<h2>Warren Buffet ไม่อาจเป็นซีอีโอแห่ง Berkshire Hathaway ได้ตลอดไป เราต่างรู้กันมาสักระยะแล้วว่า Greg Abel จะขึ้นรับตำแหน่งดังกล่าวแทน ส่วน Howie Buffett ลูกชายของ Warren จะขึ้นเป็นกรรมการแต่ไม่ใช่ในฐานะผู้บริหาร อย่างไรก็ตาม ในบทสัมภาษณ์ล่าสุดกับ The Wall Street Journal มหาเศรษฐีนักลงทุนได้เปิดเผยบทเรียนสำคัญสำหรับผู้นำที่เขาคาดหวังว่าผู้เป็นลูกชายจะรับสืบทอดต่อไปในอนาคต</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ก่อนอื่นเลย คงต้องพูดถึงการเปลี่ยนผ่านซีอีโอซึ่งถือเป็นเรื่องซับซ้อน แม้จะมีการไตร่ตรองวางแผนสืบทอดอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วก็ตาม เหล่าผู้นำแท้จริงเป็นเพียงมนุษย์ และมนุษย์ย่อมมีความคิด จุดประสงค์ ตลอดจนวิถีทางการเป็นผู้นำที่แตกต่างกัน สำหรับกรณีของ Warren ที่ประสบความสำเร็จโดยมีปัจจัยสำคัญเป็นบริษัทของเขา Berkshire Hathaway ก็ยิ่งเพิ่มความซับซ้อนขึ้นไปอีก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้คนส่วนใหญ่ต่างมอง Warren ในฐานะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จสูงสุดตลอดกาล ปัจจุบันเขาครองตำแหน่งทั้งซีอีโอและประธานแห่ง Berkshire Hathaway จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลหากบรรดานักลงทุนและพนักงานต่างนึกกังวลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทมูลค่ากว่าล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ แห่งนี้หลังเขาจากไปแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดนั้นวกกลับมาสู่ประเด็นที่ Warren ต้องการให้ลูกชายของเขารับผิดชอบหน้าที่ผู้นำบอร์ดบริหารโดยเฉพาะ โดยในการให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal เขาเผยเหตุผลว่า การวางลูกชายของตัวเองไว้ในตำแหน่งดังกล่าวก็เพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทฯ จะยังคงยึดมั่นกับหลักการต่างๆ ที่มี แม้ตัวเขาจะไม่อยู่แล้วก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมเป็นห่วงอนาคตของ Berkshire หลังผมตายมากกว่าตอนนี้ที่ผมยังอยู่ มันคือสิ่งที่ผมสร้างขึ้นมากับมือ” Warren กล่าว “ผมต้องการบริษัทที่ประสบความสำเร็จและยังมอบผลประโยชน์ให้แก่ผู้ถือหุ้น…นั่นคือสิ่งที่ใช้เวลานานเพื่อสร้าง แต่อาจพังทลายลงอย่างง่ายดายหากบริษัทตกอยู่ในมือของผู้ที่ต้องการทำลายมัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Warren เหตุผลที่เขาเลือกให้ Howie สืบทอดตำแหน่งกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารนั้นสามารถสรุปได้ด้วยหนึ่งคำ นั่นคือ ‘วัฒนธรรมองค์กร’ (Culture)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากทั้งหมดทั้งมวลที่ผู้นำต้องทำ วัฒนธรรมองค์กรอาจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดและซับซ้อนที่สุดในคราวเดียวกัน นั่นก็เพราะเหล่าผู้นำทั้งหลายต่างหลงคิดว่าวัฒนธรรมองค์กรเกี่ยวข้องกับนโยบายและผลประโยชน์ พวกเขาคิดว่าตัวเองสามารถสร้างวัฒนธรรมได้ด้วยสโลแกนและการประชุมพบปะ แต่อันที่จริงแล้ว วัฒนธรรมดังกล่าวหมายถึงความรู้สึกที่พนักงานมีต่อการทำงานให้คุณ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่ใช่นโยบาย แต่เป็นความรู้สึก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความรู้สึกดังกล่าวอาจช่วยส่งเสริมหรือทำลายบริษัทก็ย่อมได้ ด้วยเหตุนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับ Warren ในการส่งมอบหน้าที่นี้ให้คนที่เขาไว้ใจ และในกรณีนี้ ดูเหมือนว่า Howie จะเข้าใจภารกิจนี้ดีที่สุด ในการให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal ครั้งเดียวกันนั้นเอง Howie ได้อธิบายว่าเขามีมุมมองต่อวัฒนธรรมที่ Berkshire Hathaway อย่างไร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“วัฒนธรรมองค์กร คือการทำทุกอย่างให้เรียบง่าย คือการทำสิ่งที่คุณจำเป็นต้องทำ และไม่ทำสิ่งต่างๆ มากมายที่คุณไม่จำเป็นต้องทำ คอยดูแลทุกคนอย่างเท่าเทียม ให้ความเคารพผู้จัดการ ให้ความเคารพผู้ถือหุ้น” Howie กล่าว “บอกพวกเขาถึงข่าวร้ายล่วงหน้า จงซื่อสัตย์ ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ภารกิจของ Howie คือการปกป้องวัฒนธรรมของ Berkshire Hathaway และคอยดูแลให้มั่นใจว่าบริษัทฯ ยังคงยึดมั่นในหลักการต่างๆ เขาจะไม่ทำสิ่งเหล่านั้นผ่านการบริหารจัดการหรือขับเคลื่อนบริษัทฯ แต่เป็นการเฝ้าถามว่าบริษัทฯ ยังดำเนินตามหลักการอยู่หรือเปล่า หากคำตอบคือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับเขาว่าจะทำอย่างไร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เขาจะไม่ต้องคิดถึงเรื่องการบริหารกิจการเลย” Warren เผย “เขามีหน้าที่แค่ต้องคิดว่าบอร์ด รวมถึงตัวเขาในฐานะสมาชิกบอร์ด จำเป็นต้องเปลี่ยนตัวซีอีโอหรือไม่”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ข้อเท็จจริงคือทุกบริษัทจำเป็นต้องมีผู้ปกป้องวัฒนธรรมขององค์กร ซึ่งโดยปกติแล้วก็มักเป็นผู้นำ ผู้นำคือผู้ปูพื้นฐานและสร้างวัฒนธรรม ไม่ว่าเขาจะกำลังคิดถึงมันอยู่หรือไม่ก็ตาม แต่ผู้นำที่ยอดเยี่ยมย่อมตระหนักว่าวัฒนธรรมคือตัวบ่งชี้ทุกสิ่ง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;วัฒนธรรมหาได้สำคัญเพียงแค่นึกถึง แต่ยังต้องปกป้องมันด้วยความหวงแหน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เชื่อก็ลองถาม Warren Buffett ดูสิ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.inc.com/jason-aten/the-1-word-leadership-lesson-warren-buffett-hopes-to-pass-to-his-son/91139401" alt="The 1-Word Leadership Lesson Warren Buffett Hopes to Pass to His Son">The 1-Word Leadership Lesson Warren Buffett Hopes to Pass to His Son</a>&nbsp;โดย Jason Aten เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/time-management-of-successful-leaders" alt="‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก">‘เวลา’ คือทรัพย์ล้ำค่า เปิด 4 วิธีบริหารเวลา แบบฉบับนักธุรกิจระดับโลก</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ปกป้อง ‘วัฒนธรรมองค์กร’ ภารกิจผู้นำที่ Warren Buffett ขอฝากฝังไว้กับลูกชาย

