปดูข้อมูลเพิ่มเติมอีกมากมายเกี่ยวกับบรรดาผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก รวมถึงการจัดอันดับโดยเรียงตามมูลค่าสินทรัพย์ของแต่ละคนได้ที่ <a href="https://www.forbes.com/billionaires/#631abd0b251c">WWW.FORBES.COM/BILLIONAIRES</a> หรืออ่านทำเนียบ 10 อันดับแรกของมหาเศรษฐีโลกปี 2018 ได้ที่นี่

<a href="http://forbesthailand.com/world-detail.php?did=2483"><img style="width: 250px; height: 184px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6f0537c29cceeda60483905d4ee5ea9e.png" alt="" />
<em>10 อันดับเศรษฐีร่ำรวยที่สุดในโลกปี 2018</em></a>

&nbsp;

<hr />

<a href="http://bit.ly/2HaFurN"><span style="color: #008080;">คลิกอ่านบทความทางธุรกิจอื่นๆ ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ เมษายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</span></a>

<a href="http://bit.ly/2HaFurN"><img style="width: 250px; height: 327px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/97891240d6b165e726b23c91d5985a6d.png" alt="" /></a>

ทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านในโลก – สินทรัพย์ในเอเชียแปซิฟิกกำลังไล่ตามสหรัฐอเมริกา

<h2>10 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2018 มีการปรับเปลี่ยนของอันดับของมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยกลุ่มนี้เป็นอย่างมาก โดย JEFF BEZOS ขึ้นสู่อันดับที่ 1 อย่างสง่างามด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิหลักแสนล้านเหรียญคนแรกของเรา</h2>
สำหรับผู้ที่มีอันดับพุ่งทะยานสูงสุดและติดอยู่ในห้าอันดับแรก คือ <strong>BERNARD ARNAULT</strong> มหาเศรษฐีจากอาณาจักรสินค้าหรูหราของเขาอย่าง<strong> LVMH</strong> ในขณะที่ <strong>AMANCIO ORTEGA</strong> เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าดัง<strong> Zara</strong> เจอมรสุมหุ้นบริษัทลดฮวบฉุดสินทรัพย์สุทธิของเขาลง 1.3 พันล้านเหรียญ แต่ยังคงติดใน 10 อันดับแรกของเรา

<strong>10 อันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2018</strong>

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/f4664bd47ff65eda94053d1c6eb8c44f.png" alt="" />
อันดับที่1</strong> JEFF BEZOS
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>1.12 แสนล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สหรัฐฯ

นี่คือบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก ประธานของ Amazon ผู้นี้คือมหาเศรษฐีหลักแสนล้านคนแรกบนยอดสูงสุดในการจัดอันดับของเรา หุ้นของยักษ์อี-คอมเมิร์ซของเขา ปรับขึ้น 59% ในช่วง 12 เดือนซึ่งช่วยหนุนให้ทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นมา 3.92 หมื่นล้านเหรียญ ปรับขึ้นมากที่สุดในรอบ 1 ปีจากที่เคยบันทึกมา (ทรัพย์สินของเขาที่เพิ่มขึ้น 2.76 หมื่นล้านเหรียญในปี 2017 รั้งอันดับ 3) Bezos ยังเป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ Washington Post และบริษัทยานอวกาศ Blue Origin ด้วย

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9d88c3c8cafba3ee652e793034ccdd01.png" alt="" />
อันดับที่2 </strong>BILL GATES
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>9 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สหรัฐฯ

เขายึดครองอันดับสูงสุดได้เพียง 6 ครั้งนับตั้งแต่ปี 1995 มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft ผู้นี้เพิ่มขึ้น 4 พันล้านเหรียญเมื่อปีที่แล้ว แต่ยังคงเทียบไม่ได้กับการปรับขึ้นระดับตำนานของ Bezos

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/ed2d7da7ef85e0a4399f2c7de47c267c.png" alt="" />
อันดับที่3 </strong>WARREN BUFFETT
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ:</strong> 8.4 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สหรัฐฯ

