ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล แต่งแบรนด์เติมลุคต่าง “ธนจิรา”

เมื่อ “เพชรสังเคราะห์” จากห้องแล็บ ตอบโจทย์ “คนดัง” และสิ่งแวดล้อม

เมื่อ “เพชรแท้” เริ่มหายาก “เพชรสังเคราะห์” ช่วยตอบโจทย์ผู้บริโภค Gen Z

<h3>'ธนจิรา' ผู้ดำเนินธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายแบรนด์ไลฟ์สไตล์พรีเมียมจากต่างประเทศเผย แพนดอร่า แบรนด์เรือธงของกลุ่มสร้างยอดขายเฉลี่ย 25 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้ พร้อมเผย 2 กลยุทธ์หลักครองใจผู้บริโภคชาวไทย มั่นใจสิ้นปียอดขายแพนดอร่าที่ 28 เปอร์เซ็นต์ ดันผลประกอบการรวมปีนี้ของบริษัทฯ โต 27 เปอร์เซ็นต์</h3>
ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ธนจิรา รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด เผยความมุ่งมั่นตลอด 8 ปี ในการนำเข้าและจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์จากต่างประเทศ พร้อมฉลองครบรอบ 8 ปี แบรนด์ “แพนดอร่า” ในประเทศไทย ด้วยกลยุทธ์สำคัญ มุ่งเน้นการทำตลาดให้เข้ากับบริบทในประเทศ และ สร้างจุดขายผ่านการให้บริการที่ยอดเยี่ยม

“ด้วยทั้งสองกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา แพนดอร่า เติบโตด้วยตัวเลข 2 หลักทุกปี แม้ประเทศไทยผ่านอุปสรรคทางด้านธุรกิจในหลายปีที่ผ่านมา โดยแพนดอร่ามีสัดส่วนยอดขายสูงถึง 65 เปอร์เซ็นต์จากอีกทั้ง 4 แบรนด์ที่เราดูแล ด้วยอัตราการเติบโตสองหลักอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอตั้งแต่ปีแรก และมียอดขายที่มีอัตรา Same Store Growth เฉลี่ยถึง 25 เปอร์เซ็นต์” ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล กล่าวและเสริมว่า

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/715f6c430ced01ac3b1a85ee6295c375.jpg" alt="" width="638" height="425" /><figcaption> 4 แบรนด์ดังของธนจิรา</figcaption></figure>

“ด้วยกลุ่มเป้าหมายหลักที่ชัดเจน เราเจาะกลุ่ม Y-W-N หรือ กลุ่ม Youth-Woman-Netizens กลุ่มผู้หญิงวัยรุ่น และวัยทำงานที่ใช้โซเชียลมีเดียเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต มีความเป็นตัวของตัวเอง คิดและตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีและเหมาะให้แก่ตัวเอง ซึ่งเราจาก 2 กลยุทธ์หลักในเบื้องต้นเราสร้างความเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับชีวิตประจำวัน ขยายสาขา สื่อสารผ่านสื่อเพื่อสร้างความน่าสนใจกับแบรนด์  และ สร้างประสบการณ์และมาตรฐานขาย โดยเรายกระดับแฟล็กชิพสโตว์ ที่ห้างเซ็นทรัล เวิร์ด ด้วยงบประมาณ 28 ล้านบาท”

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8a6af3648210a0511045e6b009a69879.jpg" alt="" width="638" height="444" /><figcaption> สัดส่วนยอดขายจากแบรนด์ แพนดอร่า</figcaption></figure>

โดยปลายปี 2561 ที่เหลือ แพนดอร่า เปิดตัวสองคอลเลกชันคือ PANDORA REFLEXTIONS ที่เปิดตัวในเดือนตุลาคม และ PURELY PANDORA ที่เตรียมเปิดตัวเดือนพฤศจิกายนนี้

“ด้วยการขับเคลื่อนแบรนด์ตามกลยุทธ์ที่กลาวมาข้างต้น ส่งผลให้ปีนี้แพนดอร่ามีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 34 สาขา สามารถขยายฐานกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นทั้งกลุ่มคนไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าเป็นคนไทยถึง 85 เปอร์เซ็นต์ และต่างชาติ 15 เปอร์เซ็นต์ เรามั่นใจสิ้นปีนี้แพนดอร่าเติบโต 28 เปอร์เซ็นต์ และผลักดันให้ผลกระกอบการรวมของบริษัทเติบโต 27 เปอร์เซ็นต์” ธนพงษ์ กล่าวและทิ้งท้ายว่า

“ทั้งนี้แผนปี 2562 เรายังเล็งขยายธุรกิจไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์คนเมือง เพื่อตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์แฟชั่นจากต่างประเทศ เพื่อผลักดันให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้บริษัทตั้งเป้าหมายภายในปี 2563 แพนดอร่าจะมียอดขาย 1,200 ล้านบาท และสามารถนำบริษัทเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ตามแผนโรดแมปในที่สุด เราหวังว่า ธนจิรา ในฐานะบริษัทคนเล็กๆ จะสามารถสร้างชื่อในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคในฐานะผู้นำด้านสินค้าไลฟ์สไตล์ลักชัวรี”

ธนพงษ์ จิราพาณิชกุล พา 'ธนจิรา' เดินตามแผนสู่ความสำเร็จ เผยกลยุทธ์ 8 ปี 'แพนดอร่า' ในไทย โตด้วยตัวเลข 2 หลัก

จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ในปี 2525 ที่กรุง Copenhagen ประเทศเดนมาร์ก วันนี้ Pandora เป็นหนึ่งในแบรนด์เครื่องประดับอัญมณีที่ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศ มีรายได้รวมปี 2558-2559 ที่ราว 1.67 หมื่นล้านโครนเดนมาร์ก (8.94 หมื่นล้านบาท) และ 2.03 หมื่นล้านโครน (1.04 แสนล้านบาท) มีพนักงานทั่วโลกกว่า 21,500 คน จำนวนนี้ 12,400 คน คือช่างฝีมือคนไทยที่ทำงานในฐานการผลิตเพียงแห่งเดียวของ Pandora ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมอัญธานี กรุงเทพมหานคร เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2532 ภายใต้ บริษัท แพนดอร่า โพรดักชั่น จำกัด ซึ่งปีที่แล้วสามารถผลิตเครื่องประดับอัญมณีได้ราว 122 ล้านชิ้น

ล่าสุด Pandora ทุ่มงบ 1.8 พันล้านโครน (ราว 9 พันล้านบาท) สร้างและปรับปรุงฐานการผลิตต่างๆ ตามแผนงานปี 2558-2562 หนึ่งในนั้นคือการสร้างฐานผลิตแห่งที่ 2 บนพื้นที่ 45 ไร่ ในสวนอุตสาหกรรมเครือสหพัฒน์ อ. เมืองลำพูน จ. ลำพูน เริ่มก่อสร้างเดือนสิงหาคม ปี 2558 แล้วเสร็จเดือนตุลาคม ปี 2559 และอวดโฉมอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายเดือนมีนาคมนี้

<img style="width: 680px; height: 383px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/96d645631af08377774920dd20d30cc9.png" alt="" />

โดยมี Per Enevoldsen ผู้ก่อตั้งแบรนด์และผู้บริหารระดับสูงของ Pandora บินตรงจากเดนมาร์กมาร่วมงาน Peder Tuborgh ผู้เป็น Chairman และ Board of Directors ของ Pandora กล่าวว่าเนื่องจากเครื่องประดับแต่ละชิ้นต้องผ่านการสร้างสรรค์ด้วยมือ ดังนั้นจึงเหมาะกับช่างชาวไทยที่มีความละเอียดและมีทักษะงานฝีมือเป็นที่เชื่อมั่นมาตลอด บวกกับลำพูนมีความเหมาะสมด้านการขนส่งเพราะอยู่ไม่ไกลจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่และยังเดินทางไปพื้นที่อื่นได้ง่าย ทำให้ Pandora ยังคงเลือกเมืองไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งโครงการนี้ได้ Lars R. Nielsen ดำรงตำแหน่ง Vice President และ General Manager โรงงานลำพูน เป็นผู้รับผิดชอบ

ด้าน Nils Helander ซึ่งเป็น Senior Vice President ในส่วน Manufacturing และ Managing Director ของแพนดอร่าโพรดักชั่น ให้รายละเอียดโรงงานแห่งใหม่ว่า มีรูปทรงคล้ายสร้อยข้อมือและชาร์ม(จี้ประดับ) ซึ่งเป็นเครื่องประดับขึ้นชื่อของแบรนด์ อาคารโรงงานมีพื้นที่กว่า 21,500 ตารางเมตร และอาคารหน่วยงานต่างๆ มีพื้นที่ราว 8,300 ตารางเมตร สร้างด้วยแนวคิดโรงงานสีเขียวตามมาตรฐาน LEED ขณะนี้มีพนักงานที่ส่วนใหญ่มีพื้นเพในภาคเหนือย้ายจากกรุงเทพฯ มาราว 1,500 คนและรับเพิ่มอีก 200 คน ตั้งเป้าให้มี 5,000 คน ในปลายปี 2561 ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานในท้องถิ่นและผลิตเครื่องประดับได้มากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปีภายในสิ้นปี 2563 บริษัทยังสร้างอาคารฝ่ายผลิตใหม่ในนิคมอุตสาหกรรมอัญธานี คาดว่าจะเริ่มการผลิตได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า และปรับปรุงอาคารฝ่ายผลิตเดิมให้ดีขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/315bea90c77be3ca7f8098db1b39f313.png" alt="" />

รายงานประจำปี 2559 ของ Pandora ระบุว่า ชาร์มสร้างรายได้ให้ 59% สร้อยข้อมือ 18% แหวน 13% และอื่นๆ 10% ส่วนทวีป/ภูมิภาคนั้น EMEA (ยุโรป ตะวันออก-กลาง และแอฟริกา) สร้างรายได้ที่ 47% ทวีปอเมริกา 34% และเอเชียแปซิฟิก 19% Helander กล่าวว่า Pandora จะมุ่งผลิตแหวน ต่างหู และสร้อยคอมากขึ้น แต่จะยังเน้นผลิตชาร์มและสร้อยข้อมือด้วยเช่นเดิมรวมทั้งมุ่งเพิ่มสัดส่วนเอเชียแปซิฟิกให้เป็น 30% ใน 2-3 ปีข้างหน้า มีแรงหนุนจากตลาดจีนที่เติบโตรวดเร็ว และแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัวในหลายประเทศ แต่ก็ไม่กระทบ Pandora เพราะเป็นแบรนด์เครื่องประดับคุณภาพสูงในราคาเข้าถึงได้ และคาดการณ์รายได้ปีนี้ว่าจะเติบโตมากกว่า 10%

“เราเชื่อมั่นในฝีมือช่างชาวไทยที่จะช่วยสร้าง Pandora ไปถึงเป้าหมายที่วางไว้” Helander กล่าวอย่างมั่นใจ

<hr />

<a href="https://goo.gl/PHHCQw">คลิกอ่าน บทความทางด้านธุรกิจและการลงทุน ได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ พฤษภาคม 2560 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/PHHCQw"><img style="width: 300px; height: 396px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/ce332a7d68848adbf8b65d73e9329ca9.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events