คนอเมริกันจะซื้อ iPhone แพงขึ้น 40% รวมลิสต์สินค้าราคาเตรียมพุ่ง หลัง Trump ขึ้นภาษี ‘ข้าวไทย’ ก็อาจโดนด้วย

<h2>Gen Z มักถูกตราหน้าว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นที่ ‘ขี้เกียจ’ กว่าคนรุ่นก่อน อาจด้วยเทรนด์บน TikTok อย่าง ‘การถอนตัวจากการทำงานอย่างเงียบๆ’ (Quiet Quitting) ที่ไม่ได้หมายถึงการออกจริงๆ แต่เป็นสภาวะที่คนๆ หนึ่งไม่ได้ทุ่มเทกับการทำงานหนัก โดยจะทำแค่งานที่อยู่ใน Job Description เท่านั้น และ ‘งานของสาวขี้เกียจ’ (Lazy Girl Jobs) งานที่ทำจากที่ไหนก็ได้ ค่าตอบแทนดี ทั้งยังมี Work-Life Balance เรียกได้ว่าเป็นงานในฝัน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มุมมองความคิดและพฤติกรรมเหล่านี้ทำให้หลายคนมองชาว Gen Z (และอาจรวมถึงมิลเลนเนียลด้วย) ว่าไม่มีความพยายาม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นอาวุโส ยกตัวอย่างเช่น Whoopi Goldberg นักแสดงสาววัย 69 ปีชาวอเมริกันผู้เคยออกมาวิจารณ์คนรุ่นใหม่ที่ไม่อยากทำงานหนักแบบแบบคนรุ่นเดียวกับเธอ และบอกว่านั่นคือสาเหตุที่คนหนุ่มสาวสมัยนี้ไม่สามารถซื้อบ้านได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ยังมี Rick Mercer นักแสดงตลกวัย 54 ปี ชาวแคนาเดียนที่ออกมาร่วมวิจารณ์คนทำงานอายุน้อยอย่างเปิดเผย เสมือนเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ชาว Gen Z บนโซเชียลลุกขึ้นชี้ถึงความสองมาตรฐานของบรรดาคนรุ่นเก่าก่อน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวตั้งตัวตีในการโต้กลับการล้อเลียนคนรุ่นใหม่ที่บ่นการทำงาน 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ของ Mercer คือ Robbie Scott คอนเทนต์ครีเอเตอร์หนุ่มวัย 27 ปี ที่สวนไปว่า คนรุ่น Baby Boomer ไม่รู้หรอกว่าการทำงานหนัก แต่ไม่ได้รับอะไรกลับมาเลยเป็นอย่างไร ซึ่งวิดีโอของเขามีผู้เข้าชมกว่า 2 ล้านคนบน TikTok&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราต้องหยุดคาดหวังว่า คนที่ซื้อบ้านสี่ห้องนอนกับรถ Cadillac คันใหม่เอี่ยมด้วยรายได้ 30,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อปี จะมาเข้าใจชีวิตของคนจบปริญญาโทที่ทำงานมากกว่า 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ยังไม่สามารถหาซื้ออะพาร์ตเมนต์ขนาด 400 ตารางฟุตแถวบ้านนอกอย่างไอโอวาได้” Scott กล่าวในวิดีโอ ชีวิตการทำงานของ Gen Z และมิลเลนเนียล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ทั้ง Gen Z และมิลเลนเนียลมักถูกมองว่าเป็นคนอายุน้อยในออฟฟิศเหมือนกัน แต่ปัจจุบันชาวมิลเลนเนียลส่วนหนึ่งก็มีอายุระหว่าง 30 - 40 ปีกว่าๆ กันแล้ว ทั้งยังได้รับความไว้วางใจในที่ทำงาน ผลสำรวจจาก Resume Genius พบว่า ชาวมิลเลนเนียลเป็นตัวเลือกยอดนิยมในการสรรหาบุคลากรเข้าทำงาน และ 45% ของผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลก็คาดหวังว่าจะจ้างงานกลุ่มคนรุ่นดังกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กระทั่งคนทำงานระดับผู้จัดการที่เป็นชาว Gen Z ยังยอมรับว่ากลุ่มคนรุ่นเดียวกันกับพวกเขานั้นทำงานด้วยยากที่สุด แต่ชาว Gen Z ก็อาจจะมีเหตุผลที่ทำให้พวกเขาขาดแรงใจในการทำงานมากกว่าคนรุ่นก่อนหน้า​<div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/Xf2u1UYckzor4xFJrSK6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="Xf2u1UYckzor4xFJrSK6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,480" style="" data-index="0"></figure></div>​เบื้องหลังความโกรธเกี้ยวของชาว Gen Z&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Scott ยังเผยว่า เหตุผลที่คน Gen Z ดูโกรธเกรี้ยว หวงสิทธิของตัวเอง และบ่นเยอะ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่เต็มใจทำงานเหมือนคนรุ่นเก่า แต่เป็นเพราะพวกเขาไม่ได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสมกลับมาเลย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ที่แย่คือ เราปฏิบัติตามบรรทัดฐานของสังคมมาโดยตลอด” Scott อธิบาย “เราไปโรงเรียน ไปมหาวิทยาลัย เรายังทำงานกันตั้งแต่อายุ 15-16 ทำทุกอย่างที่พวกคุณบอกให้เราทำ เพื่อที่จะอะไรล่ะ? ยังต้องอยู่บ้านพ่อแม่ทั้งที่อายุ 20 ปลายๆ แล้วอย่างนั้นหรือ?”