<h2>Charlie Munger อดีตมือขวาของ Warren Buffett และรองประธานแห่ง Berkshire Hathaway ผู้ล่วงลับไปเมื่อปลายเดือนพฤศจิกายน 2023 ที่ผ่านมา ทว่าตลอดชีวิตของเขาได้ฝากคำแนะนำอันซื่อตรงไว้หลายข้อ ซึ่งยังคงสามารถนำมาใช้ได้เสมอ</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาเคยกล่าวเมื่อต้นปีนี้ 2023 ว่า ความสำเร็จอาจขึ้นอยู่กับคนที่คุณคบหา และคน toxic มีโอกาสพาคนอื่นๆ ออกห่างจากเส้นทางของความสำเร็จ&nbsp; &nbsp;&nbsp;“บทเรียนสำคัญที่สุดคือการไล่คนแบบนั้นออกไปให้พ้นจากชีวิตของคุณ และจงรีบตัดขาดจากบุคคลเหล่านั้นให้ได้โดยไว” Munger แนะนำ&nbsp; &nbsp;&nbsp;“การใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้และลงทุนอย่างชาญฉลาดเป็นเรื่องง่าย เช่นเดียวกับการหลีกเลี่ยงผู้คนและกิจกรรมที่เป็นพิษ นอกจากนี้จงพยายามเรียนรู้สิ่งต่างๆ ให้ได้ตลอดชีวิต ควบคู่ไปกับการอดทนต่อสิ่งล่อตาล่อใจให้มาก” Munger กล่าวในการประชุมประจำปีของ Berkshire Hathaway ในเมืองโอมาฮาเมื่อเดือนพฤษภาคมปีก่อน “หากคุณทำทั้งหมดนี้ ก็แทบจะการันตีความสำเร็จของคุณได้แล้ว แต่หากไม่ทำ คุณคงต้องหวังพึ่งโชคเยอะเลยล่ะ”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ก่อน Munger จะแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม Buffett ก็เผยหลักการคิดแบบเดียวกันในการประชุม โดยบอกว่าทุกคนจำเป็นต้องสำนึกให้ได้ว่าคนอื่นๆ สามารถควบคุมพวกเขาได้ และจงระวังการตกหลุมพรางพฤติกรรมเช่นนั้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ผมไม่เคยเจอใครที่เป็นคนใจดีโดยเนื้อแท้แล้วต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเลย” Buffett เล่า “แต่ผมเห็นผู้คนเยอะแยะที่มีเงินมากมายแล้วต้องตายโดยไร้มิตรสหาย”&nbsp; &nbsp;&nbsp;มิตรภาพระหว่าง Buffett และ Munger ถือเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยม &nbsp; &nbsp;&nbsp;Buffett เคยบอกกับ CNBC ในปี 2021 ว่าในระยะแรกเริ่มของการทำงาน พวกเขาต่างพยายามจะ “คบหาคนที่อยากจะรู้จัก และหากเราดันไปคบหาคนนิสัยแย่เข้าก็จะนำปัญหามาให้เรา แต่เราไม่ต้องทำอย่างนั้นก็ได้”&nbsp; &nbsp;&nbsp;เขาเผยว่าสิ่งที่ยอดเยี่ยมจริงๆ คือได้ทำสิ่งที่ต้องการและได้คบหาคนที่อยากรู้จักในชีวิต ซึ่งสำหรับเขาก็คือ Munger นั่นเอง ทั้งยังบอกด้วยว่า Munger เองก็มีจิตวิญญาณแบบเดียวกับที่เขาเป็นอยู่&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้าน Munger ยังพูดอย่างชัดเจนว่า นอกจากความ toxic จะคอยถ่วงคนๆ หนึ่งจากความสำเร็จแล้ว ทัศนคติที่เป็นพิษยังอันตรายต่อสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน วัฒนธรรมการทำงานที่เป็นพิษคือปัจจัยร้ายแรงสูงสุดที่ผลักไสให้พนักงานตัดสินใจลาออก อ้างอิงจากงานวิจัยโดย MIT Sloan School of Management&nbsp; &nbsp;&nbsp;ค่าแรงต่ำกับความไม่มั่นคงต่างเป็นเหตุผลที่ทำให้พนักงานหนีหายไปเช่นกัน แต่ทว่าการศึกษากลับพบว่าปัจจัยเหล่านี้้ทรงอิทธิพลเทียบเท่าวัฒนธรรมการทำงานที่เป็นพิษ และหนึ่งในเก้าของคนทำงานในสหรัฐอเมริกากล่าวว่า พวกเขาเคยมประสบการณ์ที่ทำงานสุด toxic คิดเป็นตัวเลขราว 30 ล้านคนเลยทีเดียว&nbsp; &nbsp;&nbsp;งานวิจัยยังชี้ด้วยว่า การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในที่ทำงาน ผู้นำบริษัทและผู้จัดการสามารถเข้ามามีบทบาทสำคัญในการวางแนวทางของวัฒนธรรมองค์กร และกระตุ้นให้ทัศนคติดีๆ เหล่านั้นเผยแพร่ต่อไปยังส่วนอื่นๆ ของบริษัทได้&nbsp; &nbsp;&nbsp;และหากว่าผู้จัดการหรือพนักงาน toxic ไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมแย่ๆ เหล่านั้นแล้วละก็ บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องปล่อยพวกเขาไปแล้วล่ะ Munger แนะนำ แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.businessinsider.com/billionaire-charlie-munger-business-advice-for-success-cut-toxic-people-2023-5" alt="Charlie Munger's 'great lesson' of life: Cut out toxic people">Charlie Munger's 'great lesson' of life: Cut out toxic people</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/america/warren-buffett-letter-to-shareholders-2024-february" alt="Warren Buffett ย้อนรำลึกถึง Charlie Munger พร้อมแนะการลงทุน “อย่าเชื่อกูรู”">Warren Buffett ย้อนรำลึกถึง Charlie Munger พร้อมแนะการลงทุน “อย่าเชื่อกูรู”</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"ตัดคน Toxic ออกจากชีวิต" หนทางสู่ความสำเร็จของ Charlie Munger

<h2>เมื่อวันเสาร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Warren Buffett มหาเศรษฐีนักลงทุน ได้เผยแพร่จดหมายถึงผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ประจำปี โดยเนื้อหาสำคัญ ได้แก่ การกล่าวแสดงความอาลัยแก่ Charlie Munger, คำแนะนำด้านการลงทุน และสรุปผลการดำเนินงานปี 2023</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Warren Buffett เริ่มต้นจดหมายด้วยการกล่าวถึงอดีตรองประธานแห่ง Berkshire Hathaway และสหายสนิทผู้ล่วงลับไปเมื่อปลายปีที่แล้วว่า Charlie Munger เป็นดั่งสถาปนิกผู้ออกแบบ Berkshire Hathaway ให้เติบโตแข็งแกร่งเช่นทุกวันนี้ ส่วนตัวเขาเองคือผู้รับเหมาทั่วไปที่คอยดูแลการก่อสร้างในแต่ละวัน &nbsp; &nbsp;&nbsp;โดย Buffett เผยว่าหลังจากรู้จักกันได้สามปี “เขาบอกผมว่า ผมตัดสินใจผิดมหันต์ที่เข้าซื้อและควบคุมกิจการ Berkshire แต่เขาให้คำมั่นกับผมว่า ในเมื่อผมมาทางนี้แล้ว เขาก็จะช่วยชี้แนะว่าจะแก้ไขข้อผิดพลาดได้อย่างไร” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากนั้นหลายปี พวกเขาก็กลับกลายเป็นคู่หูกัน ซึ่ง Buffett ซาบซึ้งใจที่ Munger คอยช่วยเตือนสติเขา อีกทั้งยังไม่เคยต้องการเครดิตใดๆ เลย ในมุมมองของเขา Munger เป็นเหมือนทั้งพี่ชายและพ่อที่คอยสนับสนุนเขาเสมอมา&nbsp; &nbsp;&nbsp;“แม้ว่าผมจะเป็นผู้ดูแลทีมก่อสร้างมาอย่างยาวนาน แต่ Charlie ควรได้รับการยกย่องในฐานะสถาปนิกตลอดไป”&nbsp; &nbsp;&nbsp;ก่อนจะเข้าสู่ช่วงให้คำแนะนำการลงทุน ซึ่งสามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้ อย่าเชื่อกูรูผู้เชี่ยวชาญ&nbsp; &nbsp;&nbsp;Buffett เริ่มต้นช่วงแนะนำโดยการชื่นชมน้องสาวของเขา Bertie ซึ่งเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะและเข้าใจศัพท์ทางบัญชีต่างๆ อย่างแตกฉาน แม้ว่าเธอจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐศาสตร์หรือเตรียมสอบเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีก็ตาม สัญชาตญาณของเธอนี่เองที่ Buffett กลั่นกรองออกมาเป็นคำแนะนำข้อแรก&nbsp; &nbsp;&nbsp;เขาเขียนว่า “เธอเป็นคนมีไหวพริบ เป็นไหวพริบขั้นสูง ทำให้เธอรับรู้ได้โดยสัญชาตญาณว่าควรเมินพวกกูรูเสมอ ลองคิดดูว่าหากเธอสามารถเชื่อถือคำพยากรณ์ในอนาคตได้ เธอจะยินดีแบ่งปันข้อมูลอันทรงคุณค่าเพื่อเพิ่มคู่แข่งในการซื้อขายหรอกหรือ? ก็เหมือนกับการเจอทองแล้วส่งแผนที่ให้เพื่อนบ้านรู้แหล่งของมันนั่นแหละ” อดทนเมื่อเจอธุรกิจที่ดี &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Buffett ลงรายละเอียดเกี่ยวกับความสำเร็จในการลงทุนเข้าถือหุ้นบางตัวเป็นระยะเวลายาวนาน อันได้แก่ American Express และ Coca-Cola ซึ่งก่อตั้งในปี 1850 และ 1886 ตามลำดับ&nbsp; &nbsp;&nbsp;Berkshire Hathaway ก้าวเข้ามาลงทุนครั้งสำคัญใน Coca-Cola เมื่อปี 1988 และลงทุนใน American Express เมื่อปี 2001 โดยหลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้แตะต้องหุ้นสองตัวนี้อีกเลย ไม่ว่าแต่ละบริษัทจะล้มเหลวในการขยับขยายกิจการ หรือผิดพลาดในการบริหารอย่างไรก็ตาม เพราะทั้งสองบริษัทต่างก็ประสบความสำเร็จในธุรกิจพื้นฐานของตน&nbsp; &nbsp;&nbsp;กระทั่งในปี 2023 ที่ผ่านมา American Express และ Coca-Cola มีรายได้มากขึ้น และเพิ่มเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น อีกทั้งยังมีแนวโน้มจะเพิ่มอีกในปี 2024 นี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“บทเรียนจาก Coke และ AMEX น่ะหรือ? เมื่อคุณเจอธุรกิจที่ดีจริงๆ แล้วละก็ เกาะติดไว้ให้แน่นเลย ความอดทนจะมอบผลตอบแทนที่ดี และธุรกิจที่ยอดเยี่ยมหนึ่งธุรกิจก็สามารถชดเชยการตัดสินใจทั่วๆ ไปที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้” อย่าเสี่ยงสูญเงินทุนถาวร&nbsp; &nbsp;&nbsp;Buffett กล่าวต่อไปว่าตลาดหุ้นชักจะเข้าใกล้สถานการณ์แบบกาสิโนมากขึ้นทุกที มีสิ่งหลอกล่อให้เขาลืมกลยุทธ์การลงทุนระยะยาวในทุกวัน และเปลี่ยนการถือหุ้นให้เป็นกิจกรรมสุดโกลาหลที่ดึงดูดผู้เล่นที่ขาดความรู้หรือไม่ประสงค์ดีให้ปรากฏตัวออกมา&nbsp; &nbsp;&nbsp;เขาเขียนว่า “ในเวลาแบบนี้ สิ่งโง่เขลาใดที่สามารถซื้อขายได้จะถูกยกมาวางขายอย่างกระตือรือร้น ไม่ใช่โดยทุกคน แต่เป็นโดยใครบางคนเสมอ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาเตือนไม่ให้ตกหลุมพรางการตลาดแห่งความเขลา หรือสถานการณ์ที่มีโอกาสพลิกสู่ความเลวร้าย ซึ่งจะทำให้นักลงทุนระดับธรรมดาอาจต้องโบกมืออำลาไปพร้อมความสับสน จนลงกว่าเดิม และบางครั้งก็เกิดความคับแค้นใจด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“มีกฎการลงทุนข้อหนึ่งที่ Berkshire ไม่เคยและจะไม่มีวันเปลี่ยน นั่นคือห้ามเสี่ยงการสูญเงินทุนอย่างถาวรโดยเด็ดขาด” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากนี้ ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้น ได้มีการสรุปผลประกอบการของ Berkshire Hathaway ตลอดปี 2023 ที่ผ่านมา โดยมีรายได้จากการดำเนินงานทั้งสิ้น 3.73 หมื่นล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 3.08 หมื่นล้านเหรียญในปี 2022 นับว่าเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งเลยทีเดียว แหล่งที่มา:​<a href="https://berkshirehathaway.com/letters/2023ltr.pdf" alt="Warren Buffett's Letters to Berkshire Shareholders">Warren Buffett's Letters to Berkshire Shareholders</a>​ ​<a href="https://www.businessinsider.com/investment-advice-warren-buffett-letter-berkshire-hathaway-shareholders-2024-2" alt="3 pieces of investment advice from Warren Buffett's annual letter to Berkshire Hathaway shareholders">3 pieces of investment advice from Warren Buffett's annual letter to Berkshire Hathaway shareholders</a>​ ​<a href="https://www.businessinsider.com/warren-buffett-letter-munger-berkshire-annual-shareholder-stock-speculation-ai-2024-2" alt="Warren Buffett calls out stock-market gamblers and honors the late Charlie Munger in his annual letter">Warren Buffett calls out stock-market gamblers and honors the late Charlie Munger in his annual letter</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/world/america/america-most-philanthropic-billionaires-2024" alt="10 อันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2024">10 อันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งสหรัฐอเมริกา ประจำปี 2024</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Warren Buffett ย้อนรำลึกถึง Charlie Munger พร้อมแนะการลงทุน “อย่าเชื่อกูรู”

