ธนจิรา กรุ๊ป ฉลอง 15 ปี PANDORA ประเทศไทย หลังสร้างการเติบโตพร้อมยอดขายไปแล้วกว่า 5 ล้านชิ้น ล่าสุดกางแผนโชว์กลยุทธ์บุกตลาดวัยรุ่น Gen Z มากขึ้น ด้วยการเล็งเปิดตัว Brand Ambassador จากนักแสดงคู่จิ้นซีรี่ส์วายในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2569 พร้อมรีโนเวทปรับโฉมสาขา Central World ครั้งใหญ่ ซึ่งสาขานี้ถือเป็น Flagship Store ที่ใหญ่สุดในเอเชีย มั่นใจจะกระตุ้นยอดขายสร้างการรับรู้ระยะยาวได้มากกกว่าเดิม
ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แบรนด์เครื่องประดับ Pandora ในประเทศไทย เติบโตมาพร้อมกับการก่อตั้งบริษัทนับตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งในปีนี้ถือเป็นการครบรอบ 15 ปี ที่ Pandora สามารถทำยอดขายเครื่องประดับรวมในไทยไปแล้วกว่า 5 ล้านชิ้น และมียอดขายชาร์มไปแล้วอีกกว่า 2.5 ล้านชิ้น ภายใต้แนวคิด “เครื่องประดับคือเรื่องราวของความทรงจำ” พร้อมสร้าง Community ให้แก่กลุ่มลูกค้าให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม Generation

สำหรับข้อมูล Insight เชิงลึกของกลุ่มผู้บริโภค ธนพงษ์บอกว่า กลุ่มลูกค้าหลักของแบรนด์เป็นกลุ่มคน Gen X มีกำลังซื้อสูง มีที่หน้าที่การงานมั่นคง และนิยมซื้อเครื่องประดับหรือชาร์มของแบรนด์เก็บไว้เป็นความทรงจำในรูปแบบความชื่นชอบของตนเอง เพราะสินค้าแต่ละชิ้นสามารถ Customization ปรับแต่งได้ตามต้องการ รองมาคือกลุ่มคน Gen Y ที่อาจจะกำลังเก็บเงินหรืออยู่ในช่วงสร้างตัว และถัดมาเป็นกลุ่มคน Gen Z ที่จากเดิมเป็นลูกค้าของแบรนด์ไม่ถึง 10% ก็เริ่มขยับเพิ่มมากขึ้นเป็น 1 ใน 3 ของลูกค้าทั้งหมดอีกด้วย
"แม้กลุ่มลูกค้า Gen Z จะยังมีจำนวนน้อยกว่าลูกค้าหลักอย่าง Gen X และ Y แต่คนกลุ่มนี้ก็มียอดใช้จ่ายโดยเฉลี่ยต่อบิลราวๆ 6,000 บาท และยังมีโอกาสผลักดันให้เติบโตได้อีกมาก ปีหน้าเราวางแผนกลยุทธ์ที่จะเปิดตัว Brand Ambassador เป็นครั้งแรกในไทยช่วงเดือนกุมภาพันธ์ปี 2569 ด้วยการดึงเอาศิลปินดังจากกระแสคู่จิ้นซีรี่ส์วายมาสร้างการรับรู้ของแบรนด์และสื่อสารกับคนกลุ่มนี้ให้มากขึ้นเพื่อกระตุ้นยอดขายในระยะยาว โดยช่วงเดือนดังกล่าวจะมีเทศกาลวันวาเวนไทน์ซึ่งถือเป็นเดือนของการสร้างยอดขายได้มากที่สุดจากรายได้ทั้งหมดราว 12-13% รองมาคือช่วงเดือนธันวาคมที่มีเทศกาลรื่นเริงส่งท้ายปีที่ผู้คนจะนิยมซื้อของขวัญมอบให้แก่คนที่เรารัก" ธนพงษ์ กล่าวเสริม

ทั้งนี้ ทางแบรนด์ยังเตรียมแผนที่จะรีโนเวทสาขา Central World ที่มีขนาดพื้นที่ 100 ตร.ม. โดยสาขานี้ถือเป็น Flagship Store ของแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ซึ่งคาดว่าในช่วงกลางปีน่าจะเริ่มปิดปรับปรุงโฉมใหม่ได้เพื่อเปิดให้ทันในช่วงเทศกาลปลายปี
ผู้บริหารของ Pandora ยังบอกด้วยว่า ประเทศไทยถือเป็นตลาดหลักสำคัญในเอเชียแปซิฟิกเพราะมีมูลค่ายอดขายสูงเป็นอันดับ 1-2 ของภูมิภาคและทางต่างประเทศยังเลือกให้ประเทศไทยเป็นฐานที่ตั้งหลักของโรงงานการผลิตที่ส่งขายออกไปยังทั่วโลก และ ณ ปัจจุบันเอง ไลฟ์สไตล์คนหันมานิยมซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ในรูปแบบ E-Commerce มากขึ้น ทางแบรนด์ก็สามารถสร้างยอดขายผ่านออนไลน์ให้เติบโตได้ในระดับ 2 ดิจิตด้วยเช่นกัน
หันมาดูในส่วนของผลประกอบการ 9 เดือนแรกปี 2568 กันบ้าง มีตัวเลขอยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อน โดยเป็นผลมาจากไตรมาส 2 และ 3 ยอดขายโตขึ้น 2% ส่วนไตรมาสแรกมียอดขายชะลอตัวลดลง สาเหตุจากการปรับลดจำนวนสินค้าในแต่ละ Collection จากเดิมมีสินค้าให้เลือกราว 50 SKU ก็ลดลงเหลือเพียง 8 SKU...

และจากปัญหาดังกล่าวที่ทำให้ยอดขายลดลง หลังจากนั้นทางแบรนด์ก็ได้ปรับรูปแบบสินค้าให้เป็นไปในทิศทางเดิม โดยยอดขายของแบรนด์ Pandora นี้ ยังมีสัดส่วนในการสร้างรายได้ให้แก่ ธนจิรา กรุ๊ป มากถึง 85% เมื่อเทียบกับสินค้าแบรนด์ต่างๆ ในเครือที่มีอยู่ 12 แบรนด์ และแบ่งเป็น 4 หมวดหมู่ในการสร้างรายได้ ดังนี้ Lifestyle 48% , Fashion 26% , Beauty & Wellness 19% และ ร้านอาหารอีก 7%

อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าปัจจุบัน Pandora มีจำนวนทั้งสิ้น 53 สาขา แบ่งออกเป็น กรุงเทพฯ และปริมณฑล 41 สาขา และต่างจังหวัด 12 สาขา ได้แก่ เชียงใหม่, โคราช, ขอนแก่น, อุดรธานี, พัทยา 2 สาขา, ศรีราชา, ภูเก็ต 3 สาขา, สมุย และหาดใหญ่ ซึ่งสาขาที่อยู่ใกล้สถานศึกษา ยกตัวอย่าง เช่น สาขา สามย่านมิตรทาวน์นั้น จะมียอดขายพุ่งขึ้นมากในช่วงเปิดเทอม และมียอดขายดร็อปลงในช่วงปิดเทอมด้วยเช่นกัน
ภาพ : PANDORA
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : จากบริษัทที่จะล้มละลาย Hungry Hub ทะยานแตะร้อยล้าน ปีนี้ขยายต่อสู่มาเลเซีย ตั้งเป้าเป็น OTA ร้านอาหารระดับโลก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