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สิ่งที่เขาพูดมา นับว่ามีประเด็น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มิลเลนเนียลคือกลุ่มคนรุ่นที่ได้รับการศึกษาสูงสุดในปัจจุบัน และ Gen Z กำลังตามมาติดๆ แต่โอกาสทางการเงินและโอกาสในการได้รับการจ้างงานของพวกเขากลับริบหรี่กว่าคน Gen X เสียอีก ตลาดงานในปัจจุบันก็ยังโหดร้ายมาก รายงานจาก Career Group เผยว่าคนหางานราว 20% ต้องใช้เวลา 10-12 เดือน หรืออาจมากกว่า โดยไร้โชคใดๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซ้ำร้าย บัณฑิตจบใหม่ทั้งหลายยังต้องเผชิญคำพูดจากผู้บริหารธุรกิจต่างๆ ที่บอกว่า ใบปริญญาของพวกเขามีค่าเพียงน้อยนิด และรายงานจาก LinkedIn เผยว่า ในสหราชอาณาจักร มีประกาศรับสมัครงานที่ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเพิ่มขึ้นมากถึง 90% ระหว่างปี 2021-2022&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วนฝั่งสหรัฐอเมริกาที่มีปัญหาเรื่องเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา ผลสำรวจจาก Bankrate ก็แสดงให้เห็นมุมมองอันน่าสะเทือนใจ โดย 24% ของชาวอเมริกันที่มีภาระหนี้จากการกู้ยืมเงินเพื่อการศึกษามองว่า หนี้ดังกล่าวคือความเสียดายด้านการเงินครั้งใหญ่ในชีวิตของพวกเขา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับคนรุ่นใหม่ที่หางานได้ ก็ต้องพบความจริงที่ว่า เงินเดือนที่พวกเขาได้รับไม่ได้มีมูลค่าเทียบเท่าสมัยรุ่นพ่อรุ่นแม่ของพวกเขา เพื่อซื้อบ้านราคากลางๆ ที่ราคา 433,100 เหรียญ ชาวอเมริกันคนหนึ่งต้องมีรายได้ประมาณ 166,600 เหรียญต่อปี แต่รายงานของ Census ชี้ว่ารายได้เฉลี่ยของแต่ละครัวเรือนทุกวันนี้อยู่ที่ 78,538 เหรียญต่อปี แน่นอนว่าสำหรับตำแหน่งระดับเริ่มต้น รายได้ของพวกเขาก็น้อยกว่านั้นราวครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อมองให้ลึกลงไป จะพบว่าราคาบ้านเพิ่มขึ้นเร็วกว่ารายได้ถึง 2 เท่า นับตั้งแต่เข้าสู่ปี 2000 เป็นต้นมา กลายเป็นปัจจัยกดดันให้คนทำงานรุ่นใหม่ในปัจจุบันต้องทำงานถึง 3 งานหรือมากกว่า เพื่อไล่ตามค่าครองชีพที่พุ่งสูงให้ทัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผมรู้จักคนอายุ 30 กลางๆ ที่ทำงานมา 20 ปีแล้ว พวกเขาใช้เวลายามตื่น 70% เพื่อทำงาน และตอนนี้ก็ยังไม่สามารถซื้อบ้านหลังแรกได้เลย” Scott เล่าและเสริมว่า “คนรุ่นมิลเลนเนียลและ Gen Z กำลังทำงานเยอะกว่าที่คนรุ่นอื่นเคยทำมา ในขณะที่เราได้รับผลตอบแทนน้อยกว่าคนรุ่นอื่นเอามากๆ และยังไม่สมน้ำสมเนื้อด้วย”​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/BoJgm5CBqfdSKsrsHGaw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,480px" data-align="center" data-file-name="BoJgm5CBqfdSKsrsHGaw.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,480" data-origin="720px,480px" style="width: 720px; height: 480px;" data-index="1"></figure></div> เหยื่อบรรทัดฐานอันหลอกลวง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเปรียบเทียบสถานการณ์ระหว่างคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันกับคนรุ่นก่อนๆ อย่างชัดเจนของ Scott นั้น ถูกใจบรรดาคนอายุน้อยที่ต่างก็รู้สึกว่าพวกเขาถูกผลักดันให้ไล่ตามความฝันที่ไม่มีทางเป็นจริง ทำให้วิดีโอของเขากลายเป็นไวรัล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ฉันจะไม่มีวันหยุดเสียใจที่ไปเรียนมหาวิทยาลัย” ผู้ใช้งาน TikTok รายหนึ่งแสดงความคิดเห็นหนึ่งบนวิดีโอดังกล่าว “พวกเขาหลอกลวงเรา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“งานแรกที่ฉันทำตอนอายุ 16 ได้เงิน 7.25 เหรียญต่อชั่วโมง สิบปีต่อมาฉันจบปริญญาตรีและทำงานได้เงิน 14 เหรียญต่อชั่วโมง” อีกความคิดเห็นหนึ่งร่วมแบ่งปันเรื่องราวของตัวเอง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;กระทั่งคน Gen X ที่มาดูวิดิโอของ Scott ยังเห็นด้วยว่าคนทำงานทุกวันนี้ลำบากกว่าสมัยก่อนมาก มีผู้ใช้งานรายหนึ่งเผยว่า “ฉันอายุ 44 แล้ว และจะบอกอะไรให้นะ เรา ‘ไม่ได้’ กำลังทำงาน 40 ชั่วโมงเหมือนที่ฉันเคยทำตอนอายุ 25 ตอนนี้เราทำงานในส่วนของ 2-3 คนเลยล่ะ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม มีผู้ที่เห็นต่างด้วยเช่นกัน “พวกเธอไปเรียนสาขาที่ช่วยให้หางานรายได้ดีไม่ได้เอง แล้วก็มาคร่ำครวญว่าเป็นความผิดของทุกคน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แล้วคุณล่ะ คิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้? แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://fortune.com/article/gen-z-work-ethic-vs-millennials-problem-habits-young-adults-workplace-employees/" alt="Gen Z are over having their work ethic questioned: ‘Most boomers don’t know what it’s like to work 40+ hours a week and still not be able to afford a house’">Gen Z are over having their work ethic questioned: ‘Most boomers don’t know what it’s like to work 40+ hours a week and still not be able to afford a house’</a>​ ภาพ:Photo by&nbsp;<a href="https://www.pexels.com/photo/a-woman-sitting-at-the-table-4959781/" alt="Kaboompics.com">Kaboompics.com</a>&nbsp;and&nbsp;<a href="https://www.pexels.com/photo/couple-people-laptop-working-6963048/" alt="Mikhail Nilov">Mikhail Nilov</a>&nbsp;on PexelsRobbie Scott via TikTok เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/other/baby-boomer-and-gen-x-plans-to-spend-money-for-themselves" alt="ดับฝันทายาทเศรษฐี! Boomer และ Gen X ขอเปย์ตัวเอง ดีกว่าส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน">ดับฝันทายาทเศรษฐี! Boomer และ Gen X ขอเปย์ตัวเอง ดีกว่าส่งต่อเป็นมรดกให้ลูกหลาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เปิดใจชาว Gen Z แท้จริงไม่ได้เรื่องมาก “แต่ชีวิตมันยากกว่าคนรุ่นก่อน”

<h2>คุณเคยจินตนาการว่าตัวเองได้เก็บข้าวของและย้ายไปอยู่ประเทศอื่นบ้างหรือเปล่า? ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวหรอกที่คิดแบบนี้ ข่าวดีคือหากคุณเลือกจุดหมายปลายทางถูกต้องแล้วละก็ แผนการนี้ก็ไม่ได้ใช้เงินเยอะขนาดนั้น</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;InterNations เผยรายงาน Expat Insider 2024 ซึ่งสำรวจความคิดเห็นของผู้คนที่ย้ายถิ่นฐานไปพักอาศัยและทำงานในต่างประเทศทั่วโลก พบว่า เวียดนาม คือประเทศที่มีค่าครองชีพเป็นมิตรที่สุดติดต่อกันเป็นปีที่ 4&nbsp;อ้างอิงรายงานหัวข้อ Personal Finance Index โดยมีเกณฑ์ 3 ข้อ ได้แก่ ค่าครองชีพทั่วไป ความพึงพอใจในสถานการณ์ทางการเงินของตัวเอง และรายได้หลังหักภาษีเพียงพอจะอำนวยให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย ผู้เข้าร่วมทำแบบสำรวจจะต้องให้คะแนนเกณฑ์ต่างๆ ตั้งแต่ 1 (แย่มาก) ถึง 7 (ดีมาก)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าชาวต่างชาติผู้ย้ายมาพำนักในเวียดนามให้คะแนนเกณฑ์ต่างๆ ในเชิงบวก กว่าครึ่งพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าค่าครองชีพในเวียดนามนั้นดีมาก ชาวอเมริกันรายหนึ่งบอกกับ InterNations ว่า “ผู้คนที่นี่เป็นมิตรสุดๆ และค่าครองชีพก็ถูกมาก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ค่าครองชีพไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ทำให้เวียดนามคว้าอันดับ 1 ไปครอง มีชาวต่างชาติเพียง 3% เท่านั้นที่ย้ายมาประเทศแห่งนี้ด้วยเหตุผลทางการเงิน เหตุผลสำคัญข้ออื่น ได้แก่ เวียดนามมี Work-Life Balance ที่หลายคนใฝ่ฝัน และรายได้จากการทำงานที่สมเหตุสมผล&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าเวียดนามจะไม่มีข้อเสียเลย เพราะในหัวข้อ Quality of Life Index เวียดนามกลับอยู่ที่อันดับ 40 จากจุดหมายปลายทางทั้งหมด 53 แห่ง โดยคะแนนด้านสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศค่อนข้างต่ำ ชาวต่างชาติผู้ย้ายมาพำนักหลายคนกังวลเรื่องคุณภาพอากาศ สภาพแวดล้อมในเมือง ตลอดจนสินค้าและบริการรักษ์โลกที่ยังไม่มากเพียงพอ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงาน Expat Insider 2024 ยังพบว่าประเทศใน 10 อันดับแรกที่มีค่าครองชีพเป็นมิตรกับชาวต่างชาติที่สุด ส่วนใหญ่แล้วเป็นประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมีถึง 4 ประเทศ รองลงมาคือประเทศกลุ่มละตินอเมริกาซึ่งตั้งอยู่ในอเมริกากลางและอเมริกาใต้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;10 อันดับประเทศที่ค่าครองชีพเป็นมิตรกับชาวต่างชาติที่สุดในโลก ได้แก่&nbsp; &nbsp; 1. เวียดนาม&nbsp; &nbsp; 2. โคลอมเบีย&nbsp; &nbsp; 3. อินโดนีเซีย&nbsp; &nbsp; 4. ปานามา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. ฟิลิปปินส์&nbsp; &nbsp; 6. อินเดีย&nbsp; &nbsp; 7. เม็กซิโก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;8. ไทย&nbsp; &nbsp; 9. บราซิล&nbsp; &nbsp; 10. จีน ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/09/q16exuomSwZ4ZZQRUQS8.