ในเดือนมกราคม ชายอายุกว่า 80 ปีผู้นี้เลื่อนตำแหน่งผู้บริหาร 2 คนของบริษัท Berkshire Hathaway ขึ้นเป็นรองประธานบริษัท ซึ่งเป็นก้าวต่อไปสู่แผนการสืบทอดตำแหน่งที่มีการคาดหมายกันไว้ Buffett ผู้บอกว่าตัวเองยัง “มีสุขภาพดีอย่างยอดเยี่ยม” ยังคงบริหาร Berkshire ซึ่งหุ้นบริษัทเพิ่มขึ้น 16% เมื่อปีที่แล้ว

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/168bf8a1ff781c86198b96dc86ae0cf9.png" alt="" />
อันดับที่4</strong> BERNARD ARNAULT
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>7.2 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สหรัฐฯ

ผลประกอบการในอาณาจักรสินค้าหรูหราของเขาอย่าง LVMH และข้อตกลงซื้อ Christian Dior เกือบทั้งหมดช่วยเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของ Arnault ขึ้นมา 3.05 หมื่นล้านเหรียญ

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/0ecf4126315cf0f63cb12c293d2dde92.png" alt="" />
อันดับที่5 </strong>MARK ZUCKERBERG
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>7.1 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สหรัฐฯ

ซีอีโอ Facebook เผชิญแรงกดดันกรณีบทบาทของสื่อโซเชียลยักษ์ของเขาที่มีต่อการแทรกแซงการเลือกตั้งจากรัสเซียแต่หุ้นของบริษัทยังคงพุ่งขึ้น 32% ในช่วงปีที่ผ่านมา เพิ่มมูลค่าสินทรัพย์สุทธิของเขาขึ้นอีก 1.5 หมื่นล้านเหรียญ

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/ccd5595d0be4ae054897211b6d4fb235.png" alt="" />
อันดับที่6</strong> AMANCIO ORTEGA
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>7 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สเปน

ทรัพย์สินส่วนใหญ่ของเขาผูกติดอยู่กับ Inditex หรือที่รู้จักกันดีในชื่อเครือข่ายร้านแฟชั่น Zara หุ้นบริษัทลดฮวบ ฉุดสินทรัพย์สุทธิของเขาลง 1.3 พันล้านเหรียญ

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/eb44c9a2284dbee7393a924156258523.png" alt="" />
อันดับที่7</strong> CARLOS SLIM HELU
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>6.71 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>เม็กซิโก

Slim มั่งคั่งเพิ่มขึ้นกว่า 1.26 หมื่นล้านเหรียญจากปีที่แล้วซึ่งส่วนใหญ่มาจากการพุ่งขึ้น 39% ของหุ้น América Móvil บริษัทโทรคมนาคมของเขา

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/4da79a4e5924ae291ee8772aca1b1e1d.png" alt="" />
อันดับที่8 </strong>CHARLES KOCH (ครองอันดับร่วม)
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>6 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สหรัฐฯ

ในเดือนพฤศจิกายน Koch Industries (ยอดขาย) 1 แสนล้านเหรียญของเขาเปิดตัวบริษัทร่วมลงทุน Koch Disruptive Technologies ซึ่งบริหารโดย Chase ลูกชายของเขา นำการลงทุน 150 ล้านเหรียญในสตาร์ทอัพด้านอุปกรณ์การแพทย์ของอิสราเอล

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/fb11a047aab06ca1e57012d3324af812.png" alt="" />
อันดับที่8</strong> DAVID KOCH (ครองอันดับร่วม)
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>6 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ:</strong> สหรัฐฯ

รองประธานบริหาร Koch Industries ผู้นี้ และ Charles พี่ชาย เป็นข่าวในเดือนพฤศจิกายนเมื่อบริษัทการลงทุนของพวกเขาลงเงิน 650 ล้านเหรียญให้กับ Meredith Corp ในการซื้อ Time Inc. ธุรกิจนิตยสารที่กำลังลำบากมูลค่า 2.8 พันล้านเหรียญ

<strong><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b01781840d5701412baa3f5d44042ac7.png" alt="" />
อันดับที่10</strong> LARRY ELLISON
<strong>มูลค่าสินทรัพย์สุทธิ: </strong>5.85 หมื่นล้านเหรียญ
<strong>สัญชาติ: </strong>สหรัฐฯ