11 แนวทางใช้ชีวิตอย่างมหาเศรษฐี ฉบับ Warren Buffett

<h2>หลัง Berkshire Hathaway ประกาศการจากไปอย่างสงบของ Charlie Munger ในเช้าวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน 2023 ทั่วโลกก็พากันแสดงความอาลัยแก่มหาเศรษฐีนักลงทุนวัย 99 ปีผู้นี้ เขาไม่เพียงเป็นสหายสนิทและมือขวาของ Warren Buffett เท่านั้น แต่ยังเป็นกำลังสำคัญเบื้องหลังบริษัทลงทุนยักษ์ใหญ่ ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจแก่ผู้คนมากมาย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Charlie Munger หรือ Charles Thomas Munger เกิดที่เมืองโอมาฮาเมื่อปี 1924 ในครอบครัวนักกฎหมาย และเคยทำงานที่ร้านขายของชำ Buffett &amp; Son ที่ปู่ของ Warren Buffett เป็นเจ้าของ ทว่าสองนักลงทุนระดับตำนานกลับยังไม่ได้พบกันในช่วงเวลานี้ และอันที่จริง ยังอีกนานกว่า Charlie Munger จะตบเท้าเข้าสู่วงการธุรกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาเคยเข้าเรียนคณิตศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมิชิแกน แต่ก็ลาออกไปเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ซึ่งเขาทำคะแนนการทดสอบของกองทัพได้ดี และถูกส่งไปเรียนด้านอุตุนิยมวิทยา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อสิ้นสุดภารกิจรับใช้ชาติ Charlie Munger ก็เรียนต่อนิติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ครั้นจบการศึกษาก็มาเป็นทนายด้านอสังหาริมทรัพย์และก่อตั้งบริษัทกฎหมายของตัวเอง กระทั่งเริ่มตระหนักว่างานด้านกฎหมายยังสร้างรายได้ไม่เพียงพอ จึงหันมาจับการลงทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Charlie Munger ได้รู้จักกับ Warren Buffett อย่างเป็นทางการในปี 1959 ผ่านคนรู้จัก ทั้งสองได้รับประทานอาหารร่วมกันและคุยกันถูกคอ หลังจากนั้นก็คอยติดต่อสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเรื่องการลงทุนเรื่อยๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Charlie Munger ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทด้านการลงทุน ​Wheeler, Munger &amp; Company ในปี 1962 กับคนรู้จักชื่อ Jack Wheeler กิจการดำเนินไปได้ดีในช่วงแรก แต่ช่วงปี 1970 ก็กลับเผชิญวิกฤตจนต้องล้มเลิกไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม Warren Buffett ได้เชิญเขามารับตำแหน่งรองประธานแห่ง Berkshire Hathaway ในปี 1978 และกลับกลายเป็นคู่หูรู้ใจกันตลอดมา สร้างชื่อเสียงและอิทธิพลในแวดวงการลงทุนนานหลายทศวรรษ กระทั่ง Charlie Munger จากไปในวัย 99 ปี​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/9MvUtNgkPsqrWHA9AXrt.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9MvUtNgkPsqrWHA9AXrt.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="1440,810" style="width: 100%;" data-index="0"><figcaption><div>Warren Buffett และ Charlie Munger</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Berkshire Hathaway คงไม่อาจมีสถานะเช่นทุกวันนี้ได้หากปราศจากแรงบันดาลใจ สติปัญญา และการมีส่วนร่วมของ Charlie” Warren Buffett กล่าวในแถลงการณ์ของบริษัท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงสร้างตำนานในฐานะนักลงทุน Charlie Munger ยังเป็นนักการกุศลตัวยง เขาบริจาคเงินอย่างน้อย 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตลอดชีวิตของเขา โดยใส่ใจด้านการศึกษามากเป็นพิเศษ เขาบริจาคเงิน 200 ล้านเหรียญแก่มหาวิทยาลัย UC Santa Barbara ในปี 2019&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้เขายังมีหลักในการใช้ชีวิตที่เรียบง่าย แต่เป็นสุข ซึ่งเขาเผยแก่ CNBC ในปี 2019 ว่า “กฎเหล่านี้ช่วยให้ชีวิตของคุณดีขึ้นได้จริงๆ แม้ว่ามันจะจืดชืดเอามากๆ ก็ตาม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เคล็ดลับสำหรับชีวิตที่ยืนยาวและเปี่ยมสุขของเขามี ดังนี้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. อย่าอิจฉาริษยาให้มากนัก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Charie Munger คอยเตือนเรื่องอันตรายของความอิจฉาริษยามานานหลายสิบปีแล้ว จากสุนทรพจน์ที่มอบแก่บัณฑิตแห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดในปี 1986 เขากล่าวว่า ความริษยานั้น “เป็นส่วนผสมสำคัญอันก่อให้เกิดความทุกข์ยาก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขายังพูดถึงหัวข้อนี้ในการประชุมรายปีของ Daily Journal เมื่อปี 2022 ว่า “โลกนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความโลภหรอก แต่เป็นความอิจฉาริษยา” พร้อมอธิบาย “ผมเอาชนะความอิจฉาในชีวิตของผมได้แล้ว ผมไม่อิจฉาใครทั้งนั้น ไม่สนใจว่าใครจะมีอะไร แต่คนอื่นๆ อีกมากมายต่างกำลังถูกความอิจฉาปั่นหัวอยู่” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. หลีกเลี่ยงความคับแค้นใจ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากสุนทรพจน์แก่บัณฑิตในปี 1986 เขายังตักเตือนเกี่ยวกับความคับแค้นใจว่า “หากคุณต้องการความทุกข์ยากละก็ ผมไม่รู้เลยว่าควรแนะนำให้คุณมีความคับแค้นใจมากแค่ไหน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Charlie Munger เคยมีชีวิตที่ยากลำบาก ทั้งการหย่าร้าง สูญเสียดวงตาไปหนึ่งข้าง และการจากไปของลูกชายที่ทำให้เขาเจ็บปวดอย่างมาก กระนั้นเขาก็พยายามหลีกเลี่ยงไม่เก็บความคับแค้นใจเอาไว้ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. อย่าใช้จ่ายเกินรายได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในการประชุมผู้ถือหุ้น Berkshire Hathaway ในเดือนพฤษภาคม 2023 ที่ผ่านมา Charlie Munger ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนหลายประการ หนึ่งในนั้นคือ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เป็นเรื่องง่ายในการใช้จ่ายให้น้อยกว่ารายได้ และลงทุนอย่างหลักแหลม” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. มองโลกในแง่ดีแม้มีปัญหารุมเร้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดังเช่นที่กล่าวไปแล้วว่าชีวิตของนักลงทุนผู้นี้ไม่ง่ายเลย แต่เขาเคยเผยว่า “การมองโลกในแง่ดี” เป็น “สิ่งชาญฉลาด” เพื่อให้สามารถมองโลกในแง่ดีต่อไปได้เรื่อยๆ เขาแนะนำว่าข้อสำคัญคือให้ปล่อยวางอารมณ์เชิงลบ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คุณจะมองโลกในแง่ดีได้อย่างไรหากจมอยู่กับความเกลียดชังและความคับแค้นใจ? แน่นอนว่าไม่ แล้วคุณจะเก็บมันไว้ทำไมล่ะ?” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. คบคนที่ไว้วางใจได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับการประสบความสำเร็จ Charlie Munger ยกความดีความชอบให้การได้ใกล้ชิดกับคนที่วางใจได้ และหลีกเลี่ยงคนที่เป็นพิษ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าหนึ่งในคนที่ Charlie Munger เชื่อถือที่สุดในชีวิตคือ Warren Buffett หลังการพบกันครั้งแรกในปี 1959 มิตรภาพระหว่างพวกเขาก็ผลิบานและยั่งยืนกว่า 60 ปี โดย Warren Buffett เคยเขียนไว้ในจดหมายถึงผู้ถือหุ้นประจำปี 2014 ว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“คนรู้จักที่แนะนำพวกเราให้พบกันบอกว่าเราต้องเข้ากันได้ดีแน่นอน และก็เป็นเช่นนั้นจริง” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;6. ทำสิ่งที่ควรทำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Charlie Munger บอกว่า ตอนก่อนเข้านอนต้องฉลาดก่อนตอนตื่นนอนเมื่อเช้า หรือก็คือให้ใช้เวลาตลอดวันในการเรียนรู้พัฒนาตัวเอง “ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยความใส่ใจ คุณจะเติบโตขึ้นทีละขั้น และไม่จำเป็นต้องหักโหมรีบเร่งเลย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และอีกประการคือ “สิ่งดีงามสูงสุดที่มนุษย์สามารถทำเพื่อมนุษย์คนอื่นได้ คือช่วยให้เขารู้มากขึ้น” แถมท้าย: กินขนมสักเล็กน้อย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ว่าอาจเป็นเพียงมุกตลก แต่ Charlie Munger เคยให้คำแนะนำสุดแปลกว่า กินขนม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในการสัมภาษณ์กับ CNBC เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Charlie Munger เคี้ยวขนมทำจากถั่วของบริษัท Sees Candy ซึ่ง Berkshire Hathaway ครอบครอง ทั้งยังกล่าวว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมกำลังกินขนมถั่วแสนอร่อย ซึ่งคงเป็นสิ่งที่คุณอยากทำหากต้องการอายุยืนถึง 99 ปี” &nbsp; &nbsp; วันนี้ แม้ Charlie Munger จะจากพวกเราไปแล้ว แต่เขายังคงทิ้งข้อคิด แรงบันดาลใจ และบทเรียนพร้อมความปรารถนาดีไว้มากมายให้ทุกคนได้ศึกษา เป็นตำนานอันงดงามในโลกแห่งการลงทุน ที่มา: Wikipedia, Investopedia, CNBC, Fundamental Finance Playbook, Financial News London, Business Insider และ Yahoo! Finance เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/charlie-munger-says-elon-musk-outclassed-by-byd" alt="ตลาดรถ EV เดือด! Charlie Munger ชี้ BYD พร้อมโค่น Tesla">ตลาดรถ EV เดือด! Charlie Munger ชี้ BYD พร้อมโค่น Tesla</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

"จากไปให้โลกจำ" เคล็ดลับสู่ชีวิตแสนสุขของ Charlie Munger

<h2>Warren Buffett บริจาคหุ้น Berkshire Hathaway กว่า 870 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แก่สี่มูลนิธิครอบครัวก่อนวันขอบคุณพระเจ้า สร้างความมั่นใจแก่บรรดานักลงทุนทางจดหมายซึ่งกล่าวว่าบริษัทนี้ “ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ดำรงอยู่อย่างยาวนาน”</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นักลงทุนระดับตำนานวัย 93 ปีบริจาคหุ้น Class B ของบริษัทในความครอบครองของตนจำนวน 1.5 ล้านหุ้นแก่มูลนิธิ Susan Thompson Buffett Foundation ซึ่งตั้งชื่อตามภรรยาคนแรกของเขา นอกจากนี้ยังบริจาคหุ้น Class B ให้อีกสามมูลนิธิที่ลูกๆ ของเขาดูแล ได้แก่ Sherwood Foundation, Howard G. Buffett Foundation และ NoVo Foundation แห่งละ 300,000 หุ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทั้งหมดนี้เป็นการทำตามสัจจะที่ผมให้ไว้เมื่อปี 2006 ที่จะดำเนินต่อไปจนผมหมดลมหายใจ (ตอนนี้ผมอายุ 93 ปี ผมรู้สึกดี แต่ก็รู้อยู่เต็มอกว่ากำลังอยู่ในช่วงต่อเวลาพิเศษ)” Buffett เผยในแถลงการณ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาได้ทำการบริจาคแบบเดียวกันก่อนวันขอบคุณพระเจ้าในปี 2022 ที่ผ่านมา โดยในปี 2006 เจ้าของฉายานักพยากรณ์แห่งโอมาฮา (The Oracle of Omaha) ผู้นี้สัญญาว่าจะบริจาคความมั่งคั่งที่เขาได้จากการบริหาร Berkshire ที่เขาเข้ามาดูแลตั้งแต่ปี 1965 เป็นประจำทุกปีจนกว่าจะลาจากโลกนี้ไป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Berkshire มีส่วนเป็นเจ้าของธุรกิจที่แข็งแกร่งมากมายในหลากหลายสาขา ตั้งแต่บริษัทประกัน Geico Insurance ไปจนบริษัทรถไฟ BNSF Railway หรือแม้กระทั่งถือหุ้น Apple ราว 6%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หุ้นของ Berkshire มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกือบ 17% ในปีนี้หลังทุบสถิติสูงสุดในเดือนกันยายน Berkshire ยังคงยืนหยัดท้าทาย &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในจดหมาย Warren Buffett ให้ความมั่นใจเหล่าผู้ถือหุ้นทั้งหลายว่า บริษัทที่เขาบรรจงสร้างมากว่า 6 ทศวรรษจะยืนหยัดท้าทายกาลเวลา แม้ไม่มีเขาอยู่แล้วก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ในระยะสั้น คุณลักษณะเฉพาะและพฤติกรรมของ Berkshire จะได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้ถือหุ้นรายใหญ่ อย่างไรก็ตาม อีกไม่นานนัก Berkshire จะได้รับชื่อเสียงอันเหมาะควร” Buffett กล่าว “การล่มสลายสามารถเกิดขึ้นได้กับสถาบันใหญ่ทุกประเภท จะรัฐบาล การกุศล หรือแสวงหาผลกำไร แต่ใช่ว่าจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ ข้อได้เปรียบของ Berkshire คือการที่มันถูกสร้างมาเพื่อให้ดำรงอยู่อย่างยาวนาน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Greg Abel รองประธานฝ่ายที่ไม่เกี่ยวข้องกับประกันของ Berkshire ถูกยกให้เป็นผู้สืบทอดของ Buffett โดยนักลงทุนระดับตำนานได้ชื่นชม Abel ชี้ว่าเขาคอยดูแลรับผิดชอบภาระส่วนใหญ่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ลูกทั้งสามของ Buffett จะเป็นผู้จัดการมรดกตามพินัยกรรมของเขา และเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์ของทรัสต์การกุศลด้วยเช่นกัน โดยจะได้สืบทอดความมั่งคั่งเกือบทั้งหมดของ Buffett&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ลูกๆ ของผม รวมถึงพ่อของเขาด้วย มีความคิดเช่นเดียวกันว่าการส่งต่อความมั่งคั่งทางสายเลือด ไม่ใช่สิ่งอันพึงปรารถนา แม้ว่าจะถูกต้องตามกฎหมายและใครๆ ก็ทำกันทั้งโลกรวมถึงในสหรัฐฯ” Buffett เผย “ยิ่งไปกว่านั้น เรามีโอกาสได้เห็นหลายครั้งว่าการเป็นคนรวยไม่ได้ช่วยให้คุณเป็นคนดีหรือคนเลวแต่อย่างใด” แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.cnbc.com/2023/11/21/warren-buffett-makes-big-donation-before-thanksgiving-says-berkshire-is-built-to-last.html" alt="Warren Buffett makes big donation before Thanksgiving, assures shareholders Berkshire is built to last">Warren Buffett makes big donation before Thanksgiving, assures shareholders Berkshire is built to last</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/5-warren-buffett-recommended-books-spotify" alt="5 หนังสือลงทุนที่ Warren Buffett แนะนำ พร้อมให้ฟังแล้วบน Spotify">5 หนังสือลงทุนที่ Warren Buffett แนะนำ พร้อมให้ฟังแล้วบน Spotify</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เศรษฐีใจบุญ! Warren Buffet ทำตามคำมั่น บริจาคหุ้น 870 ล้านเหรียญให้มูลนิธิ