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="q16exuomSwZ4ZZQRUQS8.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="2000,2500" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.forbes.com/sites/laurabegleybloom/2024/08/31/the-worlds-most-affordable-country-to-live-according-to-a-new-report/" alt="The World’s Most Affordable Country For Expats To Live">The World’s Most Affordable Country For Expats To Live</a>​ข้อมูลเพิ่มเติมจาก&nbsp;<a href="https://www.internations.org/expat-insider/" alt="Expat Insider 2024">Expat Insider 2024</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/origin-campaign-land-for-condo-cbd" alt="‘ที่ดินแลกคอนโดใจกลาง CBD’ แคมเปญใหม่จากออริจิ้น แก้ Pain Point ให้ Lanlord">‘ที่ดินแลกคอนโดใจกลาง CBD’ แคมเปญใหม่จากออริจิ้น แก้ Pain Point ให้ Lanlord</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

10 อันดับประเทศที่ค่าครองชีพเป็นมิตรกับชาวต่างชาติที่สุดในโลก

<h2>ชาว Gen Z กำลังเผชิญช่วงเวลาอันยากลำบาก ทำงานหาเงินใช้เดือนชนเดือน ลืมเรื่องการสร้างเนื้อสร้างตัวไปได้เลย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้ใหญ่ชาว Gen Z และมิลเลนเนียลราว 38% เชื่อว่าพวกเขากำลังประสบความไม่มั่นคงทางการเงินสูงกว่าที่รุ่นพ่อรุ่นแม่เคยเจอเมื่ออายุเท่ากัน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากปัญหาเศรษฐกิจ อ้างอิงจากรายงานล่าสุดของ Bankrate โดย Gen Z คือนิยามเรียกผู้ที่เกิดระหว่างปี 1996-2012&nbsp; &nbsp;&nbsp;Bankrate พบว่า ยามเผชิญกับค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น 53% ของคน Gen Z วัยทำงานยังบอกด้วยว่าพวกเขาหารายได้เสริมมากเสียยิ่งกว่าคนรุ่นอื่นๆ อีก เพื่อให้มีเงินใช้เพียงพอต่อค่าใช้จ่ายรายเดือน น้อยคนนักจะได้เก็บออมเงินสำหรับอนาคต&nbsp; &nbsp;&nbsp;“แน่นอนว่านี่เป็นความท้าทายใหญ่หลวง” Laurence Kotlikoff ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยบอสตันและประธานบริษัทซอฟต์แวร์ช่วยวางแผนทางการเงิน MaxiFi กล่าว “ผู้ปกครองต้องตระหนักว่าเด็กๆ กำลังมีปัญหา” ชาว Gen Z ต้องฝ่าอุปสรรคนานัปการเพื่อความมั่นคงทางการเงิน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้เพิ่มความยากลำบากต่อผู้คนที่กำลังเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัว กว่าครึ่ง (53%) ของชาว Gen Z เผยว่าค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นกลายเป็นกำแพงขวางกั้นไม่ให้พวกเขาไปถึงความสำเร็จทางการเงิน อ้างอิงจากผลสำรวจโดยธนาคารแห่งอเมริกา&nbsp; &nbsp;&nbsp;นอกเหนือจากค่าอาหารและที่อยู่อาศัยที่แพงกว่าเดิมแล้ว ชาวมิลเลนเนียลและ Gen Z ยังต้องเผชิญอุปสรรคทางการเงินอื่นๆ ที่รุ่นพ่อรุ่นแม่ของพวกเขาไม่เคยเจอตอนยังหนุ่มยังสาว ไม่เพียงแค่ค่าจ้างที่พวกเขาได้รับจะน้อยกว่าสมัยพ่อแม่อายุ 20-30 กว่าๆ พวกเขายังต้องแบกรับหนี้ก้อนโตจากเงินกู้เพื่อการศึกษา&nbsp; &nbsp;&nbsp;ประมาณสามในสี่ของชาวอเมริกัน Gen Z บอกว่าเศรษฐกิจทุกวันนี้ทำให้พวกเขาไม่อยากตั้งเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว และสองในสามก็เผยว่าพวกเขาอาจไม่มีวันมีเงินพอสำหรับเกษียณ ตามข้อมูลจากรายงาน Prosperity Index Study โดย Intuit คนรุ่นใหม่ยังมีเวลาเป็นแต้มต่อพอให้ตั้งตัว&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ชีวิตของชาวอเมริกันอายุน้อยไม่ได้สบายนักท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ทุกๆ ความพยายามที่พวกเขาทุ่มเทสร้างความมั่นคงทางการเงินจะผลิดอกออกผลแน่นอน” Sarah Foster นักวิเคราะห์จาก Bankrate กล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;เธอเสริมว่า ชาว Gen Z ยังมีข้อได้เปรียบสำคัญคือเวลา พวกเขายังมีเวลาเก็บออมอีกนานสำหรับเป้าหมายในระยะยาว เช่น การเกษียณ&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ให้ความสำคัญกับการลงทุนในตัวเอง จ่ายหนี้ให้หมด และเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นโดยการเก็บออมทั้งสำหรับระยะสั้นและระยะยาว” Foster แนะนำ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ยิ่งเริ่มต้นเร็วเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยทบต้นมากขึ้นเท่านั้น เมื่อเงินที่หาได้ถูกนำไปลงทุนซ้ำ ก็จะงอกเงยยิ่งขึ้นไปอีก&nbsp; &nbsp;&nbsp;Matt Schulz หัวหน้านักวิเคราะห์จาก LendingTree บอกแก่ CNBC ว่า ไม่มีทางลัด แต่มีพฤติกรรมทางการเงินบางประการที่จะให้ผลตอบแทนแน่นอน “ส่วนใหญ่แล้วเรื่องเกี่ยวกับการออมเงินนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสามารถทำกันได้ง่ายๆ”&nbsp; &nbsp;&nbsp;“ก็เหมือนกับการมีไลฟ์สไตล์สุขภาพดีนั่นแหละ แค่ต้องทำเรื่องที่ถูกต้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความอดทน” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.cnbc.com/2024/01/18/gen-z-says-they-have-it-harder-than-their-parents-did.html" alt="Gen Z says they have it harder than their parents did — and the economy is to blame">Gen Z says they have it harder than their parents did — and the economy is to blame</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/scb-eic-thai-economy-recover-among-challenges" alt="เศรษฐกิจไทยปี 67 ไหวแค่ไหน? เมื่อคนไทยเป็นหนี้นาน-พึ่งงานนอกระบบ">เศรษฐกิจไทยปี 67 ไหวแค่ไหน? เมื่อคนไทยเป็นหนี้นาน-พึ่งงานนอกระบบ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เพราะเป็น Gen Z จึงเจ็บปวด! เงินเดือนน้อย ค่าครองชีพสูง ไร้เงินเก็บเกษียณ 

<h2>ผลสำรวจ Worldwide Cost of Living โดย EIU ประจำปี 2023 พบว่า ราคาสินค้าทั่วไปกว่า 400 รายการเพิ่มขึ้น 7.4% โดยเฉลี่ย เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาเมื่อพิจารณาจากสกุลเงินท้องถิ่นต่างๆ แต่นับว่าน้อยกว่าปี 2022 ที่เพิ่มขึ้นถึง 8.1% อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวของที่เพิ่มขึ้นยังคงสูงกว่าตัวเลขระหว่างปี 2017-2021</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้ผลสำรวจในปีนี้จะครอบคลุมเมืองหลัก 173 แห่งทั่วโลก แต่ทีมงานได้มีการตัดเมืองเคียฟ (ซึ่งไม่ได้มีการสำรวจในปี 2022) และการากัส (ที่กำลังเผชิญภาวะเงินเฟ้อรุนแรงอย่างต่อเนื่อง) ออกไปจากการคำนวณหาค่าเฉลี่ย เช่นเดียวกับปีก่อนหน้า&nbsp; &nbsp;&nbsp;สิงคโปร์และซูริกคือสองเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดประจำปีนี้ โดยซูริกขยับขึ้นจากอันดับ 6 เมื่อปีที่แล้วมาเข้าร่วมกับสิงคโปร์แทนที่นิวยอร์กที่ตกลงไปอันดับ 3&nbsp; &nbsp;&nbsp;สำหรับสาเหตุที่ซูริกหวนคืนสู่อันดับ 1 เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก สืบเนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินฟรังก์สวิส และการขึ้นราคาสินค้าอุปโภคและบริโภครวมถึงค่าใช้จ่ายด้านสันทนาการ&nbsp; &nbsp;&nbsp;ในภาพรวม 10 อันดับแรกของเมืองที่มีค่าครองชีพสูงสุดในปี มีดังต่อไปนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;1. ซูริก, สวิตเซอร์แลนด์ และ สิงคโปร์ (อันดับร่วม)&nbsp; &nbsp;&nbsp;3. นิวยอร์ก, สหรัฐอเมริกา และ เจนีวา, สวิตเซอร์แลนด์ (อันดับร่วม)&nbsp; &nbsp;&nbsp;5. ฮ่องกง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;6. ลอสแอนเจลิส, สหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;7. ปารีส, ฝรั่งเศส&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;8. เทลอาวีฟ, อิสราเอล และ โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก (อันดับร่วม)&nbsp; &nbsp;&nbsp;10. ซานฟรานซิสโก, สหรัฐอเมริกา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ การสำรวจนี้จัดทำขึ้นก่อนสงครามอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตราการแลกเปลี่ยนในอิสราเอล และอาจส่งผลต่อราคาทำให้ให้การจัดหาสินค้าต่างๆ ในเทลอาวีฟเป็นไปอย่างยากลำบากยิ่งขึ้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;ค่าสาธารณูปโภค (ค่าพลังงานและค่าน้ำในครัวเรือน) ทั่วโลกเผชิญภาวะเงินเฟ้อช้าที่สุดเทียบกับค่าใช้จ่ายหมวดหมู่อื่นที่ได้จัดจำแนกไว้ในการสำรวจครั้งนี้ แม้ในปี 2022 ค่าสาธารณูปโภคจะเป็นหมวดหมู่ที่มีราคาเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดก็ตาม