แม้ว่า Oracle เผชิญการแข่งขันจาก Salesforce และ Amazon ในตลาดธุรกิจคลาวด์ แต่หุ้นปรับขึ้น 13% Ellison ซึ่งครอบครองหุ้นบริษัทราว 25% ร่ำรวยขึ้น 6.3 พันล้านเหรียญ

<hr />

<a href="http://bit.ly/2HaFurN">คลิกอ่านฉบับเต็มของ "การจัดอันดับมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 2018" ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ เมษายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>

<a href="http://bit.ly/2HaFurN"><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/97891240d6b165e726b23c91d5985a6d.png" alt="" /></a>

10 อันดับมหาเศรษฐีที่ "รวยที่สุดในโลก" ประจำปี 2018

<h2>ทั่วโลกมีมหาเศรษฐีพันล้านซึ่งอายุน้อยกว่า 40 ปีทั้งหมด 56 คน ในจำนวนนั้น 30 คนก่อร่างสร้างฐานะด้วยตัวเอง จำนวนดังกล่าวลดลงจาก 36 คนในปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมพวกเขาทำได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะ<span style="color: #ff0000;">ถึงแม้มูลค่าทรัพย์สินของบางคนจะคงที่แต่ไม่มีเลยสักคนที่อยู่ในรายชื่ออภิมหาเศรษฐีอายุน้อยกว่า 40 ปีที่มีทรัพย์สินลดลงในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และมูลค่าทรัพย์สินสุทธิรวมของมหาเศรษฐี 30 คนนี้อยู่ที่ 1.387 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ</span></h2>
ทั้งนี้ <em>Forbes Thailand</em> ได้คัดเลือก <strong>12 อันดับแรกของกลุ่มมหาเศรษฐีพันล้านวัยต่ำกว่า 40 ปีที่ก่อร่างสร้างตัวมาด้วยตนเองประจำปี 2017 </strong>มาเสนอ ใครบ้างที่จะผงาดขึ้นมาอยู่บนลิสท์ครั้งนี้!

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 12</span>
<strong><span style="color: #0000ff;">Robert Pera</span></strong>
39 ปี
3,000 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">อุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/46c23d49b87eec8c8bca851fc11792c9.png" alt="" />

Pera เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เครือข่ายไร้สาย (Wi-Fi) ชื่อ <strong>Ubiquiti Networks</strong> ซึ่งเริ่มต้นจากการขายและติดตั้งระบบไร้สายให้กับบริษัทต่างๆ จนกระทั่งเมื่อปี 2016 ที่ Ubiquiti เริ่มทำตลาดผู้บริโภคทั่วไปโดยเสนอขายเครื่องกระจายสัญญาณไร้สาย (Wi-Fi router) ในราคา 199 เหรียญ

Pera ยังเป็นเจ้าของทีมบาสเกตบอล<strong> Memphis Grizzlies </strong>ซึ่งเมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ทีมทำสัญญาซื้อตัวนักบาสเกตบอล <strong>Mike Conley </strong>เป็นสถิติแพงที่สุดที่เคยเกิดขึ้นใน NBA ด้วยค่าตัว 153 ล้านเหรียญ

Pera เคยร่วมงานกับ <strong>Apple</strong> เมื่อปี 2003 ก่อนจะลาออกมาหาหนทางทำธุรกิจของตนเองใน 2 ปีให้หลัง และในที่สุดเขากลายเป็นเศรษฐีพันล้านเมื่อปี 2011 โดยใช้เวลาไม่ถึง 1 ทศวรรษนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 11</span>
<strong><span style="color: #0000ff;">Frank Wang</span></strong>
36 ปี
3,600 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Drones</span>
จีน

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3bd11dee9f70dd1cf41075034b448b56.png" alt="" />

Wang เริ่มก่อตั้งบริษัทผลิต Drone จากหอพักของเขาขณะเรียนอยู่ที่ Hong Kong University of Science &amp; Technology เมื่อปี 2006 ซึ่งปัจจุบันคือบริษัท <strong>DJI Technology </strong>มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ Shenzhen ประเทศจีน DJI ถือเป็นบริษัทผู้นำในการผลิตโดรนสำหรับพลเมืองทั่วไปโดยมีส่วนแบ่งตลาดโลกถึงกว่า 70%