<h2>Charlie Munger ชี้ Elon Musk กำลังถูกแซงหน้าโดยผู้นำ BYD จากจีน ที่พร้อมชิงยอดขายยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ทั่วโลกจาก Tesla</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Charlie Munger มือขวาของ Warren Buffett แห่ง Berkshire Hathaway กล่าวชื่นชมความสำเร็จของบริษัทจากแดนมังกร BYD ไปเมื่อต้นปีนี้ ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายนี้มีชัยเหนือ Tesla ในประเทศจีน และใกล้จะเป็นผู้ครองตลาด EV ทั่วโลกด้วยเช่นกัน Munger จึงตัดสินใจพา Berkshire เข้าร่วมลงทุนใน BYD&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมไม่เคยช่วยอะไร Berkshire ได้ยอดเยี่ยมเท่าเรื่อง BYD เลย” Munger กล่าวในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ณ การประชุมรายปีของสำนักข่าว Daily Journal “BYD ก้าวนำ Tesla ไปไกลมากในจีน จนแทบไม่น่าเชื่อเลยล่ะ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Munger ยังเสริมด้วยว่าการตัดสินใจลงทุน 270 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กับ BYD ในปี 2008 นั้น ณ ช่วงเวลานี้ “มีมูลค่าราว 8 พันล้านหรืออาจจะถึง 9 พันล้านเหรียญ ถือเป็นอัตราผลตอบแทนที่คุ้มค่าจริงๆ”​​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 75%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/bRWqmqnNZipe36XG7KSc.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bRWqmqnNZipe36XG7KSc.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0" origin-size="959,639"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>Wang Chuanfu</div></figcaption></figure></div> ​&nbsp; &nbsp; Munger เชื่อว่าเหตุผลสำคัญที่ทำให้ BYD ประสบความสำเร็จคือความสามารถของผู้ก่อตั้งและซีอีโออย่าง Wang Chuanfu ซึ่งในปี 2009 นักลงทุนอาวุโสรายนี้ยังให้คำนิยามว่าเป็น “Thomas Edison รวมร่างกับ Jack Welch” นอกจากนี้ ล่าสุดที่ผ่านมา เขาก็ชื่นชมคุณสมบัติต่างๆ ของมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง BYD ซึ่งเติบโตมากับความยากจนสุดขีด โดยเกิดมาเป็นลูกชาวนาก่อนจะกำพร้าตั้งแต่ยังเยาว์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เขาสามารถทำในสิ่งที่คุณทำไม่ได้” Munger กล่าวในตอนหนึ่งของรายการพอดแคสต์ Acquired “เขาเป็นยอดมนุษย์ที่รู้ว่าต้องทำอะไรด้วยสองมือ ใกล้เคียงกับคำว่าเริ่มจากศูนย์เลยทีเดียว ชายจาก BYD คนนี้เก่งเรื่องการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ขึ้นมายิ่งกว่า Elon เสียอีก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Munger ยังบอกว่าการลงทุนในบริษัทยานยนต์สัญชาติจีนรายนี้เป็น “สไตล์ธุรกิจร่วมลงทุน” พร้อมเสริม “BYD คือปาฏิหาริย์ แต่ชายคนนั้นตั้งหน้าตั้งตาทำงาน 70 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และมีไอคิวสูงมาก” Wang เป็นที่รู้จักกันในฐานะนักประหยัดต้นทุนตัวยง และยังคงใช้ชีวิตแบบมัธยัสถ์เรื่อยมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ใช่ สำหรับ BYD และไม่ สำหรับ Tesla&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Munger เคยได้รับการเสนอจาก Musk ให้ Berkshire เข้ามาลงทุนใน Tesla แต่เขาตัดสินใจปฏิเสธไป เจ้าพ่อ X ทวีตข้อความไปเมื่อต้นปีนี้ว่า “Munger จะลงทุนใน Tesla ที่มูลค่าประเมินราว 200 ล้านเหรียญก็ย่อมได้ตอนที่ผมทานมื้อเที่ยงกับเขาเมื่อปลายปี 2008” โดยมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของ Tesla ตอนนี้อยู่ที่ 679 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทว่า Berkshire หลีกเลี่ยงการลงทุนกับ Tesla ด้วยเหตุผลบางประการ และมองว่าความเสี่ยงมีมากเกินไป ซึ่ง Buffett ก็ออกมาอธิบายเมื่อก่อนหน้านี้ว่า “Charlie กับผมรู้สึกมานานแล้วว่าอุตสาหกรรมยานยนต์นั้นยากเกินไปหน่อย มันเป็นธุรกิจที่คุณต้องเผชิญกับคู่แข่งมากมายจากทั่วทุกมุมโลก และพวกเขาไม่มีทีท่าจะล้มหายตายจากไปง่ายๆ เหมือนมีผู้ชนะในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ตำแหน่งนั้นไม่ใช่ที่ถาวร”​ ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 75%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/SD87iPsPEmCy8KzR7duw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="SD87iPsPEmCy8KzR7duw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="1" origin-size="1440,810"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>Warren Buffett และ Charlie Munger</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมคิดว่าผมรู้ว่า Apple จะไปอยู่ตรงจุดไหนในอีก 5 หรือ 10 ปีข้างหน้า แต่ผมเดาไม่ได้เลยว่าพวกบริษัทรถยนต์จะเป็นอย่างไรในอีก 5 หรือ 10 ปี” เขาเน้นย้ำเพิ่มเติม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในรายการพอดแคสต์ Acquired ที่ผ่านมา Munger กล่าวว่า “ผู้ชนะน่ะหรือ? ใครจะไปรู้ ทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าพวกนี้ยังคงไม่แน่นอน ทั้งเงินลงทุนใหม่จำนวนมาก วิธีการต่างๆ ในการขายรถ ไหนจะการรวมตัวอันยากยิ่ง ดังนั้นผมจึงไม่คิดสนใจอุตสาหกรรมยานยนต์เลย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กระทั่งทุกวันนี้ BYD ยังทำให้เขารู้สึกกระวนกระวาย แม้จะประสบความสำเร็จ Berkshire ทยอยขายหุ้น BYD มาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว รวมถึงหุ้นมูลค่า 25.7 ล้านเหรียญเมื่อเดือนที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมอาจจะเป็นแฟนตัวยง แต่ก็รู้สึกเหมือนกำลังวัดดวงอยู่ทุกครั้งตอนที่ธุรกิจของพวกเขาเริ่มแกว่งไปมา” พร้อมบรรยายความรู้สึก “พวกเขาทำให้ผมกังวลซึ่งมันรุนแรงมาก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาบรรยายถึง “ความผิดพลาดใหญ่หลวง” ที่ BYD ทำลงไปในช่วงตั้งต้นจน “เกือบจะล้มละลายด้วยระบบการสร้างตัวแทนจำหน่ายตอนแรกเริ่ม”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ครั้นถามว่าสิ่งใดเกี่ยวกับ BYD ที่จับใจเขา Munger ตอบว่า “คนๆ นี้เป็นอัจฉริยะ เขาจบปริญญาเอกด้านวิศวกรรม เขาสามารถดูแบบของใครสักคนตอนเช้า พอตกบ่ายเขาก็สร้างมันขึ้นมาได้เลย ผมไม่เคยเจอใครที่เป็นแบบนั้นมาก่อน เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง มีความเป็นวิศวกรแต่กำเนิด และเป็นผู้บริหารการผลิตประเภทที่ต้องทำให้สำเร็จ ถือเป็นพรสวรรค์สำคัญที่ต้องมีสำหรับตำแหน่งนั้นเลย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งหมดนี้อธิบายว่าเหตุใด BYD ผู้สร้างแบตเตอรี่และชิปเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเอง จึงสามารถเบียดยอดขาย EV ทั่วโลกของ Tesla ได้ในไตรมาสที่สามด้วยความต่างที่ 3,456 คัน และยังพร้อมจะเข้าแย่งชิงมาอีกด้วย โดย BYD ขายรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบไป 431,603 คันในไตรมาสดังกล่าว เพิ่มขึ้นมา 23% จากไตรมาสก่อนหน้า​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="min-width: 100%; width: 75%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/kyxew12wLpcRrDprgvKi.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="kyxew12wLpcRrDprgvKi.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="2" origin-size="958,660"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>Elon Musk</div></figcaption></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“BYD จะขายรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับผู้โดยสารได้มากกว่า Tesla ในไตรมาสที่สี่” Taylor Ogan ซีอีโอ Snow Bull Capital เฮดจ์ฟันจากเซินเจิ้นซึ่งถือหุ้นในบริษัทยานยนต์ทั้งสองแห่งเผยกับ Bloomberg เมื่อเดือนที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากเป็นที่รู้จักในชื่อผู้ขายรถยนต์ราคาประหยัดในตลาดใหญ่แล้ว BYD ยังเพิ่งจะเปิดตัวไลน์อัพที่เป็นแบรนด์ลักชูรีเพื่อดันยอดขาย ทั้งยังส่งออกรถยนต์ไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมียอดขายจากการส่งออกคิดเป็น 9% เพิ่มขึ้นจาก 5% ในไตรมาสก่อนหน้า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Musk ได้ออกมาตอบโต้การสัมภาษณ์ในปี 2011 ซึ่งเขาหัวเราะเยาะคุณภาพรถของ BYD&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“นั่นมันหลายปีมาแล้วนะ” Musk อธิบาย “ทุกวันนี้รถของพวกเขาเป็นคู่แข่งศักยภาพสูงทีเดียว” แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://fortune.com/2023/11/02/charlie-munger-elon-musk-tesla-byd-ceo-wang-chuanfu-china/" alt="Charlie Munger says Elon Musk is outclassed by the head of China’s BYD">Charlie Munger says Elon Musk is outclassed by the head of China’s BYD</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/highest-paid-dead-celebrities-2023" alt="13 คนดังผู้ล่วงลับ ที่ทำเงินได้มากสุด ปี 2023">13 คนดังผู้ล่วงลับ ที่ทำเงินได้มากสุด ปี 2023</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ตลาดรถ EV เดือด! Charlie Munger ชี้ BYD พร้อมโค่น Tesla