ซึ่งการที่ค่าดังกล่าวปรับตัวลดลงน่าจะเป็นผลจากการที่ราคาพลังงานซึ่งเคยพุ่งทะยานเมื่อครั้งรัสเซียบุกยูเครนนั้นลดลงมา&nbsp; &nbsp;&nbsp;ตรงกันข้าม หมวดหมู่สินค้าบริโภคมีราคาเพิ่มขึ้นไวที่สุด ภาวะเงินเฟ้อในอาหารทั่วโลกนั้นยากจะคลี่คลาย เมื่อบรรดาผู้ผลิตและค้าปลีกเลือกส่งต่อค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แก่ผู้บริโภคผ่านการขึ้นราคา อีกทั้งเหตุการณ์ต่างๆ อันเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหาสภาพภูมิอากาศทวีความรุนแรงได้เพิ่มความเสี่ยงแก่ฝั่งผู้จัดหาวัตถุดิบอย่างหนัก&nbsp; &nbsp;&nbsp;ทาง EIU ประเมินว่า นอกเหนือจากการลดความตึงเครียดในการผลิตวัตถุดิบแล้ว นโยบายการเงินอันเข้มงวดของธนาคารกลางสหรัฐฯ ถือเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาภาวะเงินเฟ้อในประเทศ โดยยังระบุอีกว่า เงินต่างประเทศหลายสกุลมีค่าเงินแข็งกว่าสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2023&nbsp; &nbsp;&nbsp;สองปัจจัยนี้เองทำให้เมืองในสหรัฐฯ 22 แห่งที่มีการเก็บข้อมูลมีอันดับลดลง แม้นิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส และซานฟรานซิสโกจะยังรั้งอยู่ใน 10 อันดับแรกก็ตาม โดยค่าครองชีพในนิวยอร์กเพิ่มขึ้น 1.9% สินค้าบริโภค เช่น ไข่ และเนื้อวัว ตลอดจนกิจกรรมสันทนาการมีราคาสูงขึ้น แต่หมวดหมู่อื่นๆ เช่น น้ำมัน และเสื้อผ้า ยังคงทรงตัว&nbsp; &nbsp;&nbsp;ตรงกันข้าม เมืองต่างๆ ในละตินอเมริกาและยุโรปตะวันตกกลับมีค่าครองชีพสูงขึ้น เมืองในเม็กซิโกอย่างซานเตียโกเดเกเรตาโรและอากวัสกาเลียนเตสไต่ขึ้นมากอันดับที่สุด ด้วยค่าเงินเปโซที่กลับกลายเป็นสกุลเงินแข็งที่สุดในตลาดเกิดใหม่ของปี 2023 ซ้ำยังได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและการลงทุนภายในประเทศที่แข็งแกร่ง&nbsp; &nbsp;&nbsp;ฝั่งยุโรป เมืองต่างๆ มีอันดับสูงขึ้นเช่นกัน ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ดูจะไม่บรรเทาลงโดยง่าย ตลอดจนค่าเงินยูโรและสกุลเงินท้องถิ่นอื่นๆ ในภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้น&nbsp; &nbsp;&nbsp;ค่าครองชีพฝั่งเอเชียดูจะมีค่าครองชีพเพิ่มขึ้นน้อยที่สุดโดยเฉลี่ย สี่เมืองในประเทศจีน (หนานจิง, อู๋ซี, ต้าเหลียน และปักกิ่ง) กับสองเมืองในญี่ปุ่น (โอซาก้าและโตเกียว) คือบรรดาเมืองที่มีอันดับตกลงอย่างมากในปีนี้&nbsp; &nbsp;&nbsp;“การเปลี่ยนแปลงราคาอย่างรุนแรงในฝั่งผู้จัดหาวัตถุดิบซึ่งพาให้ค่าครองชีพในปี 2021-2022 พุ่งขึ้น กลับเบาบางลงหลังจีนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ในช่วงปลายปี 2022 ในขณะที่การขึ้นราคาพลังงานหลังรัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ก็บรรเทาลงเช่นกัน”&nbsp; &nbsp;&nbsp;Upasana Dutt หัวหน้า Worldwide Cost of Living ของ EIU กล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;“อย่างไรก็ตาม วิกฤตค่าครองชีพยังคงยากจะยุติ และตัวเลขค่าครองชีพยังคงสูงกว่าในอดีตมาก เราคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังชะลอตัวลงต่อเนื่องในปี 2024 ขณะที่ผลกระทบที่ล่าช้าของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเริ่มจะกระทบกิจกรรมทางเศรษฐกิจและความต้องการของผู้บริโภคตามลำดับ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทว่ายังคงมีความเสี่ยงอีกด้าน สถานการณ์อิสราเอล-ฮามาสที่บานปลายอาจพาราคาพลังงานพุ่งสูง ส่วนผลกระทบใหญ่หลวงเกินคาดของภาวะเอลนีโญ่อาจดันราคาอาหารให้แพงขึ้นเช่นกัน” แปลและเรียบเรียงจาก <a href="https://www.eiu.com/n/singapore-and-zurich-top-the-list-as-the-worlds-most-expensive-cities/" alt="Worldwide Cost of Living: Singapore and Zurich top the ranking as the world’s most expensive cities">Worldwide Cost of Living: Singapore and Zurich top the ranking as the world’s most expensive cities</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/2567-salary-rise-survey" alt="ส่องเงินเดือนปี 67 ปรับเพิ่ม 15-25% องค์กรพร้อมทุ่มซื้อใจพนักงาน">ส่องเงินเดือนปี 67 ปรับเพิ่ม 15-25% องค์กรพร้อมทุ่มซื้อใจพนักงาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

สิงคโปร์-ซูริก ขึ้นแท่นเมืองค่าครองชีพแพงสุดในโลก ปี 2023

