<h2>เซ็นทรัลพัฒนา ประกาศความสำเร็จ “Central Park Offices” อาคารสำนักงาน Premium Grade A ในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว เตรียมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบเดือนสิงหาคม 2568 พร้อมตั้งเป้ายอดการเช่าที่ 80% ภายในปีนี้</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจากที่ เซ็นทรัลพัฒนา พัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์ใหม่ ‘Central Park’ ประกอบด้วยศูนย์การค้าและอาคารสำนักงาน ‘Central Park Offices’ โดยทั้งสองส่วนยังเชื่อมโยงกับโรงแรมดุสิตธานี และอาคารที่พักอาศัย ภายในโครงการมิกซ์ยูส Dusit Central Park มูลค่าการลงทุนรวม 46,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยอาคารสำนักงาน ‘Central Park Offices’ ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเป็นอาคารที่มีมีความสูง 43 ชั้น บนพื้นที่เช่า 60,000 ตร.ม. และพื้นที่รวมทั้งโครงการกว่า 440,000 ตร.ม. บนที่ดินขนาด 23 ไร่ ตั้งอยู่ที่มุมถนนสีลม-พระราม 4 ทำเลที่ดีที่สุดใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมวิวที่สวยที่สุดของสวนลุมพินี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Finance, Accounting and Risk Management Officer บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า “เซ็นทรัลพัฒนา ยินดีที่ได้ประกาศความสำเร็จอีกขั้นของการพัฒนาโครงการ Central Park Offices ที่ดำเนินการมาถึงขั้นตอนการปิดงานก่อสร้างโครงสร้างอาคาร (Topping Off Ceremony)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดย Central Park Offices เป็นอาคารสำนักงานแห่งที่ 11 ที่ดีที่สุดของเซ็นทรัลพัฒนา ด้วยเทคโนโลยีที่ใหม่ที่สุด รองรับไลฟ์สไตล์การทำงานของคนเจเนอเรชั่นใหม่ โดยได้รับการตอบรับจากบริษัทชั้นนำทั่วโลกในหลากหลายอุตสาหกรรม อาทิ บริษัทเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก, ฟาร์มาซูติคอล, ไบโอเทค หรือ โลจิสติกส์ เป็นต้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/xeuERYA18KGUgxM9Jf6g.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xeuERYA18KGUgxM9Jf6g.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ ในเฟสแรกจะดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้แก่ผู้เช่าในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และมีแผนขยายฐานผู้เช่ารายใหม่ไปสู่กลุ่มบริษัทระดับโลก (Global Companies) และบริษัทข้ามชาติ (MNC) มากขึ้น เจาะกลุ่มผู้เช่าที่ให้ความสำคัญกับการทำงานในทุกมิติ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในที่เดียว พร้อมมอบคุณภาพชีวิตเหนือระดับ The Future Work/Life For Global Visionaries และสามารถเชื่อมโยงกับความโดดเด่นต่าง ๆ ของกรุงเทพฯ ได้อย่างลงตัว”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับโครงการ Central Park Offices เรียกได้ว่าพร้อมเติมเต็มทุกความต้องการของผู้ประกอบการและผู้เช่าอาคารสำนักงานได้อย่างครบครัน ตอบโจทย์พฤติกรรมของบริษัทยุคใหม่ บนพื้นที่ (GBA) 130,000 ตารางเมตร มอบประสบการณ์การใช้ชีวิตและการทำงานที่เหนือระดับจากจุดเด่น 5 ด้าน ได้แก่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ทำเลศักยภาพหนึ่งเดียวใจกลางเมือง แลนด์มาร์กใหม่แยกพระราม4-สีลม: ศักยภาพที่แข็งแกร่งของทำเลหัวมุมถนนสีลมที่หาไม่ได้ที่ไหนอีกแล้วในกรุงเทพฯ (Prestigious Address) เดินทางสะดวก ไร้รอยต่อ โดยเป็นโครงการลักชัวรีมิกซ์ยูสหนึ่งเดียวที่มี Major Interchange Station ด้วยรถไฟฟ้า 2 สายหลัก ทั้ง BTS สถานีศาลาแดง และ MRT สถานีสีลม ที่เชื่อมต่อกรุงเทพฯ เข้าด้วยกัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/sK5EhHLuk53Cygy6zydM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="sK5EhHLuk53Cygy6zydM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-ครบครันทั้ง Shop – Eat – Work – Play: การออกแบบพื้นที่โครงการที่คำนึงถึง Journey ในทุกส่วนของโครงการมิกซ์ยูส ที่เชื่อมต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการทำงานได้อย่างรอบด้าน ด้วยการออกแบบโครงการที่มีขนาดเหมาะสม (Walkable Proximity &amp; Seamless Integration)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีไฮไลต์สำคัญ อาทิ ศูนย์การค้า Central Park ที่มีความสำคัญต่อการใช้ชีวิตประจำวันของพนักงานบริษัท สามารถใช้ชีวิตอยู่ในโครงการได้แบบ Complete Lifestyle ตั้งแต่มื้อเช้ามี Grab &amp; Go Food, มื้อกลางวันมีตั้งแต่ World-class Street Food ไปจนถึง Business Lunch, สามารถเดิน Shopping หรือ Relax ระหว่างวัน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/VMdiBiXzJhidGsAAATj1.