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 8 (ร่วม)</span>
<strong><span style="color: #0000ff;">Joe Gebbia</span></strong>
35 ปี
3,800 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Airbnb</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/103663453a3980ca31ea4394a4caaec9.png" alt="" />

Gebbia ร่วมกับ <strong>Brian Chesky</strong> และ <strong>Nathan Blecharczyk</strong> เพื่อนของเขาที่ Rhode Island School of Design ก่อตั้งบริษัทให้เช่าห้องและบ้านแบบโดยตรงจากเจ้าของถึงผู้เช่าชื่อ <strong>Airbnb</strong> เมื่อปี 2008 และสามารถเข้าสู่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการอย่างเต็มตัวในปี 2015 ปีเดียวกับที่นักลงทุนประเมินมูลค่าของบริษัทไว้ที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ ปัจจุบัน Airbnb มีผู้ใช้งานแล้วรวม 60 ล้านคนทั่วโลกนับตั้งแต่ก่อตั้ง และมีบ้าน/ห้องพักอยู่ในระบบถึง 2 ล้านแห่งใน 190 ประเทศ

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 8 (ร่วม)</span>
<strong><span style="color: #0000ff;">Brian Chesky</span></strong>
35 ปี
3,800 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Airbnb</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/f7cbb4d83131428e56a1daa6fd7a77fd.png" alt="" />

เช่นเดียวกัน เขาคือผู้ก่อตั้ง<strong> Airbnb</strong> โดยก่อนหน้านั้น Chesky เคยเป็นนักเพาะกายมาก่อน! ล่าสุด Chesky ในฐานะซีอีโอของบริษัทกำลังคร่ำเคร่งกับการให้บริการรูปแบบใหม่ Airbnb Trips ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการประสบการณ์การท่องเที่ยว เปิดตัวไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 8 (ร่วม)</span>
<strong><span style="color: #0000ff;">Nathan Blecharczyk</span></strong>
33 ปี
3,800 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Airbnb</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b4f1410df1d0f2611986de2b86bf3d3c.png" alt="" />

อีกหนึ่งผู้ก่อตั้ง Airbnb ปัจจุบันเขานั่งตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ด้านเทคโนโลยีของบริษัท และร่วมผลักดันธุรกิจมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นการขยายตลาดเข้าสู่ประเทศคิวบา ทวีปแอฟริกา และล่าสุดคือในประเทศจีน

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 6 (ร่วม)</span>
<span style="color: #0000ff;"><strong>Bobby Murphy</strong></span>
28 ปี
4,000 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Snap</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7e0014e9cdf2e5d3396ec50f08693dd9.png" alt="" />

Murphy เริ่มก่อตั้งแอพพลิเคชั่น <strong>Snapchat</strong> ร่วมกับ <strong>Evan Spiegel</strong> ซึ่งเป็นรุ่นน้องที่ Stanford University เมื่อปี 2011 จนถึงปัจจุบัน Snapchat แอพฯ ส่งข้อความ รูปภาพ วิดีโอ พร้อมมีฟิลเตอร์ให้เลือกใช้เป็นที่นิยมอย่างมากในคนวัย 18-34 ปี และมีคนใช้งาน 150 ล้านคนต่อวัน ล่าสุด Snap เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ New York เมื่อเดือนมีนาคม 2017

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 6 (ร่วม)</span>
<span style="color: #0000ff;"><strong>Evan Spiegel</strong></span>
26 ปี
4,000 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Snap</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e4c911387b4ee354a7b911401d6a53fb.png" alt="" />

ตั้งแต่ Snap เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Spiegel กลายเป็นซีอีโอบริษัทจดทะเบียนที่อายุน้อยที่สุด ขณะนี้ Spiegel และ Murphy มีหุ้นในบริษัทคนละ 18% ซึ่งมากพอที่จะยังคงเป็นผู้ควบคุมในบอร์ดผู้บริหาร

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 5</span>
<span style="color: #0000ff;"><strong>Xu Bo</strong></span>
39 ปี
4,100 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">เกมบนมือถือ</span>
จีน

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9394e5ce6a326e26eef4cbbd5bd9bda1.png" alt="" />

Xu Bo คือผู้ก่อตั้งบริษัท <strong>Guangzhou Duoyi Networks</strong> ซึ่งเป็นบริษัทเกมบนมือถือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน เขาก่อตั้งบริษัทโดยร่วมกับการลงทุนจากบริษัท <strong>Kingsoft</strong>

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 4</span>
<span style="color: #0000ff;"><strong>Garrett Camp</strong></span>
38 ปี
6,300 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Uber</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7301168b888091faa0e1ad550e60be0d.png" alt="" />

Camp ร่วมก่อตั้งบริษัท <strong>Uber </strong>แอพพลิเคชั่นร่วมเดินทาง กับ <strong>Travis Kalanick </strong>Camp นั่งตำแหน่งประธานกรรมการ และ<em> Forbes </em>คาดว่าเขามีหุ้นอยู่ 9% ในบริษัท Uber ซึ่งได้รับการประเมินมูลค่าอยู่ที่ 6.8 หมื่นล้านเหรียญ

ก่อนหน้าที่ Camp จะร่วมก่อตั้ง Uber เขาเคยพัฒนาเครื่องมือสำรวจเว็บไซต์ชื่อ <strong>StumbleUpon</strong> ซึ่งเขาขายให้กับ <strong>eBay</strong> ในราคา 75 ล้านเหรียญเมื่อปี 2007 อย่างไรก็ตาม Camp เพิ่งเข้าซื้อหุ้นส่วนใหญ่ของ StumbleUpon คืนมาเมื่อกลางปี 2015 นอกจากนี้เขายังเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์บ่มเพาะสตาร์ทอัพ<strong> Expa Studios </strong>อีกด้วย

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 3</span>
<span style="color: #0000ff;"><strong>Eduardo Saverin</strong></span>
34 ปี
7,900 ล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Facebook</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/23fde8887e4cbf2605c7f3f48e7c272b.png" alt="" />

Saverin ร่วมก่อตั้ง <strong>Facebook</strong> กับ <strong>Mark Zuckerberg</strong> เมื่อปี 2004 ในปี 2014 เขาก่อตั้งกองทุนเวนเจอร์แคปิตอลโดยระดมเม็ดเงินได้ 144 ล้านเหรียญเพื่อลงทุนในประเทศอินเดีย พื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และสหรัฐฯ โดยเฉพาะ

แม้ว่าปัจจุบัน Saverin จะเป็นนักลงทุนในเวนเจอร์แคปิตอล แต่ความมั่งคั่งส่วนใหญ่ของเขายังคงมาจากหุ้นบางส่วนที่เขาถือใน Facebook

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 2</span>
<strong><span style="color: #0000ff;">Dustin Moskovitz</span></strong>
32 ปี
1.07 หมื่นล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Facebook</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/84ec69d1cc23b7471586b8bc147a16aa.png" alt="" />

อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายสื่อสังคม <strong>Facebook </strong>อย่างไรก็ตาม Moskovitz ลาออกจากบริษัทในปี 2008 และก่อตั้งบริษัทใหม่ของตนเองในชื่อ <strong>Asana </strong>ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับบริหารระบบการทำงานภายในองค์กร อย่างไรก็ตาม เช่นเดียวกับ Saverin เขาถือหุ้น 3% ใน Facebook และนั่นเป็นแหล่งความมั่งคั่งหลักของ Moskovitz

&nbsp;

<span style="color: #ff0000;">อันดับ 1</span>
<strong><span style="color: #0000ff;">Mark Zuckerberg</span></strong>
32 ปี
5.6 หมื่นล้านเหรียญ
<span style="color: #0000ff;">Facebook</span>
สหรัฐอเมริกา

<img style="width: 340px; height: 340px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3a24c2152cc98f1b3165f8a7c26097b0.png" alt="" />

ผู้ที่ครองตำแหน่งอภิมหาเศรษฐีวัยต่ำกว่า 40 ปีที่มีความมั่งคั่งสูงสุด เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง <strong>Facebook</strong> เรื่องราวของเขาเป็นที่ทราบดี Zuckerberg ในวัย 19 ปีก่อตั้งโซเชียลมีเดียที่จะแพร่หลายไปทั่วโลกในเวลาต่อมา ณ Harvard University และลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อปั้นบริษัทขึ้นมา ปัจจุบันทรัพย์สินของ Zuckerberg พุ่งตามราคาหุ้นที่ทะยานขึ้นสูง