3 เสน่ห์หุ้น Costco สะกดใจปู่ Charlie Munger ให้หลงรัก

<h2>Forbes Global 2000 ครั้งที่ 20 ประจำปี 2022 จัดอันดับบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก จากการประเมินสินทรัพย์ มูลค่าตลาด รายได้ และกำไร </h2>
<figure><img class="wp-image-62663" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/DpVvh9lX4AAC2TZ-1024x538.jpg" alt="10 บริษัทสหรัฐฯ Global 2000" width="720" height="378" /><figcaption> Warren Buffet ซีอีโอ Berkshire Hathaway</figcaption></figure>

ท่ามกลางสภาวะที่มีความผันผวน ความไม่แน่นอน ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยีและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ อันเนื่องมาจากการระบาดใหญ่ทั่วโลกและความขัดแย้งระหว่างประเทศ บริษัทหลายแห่งในสหรัฐอเมริกายังคงรักษาอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้เนื่องเป็นอย่างดี นำโดย Berkshire Hathaway ของมหาเศรษฐี Warren Buffet วัย 91 ปีและ Charlie Munger วัย 98 ปี ซึ่งกวาดกำไรกว่า 9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากปีก่อนมากถึงร้อยละ 53 แซงหน้า JPMorgan Chase ของ Jamie Dimon ขึ้นแท่น “บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดของโลก”

ด้าน JPMorgan Chase รั้งอันดับ 2 ของบริษัทสหรัฐฯ และอันดับ 4 ในทำเนียบ Global 2000 รองจาก ICBC และ Saudi Aramco หลังมูลค่าหู้นปรับตัวลงกว่าร้อยละ 15 ในปีนี้ กระทั่งปิดที่ 126.81 เหรียญในวันที่ 22 เมษายน

ตามมาด้วย Amazon ซึ่งขึ้นมาครองอันดับ 3 จากอันดับ 5 ในปีก่อน และอันดับ 13 ในปี 2020 โดยได้รับอานิสงส์จากการช็อปปิ้งออนไลน์ที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 22 อยู่ที่ประมาณ 4.7 แสนล้านเหรียญ นำโดยหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์ยอดนิยมจำพวกสินค้าตกแต่งบ้าน ความงาม และงานอดิเรก

ด้าน Apple, Bank of America, Alphabet, Microsoft และ Wells Fargo ยังคงเป็นหนึ่งใน 10 บริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ขณะที่ Walmart ผู้ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ตกจากอันดับ 9 มาอยู่ที่อันดับ 13 แต่ยังคงครองอันดับ 1 ในด้านยอดขายทั่วโลก เช่นเดียวกับ Citigroup ที่ร่วงจากอันดับ 8 มาอยู่ที่อันดับ 15 หลังถูกแทนที่โดย ExxonMobil ผู้ผลิตน้ำมันและก๊าซและ Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายไร้สาย

<img class="alignnone wp-image-62671" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Global-2000-US-COM.jpg" alt="" width="720" height="418" />

สำหรับการกลับมาทวงคืนตำแหน่งของ ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ในอันดับ 8 ประจำปีนี้ ได้รับอานิสงส์มาจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 57 จากปีก่อน สู่ระดับ 2.8 หมื่นล้านเหรียญ หลังขาดทุนกว่า 2.2 หมื่นล้านเหรียญในปี 2021 ซึ่งในปีนี้สามารถชดเชยด้วยกำไรกว่า 2.3 หมื่นล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อย

ในขณะที่กลุ่มบริษัทโทรคมนาคม AT&amp;T ยังคงประสบชะตากรรมที่คล้ายคลึงกับในปีที่ผ่านมา โดยตกลงจากอันดับ 5 มาอยู่ที่อันดับ 106 ในทำเนียบปีนี้ ทว่าคู่แข่งหลักอย่าง Verizon ยังคงสามารถผลงานได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยรายได้ที่เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 5 เป็น 1.34 แสนล้านเหรียญประกอบกับสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นราวร้อยละ 16 จากปีก่อน 

“เรายังคงมองว่าเศรษฐกิจทั่วโลกจะฟื้นตัวได้เป็นอย่างดี อย่างน้อยก็ในระยะสั้นอันใกล้นี้” Jamie Dimon แห่ง JPMorgan กล่าวระหว่างรายงานผลประกอบการประจำปี “งบดุลของผู้บริโภคและธุรกิจ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ท่ามกลางความท้าทายทางการเมืองและเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ปัญหาห่วงโซ่อุปทาน และสงครามในยูเครน”

พบกับ 10 บริษัทสหรัฐฯ จากการจัดอันดับ Global 2000 ประจำปี 2022 ณ วันที่ 22 เมษายน 2022

<img class="alignnone size-full wp-image-62674" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/BH.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 1

Berkshire Hathaway Inc. Class B

รายได้: 2.76 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

กำไร: 8.98 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ

สินทรัพย์: 9.58 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 7.41 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

<img class="alignnone size-full wp-image-62675" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/JP.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 4

JPMorgan Chase &amp; Co.

รายได้: 1.24 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 4.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 3.95 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 3.74 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

<img class="alignnone size-full wp-image-62676" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Amazon.com-Inc_.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 6

Amazon.com, Inc.

รายได้: 4.69 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 3.33 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 4.20 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 1.46 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ 

<img class="alignnone size-full wp-image-62677" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Apple-Inc_.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 7

Apple Inc.