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="VMdiBiXzJhidGsAAATj1.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตอนเย็น Socialize บนรูฟท็อป บาร์ โดย Sugar Ray Group และ Watermelon Group ที่สามารถชมวิวกรุงเทพฯ ได้ 360 องศา มอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับผู้ใช้งานได้แบบ Work/Life Harmony ทำให้ผู้คนรู้สึกอยากมาทำงานและมาใช้ชีวิตเป็นคอมมูนิตี้ของคนทำงานรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ ยังมี at work ซึ่งเป็น Co-Working Space ที่มีทั้งห้องประชุม และทาวน์ฮอลล์สำหรับจัดอีเวนต์หลากหลายรูปแบบ ด้วยดีไซน์ Flexible Space รองรับการทำงานคนรุ่นใหม่ที่ต้องการ Productivity &amp; Creativity&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-การสร้างสรรค์พื้นที่แห่งอนาคต:&nbsp;ด้วยดีไซน์ที่เน้นความยั่งยืน ร่วมกับทีมงาน Award-winning Design Consultant ระดับโลกในการพัฒนาอาคาร พร้อมจุดแข็งของทำเลที่ดีที่สุด เชื่อมต่ออย่างลงตัวกับพื้นที่สีเขียว ทำให้ที่นี่กลายเป็นอาคารสำนักงานระดับโลกที่ผู้คนอยากใช้ชีวิต โดยการออกแบบมุ่งเน้นความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผ่านการรับรองมาตรฐาน LEED Gold, WELL Platinum และ WiredScore Platinum&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-เชื่อมธรรมชาติกับไลฟ์สไตล์คนทำงานอย่างลงตัว: ออฟฟิศในเมืองแห่งแรกที่มีพื้นที่สีเขียว Rooftop Park ขนาด 7 ไร่ ผสานธรรมชาติเข้ากับ Urban Lifestyle ของคนทำงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;-เชื่อมโยงกันทุกองค์ประกอบได้อย่างลงตัว (Unique Exclusivity): ทั้ง Hotel, Residence, Retail, และ Office ซึ่งมีเพียง 1 อาคารต่อ 1 Component ทำให้การใช้ชีวิตมีคุณภาพและสะดวกสบาย และเชื่อมโยงกันอย่างลงตัว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/guZsao5fANi8uTAwZwPM.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="guZsao5fANi8uTAwZwPM.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3" origin-size="720,405"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ตามวิสัยทัศน์ ‘Imagining better futures for all’ เรามุ่งมั่น พัฒนาธุรกิจกลุ่มออฟฟิศให้เติบโตอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10% ต่อปี ภายในระยะเวลา 5 ปี (2567-2571) ด้วยกลยุทธ์พัฒนาออฟฟิศบนทำเลยุทธศาสตร์รอบกรุงเทพฯ ยังคงเป็นแลนด์มาร์กสำคัญของย่าน CBD และย่านเศรษฐกิจนั้นๆ ตอบโจทย์ผู้ใช้งานทุกมิติ ควบคู่กับการรักษามาตรฐานความยั่งยืนระดับโลก” นภารัตน์ กล่าวสรุป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนาจัดงานประกาศความสำเร็จ ณ ชั้นบนสุดของโครงการ ‘Central Park Offices’ โดยมีผู้บริหารตบเท้าเข้าร่วมมากมาย นำโดย วัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ Chief Finance, Accounting and Risk Management Officer, คุณายุธ เดชอุดม Head of Business Development Strategy, จุฑาธรรม จิราธิวัฒน์ Head of Business &amp; Design Development, รัฐกรณ์ เกียรติขจรธาดา Head of Office Commercialization, Office Business, ปริม เสงี่ยมดำรงกุล Head of Office Leasing &amp; Marketing, ธวัชชัย วงศ์ศิริวรรณ Advisor to Chief Development Office และ บุญชัย ทรัพย์อุดมกุล Head of Project Engineering &amp; Innovation ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/PttPHfJzi76eDyEoyChZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="PttPHfJzi76eDyEoyChZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4" origin-size="720,480"></figure></div> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/marketing/property/bdms-wellness-clinic-develop-hercules-project" alt="เครือ BDMS เช่าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ พัฒนา ‘เวลเนสซิตี้’ มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์มูลค่า 25,000 ล้านบาท">เครือ BDMS เช่าที่สำนักงานทรัพย์สินฯ พัฒนา ‘เวลเนสซิตี้’ มิกซ์ยูสคอมเพล็กซ์มูลค่า 25,000 ล้านบาท</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