<h2>งานวิจัยเผย เด็กและเยาวชนหันมาใส่ใจเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น กับคำถามที่ว่าครอบครัวของพวกเขามีเงินเพียงพอหรือไม่ สูงกว่าความกังวลเรื่องสิ่งแวดล้อมและอาชญากรรมเสียอีก</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หนึ่งในสิบของเยาวชนอายุระหว่าง 10-17 ปีต่างเป็นทุกข์กับชีวิต อ้างอิงจากรายงานผลการศึกษาโดยองค์กร Children,s Society&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จากการประมาณในรายงาน พบว่าเด็กและเยาวชนกว่า 2 ล้านคนในสหราชอาณาจักรต่างวิตกกังวลกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเหนือปัญหาสิ่งแวดล้อ โดยเกือบ 3 ล้านคนปราศจากความรู้สึกเชิงบวกต่ออนาคตของประเทศหรือกระทั่งของโลกก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความมั่นคงทางการเงินในอนาคตคือปัญหากวนใจเยาวชนรุ่นใหม่กันมากที่สุด กว่าหนึ่งในสามของเยาวชนกังวลว่าจะมีเงินพอใช้สำหรับภายภาคหน้าหรือเปล่า สี่ในห้าของพ่อแม่หรือผู้ปกครองเองก็คิดมากเรื่องผลกระทบของค่าครองชีพที่มีต่อครอบครัวเช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานดังกล่าวยังเปิดว่าเด็กผู้หญิงมีความสุขน้อยกว่าเด็กผู้ชายเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต ยกเว้นงานที่โรงเรียน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ชีวิตยากเกินไปสำหรับเด็กหลายคน” Mark Russell ซีอีโอของ Children,s Society กล่าว “กลายเป็นเรื่องฉาวระดับชาติเมื่อความสุขของเด็กๆ ถดถอยลงเรื่อยๆ น่าตกใจจริงๆ ที่เกือบครึ่งของเยาวชนรู้สึกเศร้ากับสถานการณ์โลกทุกวันนี้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราต้องการผู้นำแท้จริงจากรัฐบาลเพื่อแก้ไข” เขาเสริม “ความจำเป็นในการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีต้องเด็กๆ เร่งด่วนมาก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Nil Gzelgun ผู้จัดการนโยบายและแคมเปญจากองค์กรด้านสุขภาพจิตเผยว่า “เยาวชนกำลังแบกรับผลกระทบจากวิกฤตค่าครองชีพอันเลวร้ายยิ่งในรุ่นนี้ เกือบหนึ่งในสามของเด็กๆ ชาวอังกฤษต้องเผชิญความยากจน จึงเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจที่น่าเศร้าเหลือเกินเมื่อเด็กหลายคนกำลังรับรู้ถึงผลกระทบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกรายงานผลการศึกษาที่เผยแพร่ในวันเดียวกันโดยองค์กรการกุศล Trussell Trust พบว่าครึ่งหนึ่งของแรงงานครัวเรือนที่มีชื่อในประกันสังคมที่เรียกว่า Universal Credit ต่างขาดแคลนอาหารในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา และไม่สามารถหาซื้อเพิ่มได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Universal Credit คือสิทธิประโยชน์หลักของชาวสหราชอาณาจักรสำหรับผู้มีรายได้น้อยหรือตกงาน มีประชาชนมาขอเบิกเงิน 6 ล้านคน อัตราปกติคืออย่างน้อย 140 ปอนด์ต่อเดือนซึ่งต่ำกว่าค่าอาหาร พลังงาน และปัจจัยพื้นฐานอื่นๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผลการศึกษาซึ่งคาดคะเนว่าผู้ได้รับสิทธิประโยชน์จาก Universal Credit ราว 700,000 คนต้องหันไปพึ่งพาอาหารจากการกุศลในเดือนสิงหาคม ทั้งยังพบว่าหลายครอบครัวต้องดิ้นรนประหยัดพลังงาน พวกเขามีแนวโน้มจะอดอาหารบางมื้อและไม่อาบน้ำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Russell กล่าวว่าในกรณีนี้มีความน่าประหลาดใจอยู่นิดหน่อยตรงที่งานวิจัยของ Children,s Society ชี้ว่าความสุขโดยรวมของเยาวชนตกลงสู่จุดต่ำสุดนับตั้งแต่มีการสำรวจครั้งแรกเมื่อ 12 ปีก่อน โดยคนรุ่นใหม่มีความทุกข์เกี่ยวกับปัจจัยหลักทุกอย่างของชีวิตกว่าแต่ก่อน ยกเว้นแค่ครอบครัวของพวกเขาเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Jonathan Townsend ซีอีโอแห่งองค์กรการกุศล Prince,s Trust กล่าวว่าผลการศึกษาเหล่านี้เป็นดั่ง “แจ้งเตือนอันชัดเจนว่าค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นส่งผลลบต่อความเป็นอยู่ที่ดีของเยาวชนและความหวังในอนาคตของพวกเขา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ก่อนหน้านี้ เราเผยแพร่ผลวิจัยซึ่งแสดงให้เห็นว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและแรงกดดันทางการเงินที่มีมาอย่างต่อเนื่องนั้น กัดกินความทะเยอทะยานด้านการงานอาชีพและเป้าหมายในชีวิตของเยาวชน โดยส่วนใหญ่รู้สึกหวั่นวิตก ขาดความมั่นใจ และสิ้นหวังเกี่ยวกับแผนการในอนาคต” Townsend