รายได้: 3.78 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 3.81 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 2.64 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ 

<img class="alignnone size-full wp-image-62678" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Untitled-1.png" alt="" width="300" height="250" />

อันดับ 9

Bank of America Corporation

รายได้: 9.68 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 3.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 3.23 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 3.03 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone wp-image-62679 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Alphabet.png" alt="10 บริษัทสหรัฐฯ Global 2000" width="300" height="250" />

อันดับ 11

Alphabet Inc. Class A

รายได้: 2.57 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 7.6 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 3.59 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 1.58 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone wp-image-62680 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Microsoft-Corporation.png" alt="10 บริษัทสหรัฐฯ Global 2000" width="300" height="250" />

อันดับ 12 

Microsoft Corporation

รายได้: 1.84 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 7.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 3.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 2.05 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone wp-image-62681 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Exxon-Mobil-Corporation.png" alt="10 บริษัทสหรัฐฯ Global 2000" width="300" height="250" />

อันดับ 15 

Exxon Mobil Corporation

รายได้: 2.8 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 2.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 3.38 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 3.59 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

<img class="alignnone wp-image-62682 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Wells-Fargo-Company.png" alt="10 บริษัทสหรัฐฯ Global 2000" width="300" height="250" />

อันดับ 18 

Wells Fargo &amp; Company

รายได้: 8.41 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 2.05 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 1.93 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 1.76 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

<img class="alignnone wp-image-62683 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/05/Verizon-Communications-Inc_.png" alt="10 บริษัทสหรัฐฯ Global 2000" width="300" height="250" />

อันดับ 19 

Verizon Communications Inc.

รายได้: 1.34 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

กำไร: 2.15 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ 

สินทรัพย์: 3.66 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ 

มูลค่าตลาด: 2.18 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Global 2000: Berkshire Hathaway Takes Down JPMorgan As America’s Largest Company โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม:<a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/europe/30-under-30-europe-2022-หนุ่มสาวดาวรุ่งจา.html"> “30 Under 30 Europe 2022” หนุ่มสาวดาวรุ่งจากอุตสาหกรรมค้าปลีกและอี-คอมเมิร์ซ</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

10 บริษัทสหรัฐฯ จากการจัดอันดับ Global 2000 ประจำปี 2022

<h2>Berkshire Hathaway กลุ่มบริษัทโฮลดิ้งของมหาเศรษฐีพันล้าน Warren Buffett สร้างสถิติใหม่อย่างต่อเนื่องด้วยมูลค่าบริษัทที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์แตะ 7 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็นที่เรียบร้อย </h2>
<figure><img class="wp-image-56751" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/01/https-specials-images.forbesimg.com-dam-imageserve-9e2c3b55d3634cba9f2e2b21787e7489-960x0.jpgfitscale-860x1024.jpg" alt=" Berkshire Hathaway " width="543" height="647" /><figcaption> Warren Buffet</figcaption></figure>

หุ้นของ Berkshire Hathaway พุ่งขึ้นกว่าร้อยละ 1 ในวันพฤหัสบดี โดยนับเป็นวันที่ 4 ติดต่อกัน โดยได้รับอานิสงส์จากความเชื่อมั่นของเหล่านักลงทุนที่ทยอยมองหาการเดิมพันที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น 

ปัจจุบัน กลุ่มบริษัทโฮลดิ้งข้ามชาติ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Omaha เเป็นเจ้าของพอร์ตโฟลิโอของบริษัทมากกว่า 60 แห่ง อาทิ Geico, Duracell, Dairy Queen และยังมีสัดส่วนการถือหุ้นขนาดใหญ่ในยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Apple

เป็นสัญญาณได้ว่าขณะนี้ Berkshire Hathaway กำลังจะกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหลายล้านล้านเหรียญรายต่อไป รองจาก Tesla (มูลค่า 1.07 ล้านล้านเหรียญ), Amazon (1.66 ล้านล้านเหรียญ), Microsoft (2.37 ล้านล้านเหรียญ) และ Apple (2.84 ล้านล้านเหรียญ)

ในทำนองเดียวกัน Berkshire Hathaway ยังได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจและการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ของธนาคารกลางสหรัฐฯ เช่นกัน 

ล่าสุด Forbes คาดการณ์ว่า<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/warren-buffett/?sh=4a708ab64639"> Buffe</a>t ครองอันดับที่ 8 ในทำเนียบมหาเศรษฐีโลก ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิราว 1.14 แสนล้านเหรียญ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 1.4 พันล้านเหรียญในสัปดาห์แรกของปี 2022

แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Warren Buffett’s Berkshire Hathaway Hits All Time High At $700 Billion Market Valuation เผยแพร่บน ​Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/welab-ฟินเทคยูนิคอร์นจากฮ่อ.html">WeLab ฟินเทคยูนิคอร์นจากฮ่องกง รุกชิงส่วนแบ่งตลาดธนาคารดิจิทัลในอินโดนีเซีย</a>

Berkshire Hathaway มีมูลค่าบริษัทแตะ 7 แสนล้านเหรียญฯ เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแห่ง Berkshire Hathaway ผู้ได้รับฉายาว่า The Oracle of Omaha หนึ่งในนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ตลอดกาลจากการเริ่มเรียนรู้และลงทุนตั้งแต่วัยเยาว์ เขาไม่ใช่ผู้ก่อตั้งบริษัทดังเช่นมหาเศรษฐีคนอื่นๆ บนทำเนียบของ Forbes แต่ก็เป็นผู้ก้าวเข้ามาบริหาร Berkshire Hathaway จนเติบใหญ่เป็นบริษัททรงอิทธิพลในปัจจุบัน และมีรายได้กว่า 3 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2023แม้เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 6 ของโลก แต่ Warren Buffett ยังคงใช้ชีวิตอย่างสมถะ พำนักในบ้านหลังเดิมที่ซื้อไว้ในปี 1958 ตลอดจนบริจาคเงินเพื่อการกุศลเป็นประจำ โดยในปี 2006 เขาได้ให้คำมั่นว่าจะบริจาคความมั่งคั่งที่ได้จากการบริหาร Berkshire Hathaway เป็นประจำทุกปีจนกว่าจะลาจากโลกนี้ไป รายงานของ Forbes เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาระบุว่าเขาได้บริจาคทรัพย์สินเป็นมูลค่ากว่า 5.15 หมื่นล้านเหรียญตลอดชีวิตที่ผ่านมา

Warren Buffett

GLOBAL 2000 ทำเนียบ 10 อันดับบริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ปี 2018

<h2>จีนยังคงครองตำแหน่งระดับบนของตาราง Global 2000 ประจำปี 2017 ซึ่งเป็นการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่และทรงอิทธิพลที่สุดจากทั่วโลก Industrial &amp; Commercial Bank of China และ China Construction Bank คว้าอันดับที่ 1 และ 2 ติดต่อกันเป็นปีที่ 5</h2>
ใน 500 อันดับแรกมีบริษัทสัญชาติจีนและฮ่องกงคิดเป็นสัดส่วน 12% เพิ่มขึ้นจากเพียง 2% ในการจัดอันดับครั้งแรกเมื่อปี 2003 บริษัทจากทวีปเอเชียกวาดอันดับใน Global 2000 ไปมากที่สุดในปีนี้ด้วยจำนวน 763 บริษัท โดยมีมูลค่าตลาดรวมกัน 13.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ บริษัทเอเชียมีสัดส่วน 38% ของจำนวนบริษัททั้งหมดที่ติดอันดับเพิ่มขึ้นจาก 23% เมื่อปี 2003

ทั้งนี้ มูลค่ากิจการตามราคาตลาดรวมของบริษัททั้งหมดเพิ่มขึ้น 10% จากปีที่ผ่านมา ขณะที่จีดีพีโลกขยายตัวเพียง 3.1% ในปี 2016

วิธีการคำนวณอันดับ Forbes Global 2000 คือการจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลกโดยวัดจากตัวเลขรายได้ กำไรสุทธิ สินทรัพย์และมูลค่าตามราคาตลาด ณ วันที่ 7 เมษายน โดยอิงจากข้อมูลของ Factset Research Systems เราให้น้ำหนักเกณฑ์การประเมินทั้ง 4 ข้อเท่ากันและจากนั้นจะนำมาคำนวณหาคะแนนรวม

ทั้งนี้ การจัดอันดับไม่รวมถึงรูปแบบบริษัทที่มีพนักงานเป็นผู้ถือหุ้นหรือสหกรณ์ เช่น Huawei จากจีนและ Fonterra จากนิวซีแลนด์ บริษัทที่จัดตั้งในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด อย่างเช่น บริษัทเพื่อการลงทุนในหุ้นนอกตลาดขนาดใหญ่บางแห่งจะไม่ถูกนำมาจัดอันดับเนื่องจากใช้มาตรฐานทางบัญชีแตกต่างกัน ผลการดำเนินการภายหลังวันที่ 7 เมษายนไม่มีผลต่อการจัดอันดับ

และบริษัทต่อไปนี้ คือ 10 อันดับแรกใน Forbes Global 2000 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ปี 2017

&nbsp;
<h2>อันดับ 10 Toyota Motor</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4f57e67f055d80e228999f2c8b0a0e4d.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ยานยนต์
ประเทศ: ญี่ปุ่น
รายได้: 2.5 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 1.71 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 4.13 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.72 แสนล้านเหรียญ