‘Central Park Offices’ ก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ ให้บริการเต็มรูปแบบ ส.ค. 68 เซ็นทรัลพัฒนาคาดยอดเช่าแตะ 80% ในสิ้นปีนี้

<h2>ปริศนาลึกลับที่สุดในวงการอสังหาริมทรัพย์ของ New York ถูกไขในเดือนกุมภาพันธ์ เมื่อมีการเปิดเผยว่าเศรษฐีพันล้าน Michael Dell เป็นผู้ซื้อห้องเพนท์เฮ้าส์ในตึก One57 ติด Central Park เมื่อปี 2014 ด้วยราคา 100.47 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งทำลายสถิติราคาห้องเพนท์เฮ้าส์ ตึกนี้เป็นส่วนหนึ่งในคลื่นลูกใหม่ของอาคารที่อยู่อาศัยแบบ supertall ใน Manhattan ซึ่งในขณะนั้น ตึก One57 (สูง 1,004 ฟุต) เป็นตึกสูงที่สุดและมีราคาขายสูงเสียดฟ้าเช่นกัน</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-9870" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.1.jpg" alt="" width="638" height="478" />

ทั้งนี้ Dell ไม่ใช่เศรษฐีพันล้านคนเดียวที่เรียก One57 ว่าบ้าน และเมื่อเศรษฐีพันล้านอย่างนักลงทุน Lawrence Stroll ติดประกาศขายบ้านชั้น 85 ของเขาคนอื่นก็มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนสุดพิเศษนี้ได้

<img class="alignnone size-full wp-image-9871" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.2.png" alt="" width="250" height="250" />

ณ ชั้น 89 และ 90

เจ้าของ: Michael Dell
(สินทรัพย์สุทธิ: 2.4 หมื่นล้านเหรียญ)
แหล่งรายได้: คอมพิวเตอร์ Dell
ราคาซื้อ (2014): 100.47 ล้านเหรียญ
ข้อมูลห้อง: 6 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 10,923 ตารางฟุต
ราคาต่อตารางฟุต: 9,198 เหรียญ

<img class="alignnone size-full wp-image-9872" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.3.jpg" alt="" width="638" height="425" />

<img class="alignnone size-full wp-image-9873" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.4.png" alt="" width="250" height="250" />

ชั้น 85 (ประกาศขาย)

LAWRENCE STROLL (2.7 พันล้านเหรียญ)
แหล่งรายได้: ลงทุนในแฟชั่น
ราคาซื้อ (2014): 55.6 ล้านเหรียญ
ราคาขาย: 59 ล้านเหรียญ
ข้อมูลห้อง: 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 6,240 ตารางฟุต
ราคาขายต่อตารางฟุต: 9,455 เหรียญ

<img class="alignnone size-full wp-image-9874" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.5.jpg" alt="" width="638" height="425" />

<img class="alignnone size-full wp-image-9875" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.6.png" alt="" width="250" height="250" />

ชั้น 82

SILAS CHOU และครอบครัว (2.4 พันล้านเหรียญ)
แหล่งรายได้: ลงทุนในแฟชั่น
ราคาซื้อ (2014): 56.1 ล้านเหรียญ
ข้อมูลห้อง: 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 6,240 ตารางฟุต
ราคาต่อตารางฟุต: 8,987 เหรียญ

<img class="alignnone size-full wp-image-9876" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.7.jpg" alt="" width="638" height="425" />

<img class="alignnone size-full wp-image-9877" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/06/99.8.png" alt="" width="250" height="250" />

&nbsp;

ชั้น 75 และ 76

BILL ACKMAN (1.1 พันล้านเหรียญ)
แหล่งรายได้: กองทุนเฮดจ์ฟันด์
ราคาซื้อ (2015): 91.5 ล้านเหรียญ
ข้อมูลห้อง: 6 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 13,554 ตารางฟุต
ราคาต่อตารางฟุต: 6,759 เหรียญ