&nbsp;

<hr />

<a href="https://goo.gl/PHHCQw"><span style="color: #008080;">คลิกอ่าน "อภิมหาเศรษฐีอายุน้อยกว่า 40 ปี" ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ พฤษภาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</span></a>
<a href="https://goo.gl/PHHCQw"><img style="width: 300px; height: 396px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/ce332a7d68848adbf8b65d73e9329ca9.png" alt="" /></a>

12 อันดับเศรษฐีวัยต่ำกว่า 40 ปีที่มีทรัพย์สินสูงสุดในโลกปี 2017

<div>
	<strong><span style="color:#b22222;">World&#39;s Billionaires </span>เผยให้เห็นความมั่งคั่งของมหาเศรษฐีพันโลกทั่วโลก แตะ 7.05 ล้านล้านเหรียญ &nbsp;Zuckerberg ไต่อันดับเข้า top 20 แล้ว &nbsp;จับตาเจ้าสัวจีนครองแชมป์เศรษฐีหน้าใหม่ถึง 71 คน&nbsp;</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในการจัดทำเนียบมหาเศรษฐีโลกหรือ <span style="color:#b22222;">World&#39;s Billionaires</span> ซึ่งจัดทำโดย Forbes เป็นปีที่ 29 พบว่าในปี 2015 ทั่วโลกมีมหาเศรษฐีพันล้านรวม 1,826 คน รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งหมด 7.05 ล้านล้านเหรียญ ขยับเพิ่มจาก 6.4 ล้านล้านของปีก่อน จำแนกที่มาตามประเทศพบว่ามาจากสหรัฐฯ มากสุด 536 คน รองลงมาเป็นจีน 213 คน เยอรมนี 103 คน อินเดีย 90 คน และรัสเซีย 88 คน &nbsp;หากพิจารณาเฉพาะภูมิลำเนาพบว่ามหาเศรษฐีโลกกระจุกตัวใน California 131 คน มากกว่าประเทศอื่นๆ ที่ไม่ใช่สหรัฐฯ และจีน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	มหาเศรษฐีอันดับ 1 ของโลกในปีนี้ คือ <span style="color:#b22222;">Bill Gates</span> &nbsp;ซึ่งครองอันดับหนึ่งมาแล้วถึง 16 ครั้ง ใน 21 ปีหลังสุด ปัจจุบันครอบครองทรัพย์สิย 7.92 หมื่นล้านเหรียญ จากปีก่อนที่มี 7.6 หมื่นล้านเหรียญ และเป็นปีที่สองติดต่อกันแล้วที่ราชา Microsoft โค่นเจ้าพ่อกิจการโทรคมนาคมชื่อดัง <span style="color:#b22222;">Carlos Slim Helu </span>ให้รั้งเพียงอันดับ 2 ด้วยทรัพย์สิน 7.71 หมื่นล้านเหรียญ จากปีก่อนที่ 7.2 หมื่นล้านเหรียญ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	มหาเศรษฐีอันดับ 3 คือ <span style="color:#b22222;">Warren Buffett</span> เลื่อนอันดับขึ้นมาหนึ่งขั้น เนื่องจากมีทรัพย์สินพุ่งขึ้นถึง 1.45 ล้านเหรียญ รวมแล้วร่ำรวยถึง 7.27 ล้านเหรียญ แซงหน้าเจ้าพ่อค้าปลีกเสื้อผ้าแฟชั่นชาวสเปน <span style="color:#b22222;">Amancio Ortega</span> (เจ้าของเชนร้านเสื้อผ้าแฟชั่น Zara) อันดับ 4 ซึ่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 500 ล้านเหรียญ รวมเป็น 6.45 หมื่นล้านเหรียญ ขณะที่ <span style="color:#b22222;">Larry Ellison </span>แห่ง Oracle ยังคงรั้งอันดับ 5 เช่นเดิม ด้วยมูลค่า 5.43 หมื่นล้านเหรียญ&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	สำหรับ <span style="color:#b22222;">Mark Zuckerberg </span>นั้น ร่ำรวยพุ่งขึ้นเป็น 3.34 หมื่นล้านเหรียญ จนขึ้นมาติดอันดับ 16 ซึ่งนับว่าเป็นปีแรกที่เขาก้าวสู่ทำเนียบ top 20&nbsp;<br />
	&nbsp;</div>
<div style="text-align: center;">
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/063_456877576.jpg" /></div>
<div style="text-align: center;">
	<span style="color:#808080;">Evan Spiegel ผู้สร้าง Snapchat วัย 24 ปี เศรษฐีโลกอายุน้อยที่สุดในทำเนียบ</span></div>
<div>
	<br />
	ขณะที่เศรษฐีหน้าใหม่ประจำปี 2015 มีถึง 290 คน มากกว่าปีก่อนที่มี 268 คน &nbsp;พวกเหล่านี้มาจากประเทศจีนมากสุดถึง 71 คน มาจากสหรัฐฯ 57 คน มาจากอินเดีย 28 คน และจากเยอรมนี 23 คน &nbsp;หนึ่งในเศรษฐีใหม่กลุ่มนี้ก็คือ <span style="color:#b22222;">Evan Spiegel</span> อันดับ 1,250 ผู้สร้างโปรแกรมสนทนามาแรง Snapchat และยังครองตำแหน่งมหาเศรษฐีพันล้านที่มีอายุน้อยที่สุด ในวัยเพียง 24 ปีเท่านั้น นอกจากนี้ <span style="color:#b22222;">Michael Jordan</span> นักบาสเก็ตบอลระดับตำนาน ก็เป็นเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่เช่นกัน หลังการลงทุนซื้อทีมบาสเกตบอล Charlotte Hornets เริ่มผลิดอกออกผล</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หากแยกตามภูมิภาคพบว่า แถบเอเชียแปซิฟิกมีมหาเศรษฐีระดับโลกถึง 562 คน เฉพาะในสหรัฐฯ มี 536 ขณะที่ยุโรปมี 482 คน &nbsp;สะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของตลาดเงินตราและความวุ่นวายทางการเมืองที่มีต่อการจัดทำเนียบประจำปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า ในขณะเงินยูโรกลับอ่อนตัว ประกอบกับกระแสเทคโนโลยีไอที ทำให้สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีมหาเศรษฐีในทำเนียบมากที่สุด<br />
	<br />
	<br />
	<strong>20 อันดับแรกของ World&#39;s Billionaires 2015</strong><br />
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/top20.jpg" /><br />
	<br />
	<br />
	<hr />
	<p>
		<strong><span style="color:#b22222;">Markus Persson</span> ผู้สร้างเกมวิดีโอชื่อดัง <span style="color:#b22222;">Minecraft</span> เจ้าของทรัพย์สิน 1.3 พันล้านเหรียญ หนึ่งในทำเนียบ World&#39;s Billionaires ขึ้นหน้าปก Forbes ฉบับ 23 มีนาคม</strong></p>
</div>
<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/Forbes%202015%20Billionaires_cover.jpg" /><br />

Bill Gates ยังครองมหาเศรษฐีเบอร์ 1 ของโลกต่อไป

<div>
	<strong>นับว่าเป็นปีสร้างประวัติศาสตร์อีกปีหนึ่ง สำหรับทำเนียบมหาเศรษฐีโลกหรือ <span style="color:#b22222;">World&#39;s Billionaires</span> ของ Forbes ประจำปี 2015 ในทำเนียบมหาเศรษฐีเงินล้านทั้งหมด 1,826 คนนั้น เป็นเศรษฐีนี 197 คน เพิ่มขึ้นจาก 172 คนในปี 2014 &nbsp;แม้จะเป็นแนวโน้มที่ดี แต่สัดส่วนของสตรีในทำเนียบยังมีแค่ 11% เท่านั้น&nbsp;</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เศรษฐีนีหมายเลขหนึ่งของปี 2015 คือ <span style="color:#b22222;">Christy Walton</span> ซึ่งร่ำรวยจากการสืบทอดหุ้นในร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่ Wal-Mart &nbsp;ภรรยาม่ายของ John Walton ผู้นี้ครองตำแหน่งนี้รวมแล้ว 5 ครั้ง ในรอบ 6 ปีล่าสุด &nbsp;Forbes ประเมินทรัพย์สินสุทธิของเธอไว้ 4.17 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มจาก 3.67 เหรียญในปีที่แล้ว</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#b22222;">Liliane Bettencourt</span> ทายาทหญิง &nbsp;จากตระกูลเศรษฐีผู้มั่งคั่งจากกิจการเครื่องสำอาง &nbsp;L&#39;Oreal ยังครองอันดับ 2 ต่อจากปีที่แล้ว ในวัย 92 ปี เธอมีทรัพย์สินราว 4.01 หมื่นล้านเหรียญ &nbsp;เธอมิได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ ในงานบริหารบริษัทที่ก่อตั้งโดยบิดาเธอเลย &nbsp;Jean-Victor Meyers ซึ่งเป็นหลานชายได้มาในบอร์ดบริหารแทนตัวเธอเมื่อปี 2012&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อันดับ 3 ก็หาใช่ใคร <span style="color:#b22222;">Alice Walton</span> บุตรสาวของ Sam Walton ผู้ก่อตั้ง Walmart นั่นหมายความว่าเธอเป็นพี่สะใภ้ของ Christy Walton นั่นเอง แต่เจียดเงินบางส่วนจากความมั่งคั่ง 3.94 หมื่นล้านเหรียญ เพื่อสะสมศิลปกรรม กระทั่งปี 2011 ได้เปิดพิพิธภัณฑ์ศิลปอเมริกัน Crystal Bridges Museum ที่ Bentonville, Arkansas</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	และในปีนี้ทำเนียบเศรษฐีนีโลกได้ต้อนรับสตรีหน้าใหม่เข้าสู่ทำเนียบ <span style="color:#b22222;">&nbsp;Maria Franca Fissolo</span> ภรรยาเจ้าของ Michele Ferrero เจ้าของธุรกิจขนมหวานแบรนด์ระดับโลก Nutella ซึ่งเพิ่งจะล่วงลับไปในเดือนกุมภาพันธ์ ทั้ง Fissolo และบุตรชาย Giovanni Ferrero ซึ่งนั่งเก้าอี้ซีอีโอ Ferrero Group รับทอดมรดกกิจการของหวานที่มีมูลค่ามหาศาลที่สุดในโลก เจ้าของแบรนด์ดังมากมาย เช่น Kinder, Ferrero และ Tic Tac เป็นต้น &nbsp;ประเมินว่าทั้งเธอและบุตรชายมีทรัพย์สินรวม 2.34 หมื่นล้านบาท ทำให้เธอก้าวขึ้นแท่นเศรษฐีนีอันดับ 5 ในปีแรกทันที</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	สุภาพสตรีผู้มั่งคั่งอันดับ 6 นั่นมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักดีใน Silicon Valley และแวดวงการศึกษา <span style="color:#b22222;">Laurene Powell Jobs</span> ภรรยาม่ายของ Steve Jobs ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple ประเมินว่ามีทรัพย์สินรวม 1.95 หมื่นล้านเหรียญ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เป็นที่น่าสังเกตว่า สตรีผู้มั่งคั่งหลายคนที่ติดอันดับโลกนั่นสืบทอดความร่ำรวยของพวกเธอจากสามีหรือไม่ก็บิดา มีเพียง 29 จากทั้งหมด 197 ราย ที่กลายเป็นเศรษฐีนีด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง หากเทียบกับสถิติรวมของทั้งทำเนียบ 1,826 คน มีถึง 2 ใน 3 หรือ 1,191 คน ที่ร่ำรวยด้วย "ลำแข้ง" ของตัวเอง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ทั้งนี้ <span style="color:#b22222;">Elizabeth Holmes</span> เศรษฐีนีหน้าใหม่ในวัย 31 ปี เป็นสตรีผู้มั่งคั่งจากน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง ซึ่งมีอายุน้อยที่สุดในโลกอีกด้วย เธอพักการศึกษาจากมหาวิทยาลัย Standford เพื่อออกไปประกอบธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีตรวจเลือด ปัจจุบันเธอมีทรัพย์สินราว 4.5 พันล้านเหรียญ<br />
	<br />
	<br />
	<hr />
	<p>
		เรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="http://www.forbes.com/sites/kerryadolan/2015/03/02/the-richest-women-in-the-world-2015/">The Richest Women In The World 2015</a></p>
</div>
<br />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events