Toyota Motor ก่อตั้งโดย Kiichiro Toyoda เมื่อปี 1937 และมีสำนักงานใหญ่ในเมือง Toyota ประเทศญี่ปุ่น Toyota ไม่เพียงแต่เป็นผู้ออกแบบ ผลิต ประกอบ และจำหน่ายยานยนต์เท่านั้น แต่ยังมีส่วนที่ทำธุรกิจบริการการเงินด้วย นั่นคือการเป็นลีสซิ่งให้กับคู่ค้าดีลเลอร์และลูกค้าของบริษัท นอกจากนั้นยังมีธุรกิจอื่นๆ เช่น ด้านเทคโนโลยีข้อมูล ที่ดำเนินงานเกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก ในปี 2017 Toyota Motor คือบริษัทยานยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

&nbsp;
<h2>อันดับ 9 Apple</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/352e307da6dea4bda4ab266414004455.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
ประเทศ: สหรัฐฯ
รายได้: 2.18 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 4.52 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.31 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 7.52 แสนล้านเหรียญ

บริษัทผู้ออกแบบและผลิตคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นเพลงส่วนบุคคล ฯลฯ ได้รับการก่อตั้งด้วยมือคน 3 คน คือ Steve Jobs, Ronald Wayne และ Steve Wozniak เมื่อปี 1976 ทั้งนี้รายได้ที่นำมาคิดคำนวณนั้นมาจากรายได้ของทวีปอเมริกา ทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา อินเดีย จีน ฮ่องกง และไต้หวัน ส่วนรายได้จากประเทศเอเชียแปซิฟิกอื่นๆ รวมถึงออสเตรเลีย ไม่ถูกเปิดเผยในรายงานรายได้ของบริษัท

&nbsp;
<h2>อันดับ 8 Bank of China</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6cdcc0d40143536c67f19973dd2b50f7.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ธนาคาร
ประเทศ: จีน
รายได้: 1.13 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 2.49 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 2.61 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.41 แสนล้านเหรียญ

Bank of China ก่อตั้งในปี 1912 มีสำนักงานใหญ่ที่เมือง Beijing เป็นธนาคารพาณิชย์และธนาคารเพื่อการลงทุน รวมไปถึงธุรกิจประกัน มีลูกค้าทั้งกลุ่มเอกชนและหน่วยงานของรัฐ

&nbsp;
<h2>อันดับ 7 Bank of America</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/fd6092c5013bc48eb8ff7a8bccbf650b.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ธนาคาร
ประเทศ: สหรัฐฯ
รายได้: 9.22 หมื่นล้านเหรียญ
กำไร: 1.66 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 2.2 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 2.32 แสนล้านเหรียญ

Bank of America เป็นบริษัทด้านการธนาคารและเป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านการเงินด้วย ก่อตั้งในปี 1904 โดย Amadeo Giannini ปัจจุบันสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Charlotte รัฐ North Carolina นอกจากบริการลูกค้าบุคคลแล้ว ธนาคารยังมีจุดเด่นด้านบริการให้คำปรึกษาด้านการลงทุนทั่วโลก

&nbsp;
<h2>อันดับ 6 Agricultural Bank of China</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5d5d65c313b00f18a820f658ef45c7b7.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ธนาคาร
ประเทศ: จีน
รายได้: 1.16 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 2.78 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 2.82 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 1.49 แสนล้านเหรียญ

Agricultural Bank of China ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1951 ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ที่เมือง Beijing ให้บริการครอบคลุมทั้งลูกค้านิติบุคคล ลูกค้าบุคคล และการจัดการเงินทุน บริการทั้งลูกค้าบริษัทเอกชน หน่วยงานรัฐ และบุคคลทั่วไป

&nbsp;
<h2>อันดับ 5 Wells Fargo</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a861d54fe7dc7110a35434cc686e9afe.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ธนาคาร
ประเทศ: สหรัฐฯ
รายได้: 9.76 หมื่นล้านเหรียญ
กำไร: 2.19 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 1.94 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 2.74 แสนล้านเหรียญ

บริษัทเก่าแก่ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1852 โดย Henry Wells และ William G. Fargo ธนาคารแห่งนี้ให้บริการหลักๆ ใน 3 กลุ่ม คือ บริการการเงินระดับชุมชน ให้กับลูกค้าทั่วไปและธุรกิจขนาดเล็ก, บริการการเงินขนาดใหญ่ แก่ลูกค้าบริษัทเอกชนขนาดกลางขึ้นไป ตลาดเงินตลาดทุน และอสังหาริมทรัพย์ และสุดท้ายกลุ่มการบริหารการลงทุนและความมั่งคั่ง ปัจจุบัน Wells Fargo มีสำนักงานใหญ่ใน San Francisco รัฐ California

&nbsp;
<h2>อันดับ 4 JPMorgan Chase</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/3c7ce053bd121acf53f1617a910fc61c.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ธนาคาร
ประเทศ: สหรัฐฯ
รายได้: 1.03 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 2.42 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 2.51 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 3.07 แสนล้านเหรียญ

JPMorgan Chase เป็นบริษัทโฮลดิ้งด้านการเงินที่มีให้บริการภาคธนาคารเพื่อการลงทุนและการเงิน ความเชี่ยวชาญของ JPMorgan คือการให้บริการผลิตภัณฑ์ทางการเงินในทุกตลาดทุนขนาดใหญ่ทั่วโลก รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านกลยุทธ์และโครงสร้างองค์กรธุรกิจด้วย บริษัทถูกก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1968 และมีสำนักงานใหญ่ที่เมือง New York

&nbsp;
<h2>อันดับ 3 Berkshire Hathaway</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/17d0b5b4c07de424e0e4161b84576a00.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: บริการด้านการลงทุน
ประเทศ: สหรัฐฯ
รายได้: 2.23 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 2.41 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 6.21 แสนล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 4.1 แสนล้านเหรียญ

Berkshire Hathaway บริษัทด้านการลงทุนที่ปัจจุบันมี Warren Buffett พ่อมดการเงินเป็นซีอีโอ บริษัทมีการลงทุนผ่านบริษัทย่อยในหลายด้าน อาทิ ประกันภัย พลังงาน ขนส่งทางราง การเงิน ภาคการผลิตและบริการ รีเทล เป็นต้น Berkshire Hathaway มีอายุเก่าแก่ยาวนาน ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1839 โดย Oliver Chace และปีนี้บริษัทยังเป็นบริษัทมหาชนขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกาอีกด้วย

&nbsp;
<h2>อันดับ 2 China Construction Bank</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/25b1b04f73da40ba0aeb5b3807538bb3.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ธนาคาร
ประเทศ: จีน
รายได้: 1.34 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 3.5 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.02 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 2.01 แสนล้านเหรียญ

China Construction Bank ให้บริการการเงินทั้งลูกค้านิติบุคคลและบุคคลทั่วไป ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน เช่น สินเชื่อธุรกิจ ระบบ e-banking สำหรับองค์กร สินเชื่อส่วนบุคคล บัตรเครดิต ทองคำ บริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคล ฯลฯ ธนาคารมีสาขาจำนวนมากอยู่ทั่วโลก และมีสำนักงานใหญ่ที่เมือง Beijing เมืองหลวงของจีน

&nbsp;
<h2>อันดับ 1 ICBC</h2>
<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d829b78b75aa30895a00d949628f31cd.png" alt="" />

ภาคธุรกิจ: ธนาคาร
ประเทศ: จีน
รายได้: 1.51 แสนล้านเหรียญ
กำไร: 4.2 หมื่นล้านเหรียญ
สินทรัพย์: 3.47 ล้านล้านเหรียญ
มูลค่าตามราคาตลาด: 2.3 แสนล้านเหรียญ

ICBC หรือ Industrial and Commercial Bank of China ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1984 ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ที่เมือง Beijing ประเทศจีน เป็นสถาบันการเงินที่ให้บริการครอบคลุมทั้งลูกค้านิติบุคคล  ลูกค้าบุคคล และการจัดการเงินทุน มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย อาทิ สินเชื่อธุรกิจ สินเชื่อส่วนบุคคล บริหารความมั่งคั่ง แลกเปลี่ยนเงินตรา ฯลฯ โดยการครองแชมป์ปี 2017 นี้เป็นการยึดตำแหน่งเดิมไว้ได้เหนียวแน่นจากเมื่อปี 2016 ทั้งยังเป็นบริษัทที่มีสินทรัพย์สูงที่สุดในโลกด้วย

&nbsp;

<hr />

<a href="http://goo.gl/4PSEG2">คลิกเพื่ออ่านลิสท์ 500 อันดับของ "Forbes Global 2000 บริษัทขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ปี 2017" ได้ในรูปแบบ e-Magazine </a>

<a href="http://goo.gl/4PSEG2"><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b94d33238d01a8ccb0bd6d9a085deb57.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events