เพนท์เฮ้าส์ติดพาร์กของมหาเศรษฐีพันล้าน

<h2>ใน New York City มหานครที่เจริญที่สุดและมีตึกระฟ้ามากที่สุดในโลก ได้เกิดสถิติการซื้อขายที่พักอาศัยที่แพงที่สุดอีกครั้งด้วยราคา 100,471,452.77 เหรียญ นั่นคือห้องพัก duplex penthouse ชั้นที่ 89-90 ของอาคารชุดหรู One57 ใกล้สวนสาธารณะ Central Park</h2>
<figure><img class="wp-image-14465 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/08/0.32.jpg" alt="" width="750" height="512" /><figcaption> One57 มองจากสวนสาธารณะ Central Park</figcaption></figure>

ในทะเบียนการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ของ New York City  บันทึกราคาขายห้องชุดดังกล่าวเมื่อ 23 ธันวาคมที่ผ่านมา ปรากฎนามผู้ซื้อเพียง P89-90, LLC ขณะเจ้าของตัวจริงยังคงลึกลับ ทั้งนี้มีรายงานด้วยว่าตัวเลขราคาดังกล่าว เป็นราคาซื้อขายอพาร์ตเมนท์หรือห้องชุดพักอาศัยในเมืองที่สูงสุดเท่าที่เคยมีมา ทำลายสถิติเดิมที่ราคา 88 ล้านเหรียญ ซึ่ง Ekaterina Rybolovleva ลูกสาวของมหาเศรษฐีรัสเซีย Dimitry Rybolovlev จ่ายเป็นค่าห้องชุดชั้น penthouse ที่ 15 Central Park West ซึ่งเคยเป็นของ Sanford Weill อดีตประธาน Citigroup มาก่อน

ห้องชุดที่สร้างสถิติกว่า 100 ล้านเหรีญครั้งนี้ มีพื้นที่ 10,923 ตารางฟุต และเป็นสองชั้นบนสุดของอาคาร One57 ความสูง 1,004 ฟุต ผู้พักอาศัยสามารถมองเห็นทิวทัศน์อันสวยงามของสวนสาธารณะ Central Park ได้ หากเปรียบเทียบกับราคาห้องชุดในอาคารเดียวกันแล้ว นับว่ามีราคาแพงเกือบเป็นสองเท่าของห้องที่มีราคาเป็นอันดับสอง ที่ชั้น 82 ซึ่ง <a href="http://www.forbes.com/profile/silas-chou/">Silas Chou</a> มหาเศรษฐีอันดับ 26 ของ Hong Kong อดีตประธาน Michael Kors Corp ซื้อไว้เมื่อปีที่แล้ว ด้วยราคา 56.1 ล้านเหรียญ ขณะที่มีรายงานว่าเศรษฐีนักลงทุน Bill Ackman จ่ายเงิน 90 ล้านเหรียญเพื่อซื้่อห้องชุด duplex ที่ชั้น 75-76 แต่ดีลดังกล่าวไม่มีการบันทึกอย่างเป็นทางการ

One57 เป็นอาคารที่พักอาศัยสุดหรูสำหรับมหาเศรษฐี กว่าครึ่งของผู้ซื้อเป็นชาวต่างชาติ นอกจากนี้ One57 ยังเคยเป็นอาคารสูงสุดของ Manhattan ในช่วงเวลาสั้นๆ และมักจะถูกร้องเรียนบ่อยๆ ว่าเงาของตัวตึกพาดทับลงไปยัง Central Park ก่อนจะเกิดอาคาร 432 Park Avenue ซึงตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ที่ต่อมาอ้างว่าเป็นอาคารที่พักอาศัยที่สูงที่สุดในซีกโลกตะวันตก ด้วยความสูง 1,396 ฟุต และราคาซื้อขายชั้น penthouse อยู่ที่ราว 95 ล้านเหรียญ

<figure><img class="img-responsive" src="http://forbesthailand.com/uploads/userfiles/images/Forbes%20Life/One57.jpg" alt="" width="720" height="405" /><figcaption> มองจากยอดตึก One57 ลงไปยัง Central Park</figcaption></figure>

&nbsp;

<hr />

เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/erincarlyle/2015/01/19/new-york-citys-most-expensive-sale-ever-100-5-million-penthouse-at-one57/">New York City's Most Expensive Sale Ever: $100.5 Million Penthouse At One57</a> โดย Erin Carlyle

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events