อธิบาย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Barry Fletcher ซีอีโอแห่งมูลนิธิ Youth Futures Foundation เผยว่าเยาวชนจำนวนมากกว่า 790,000 คนไม่มีงานทำและไม่ได้อยู่ในระบบการศึกษาหรือฝึกฝนใดๆ คิดเป็น 23% เพิ่มขึ้นตลอดสองปที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราจำเป็นต้องหาทางออกระยะยาวซึ่งสนับสนุนเยาวชน ช่วยให้พวกเขาได้ทำงานที่มีคุณภาพ และมีอนาคตที่สดใส” Fletcher กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทาง Children,s Society กำลังเรียกร้องให้มีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับเด็ก ต้องมีตำแหน่งรัฐมนตรีระดับสูงรับผิดชอบเรื่องของเยาวชนทั้งในรัฐบาลสหราชอาณาจักรและเวลส์ เพื่อให้ทางรัฐบาลสามารถตรวจสอบความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรมประจำทุกปี โดยเฉพาะสำหรับเด็กผู้หญิง”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แปลและเรียบเรียงจาก Children worry more about rising prices than environment or crime, study finds ซึ่งเผยแพร่บน theguardian.com &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp; &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/preview/71364" alt="หรือเปียโนจะสูญสิ้น? เมื่อออสเตรเลียขาดแคลนช่างจูนเสียง">หรือเปียโนจะสูญสิ้น? เมื่อออสเตรเลียขาดแคลนช่างจูนเสียง</a> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

เยาวชนสหราชอาณาจักรหวั่น ค่าครองชีพพุ่งสูง กระทบความมั่งคงทางการเงิน

ดีลอยท์ ประเทศไทยเผย กลุ่ม เจนซี และ มิลเลนเนียลกังวลเรื่องค่าครองชีพมากที่สุด

<h2 class="p1">Mercer บริษัทผู้นำด้านการให้คำปรึกษาชั้นนำระดับโลก เผยผลการจัดอันดับ “เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก ประจำปี 2022” เพื่อสะท้อนให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อหรือแม้แต่สงครามยูเครน ล้วนส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายที่นายจ้างต้องพิจารณาในการโอนย้ายลูกจ้างไปปฏิบัติงานในต่างประเทศ</h2>
<img class="alignnone wp-image-65109" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/07/135e01ded864418d8f699bec_cut_800x500_117.jpeg" alt="“เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก”" width="720" height="450" />
ในบรรดากว่า 400 เมืองทั่วโลก “Hong Kong” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก” สำหรับชาวต่างชาติ จากการเปรียบเทียบราคาสินค้า 200 รายการ อาทิ ที่อยู่อาศัย อาหาร และของใช้ในครัวเรือน เพื่อช่วยให้นายจ้างสามารถออกแบบแพ็คเกจค่าตอบแทนอย่างสมเหตุสมผลที่สุด
ทว่าหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดูเหมือนว่า ขณะนี้บริษัทหลายแห่งได้อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้ ฉะนั้นรายงานการจัดอันดับครั้งนี้จึงมีการนำดัชนีวัดค่าความอ่อน-แข็งค่าของแต่ละสกุลเงินมาร่วมพิจารณาด้วย
“เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นจากการระบาดใหญ่ คือ ผู้คนตื่นขึ้นมา และตระหนักว่าคุณสามารถทำงานได้จากทุกที่” Vince Cordova พาร์ตเนอร์จาก Mercer's CareerPractice group กล่าว ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า รายงานฉบับนี้จะช่วยให้ “นายจ้างเข้าใจว่าพนักงานของพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนสูงสุดจากเงินที่จ่ายได้อย่างไร”
นอกเหนือจากข้อมูลค่าครองชีพแล้ว Mercer ยังชี้ให้เห็นว่า สงครามยูเครน การเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราเงินเฟ้อกำลังบั่นทองค่าจ้างและเงินออมของพนักงาน และในบรรดาเมืองต่างๆ ในสหรัฐฯ Cordova กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อราคาในบางพื้นที่มากกว่าที่อื่นๆ
ตัวอย่างเช่น Los Angeles (อันดับ 17) รั้งอันดับที่เหนือกว่า San Francisco (อันดับ 19) เนื่องจากอัตราค่าเช่าที่สูงเกินจริงในบริเวณ Bay Area พื้นที่ที่เต็มไปด้วยบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง ซึ่งอนุญาตให้ทำงานทางไกลได้ เป็นต้น ขณะที่ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา รายงานจากอะพาร์ตเมนต์ <a style="color: #008000;" href="https://www.sfgate.com/realestate/article/Bay-Area-rental-prices-below-pandemic-17172167.php">Apartment List</a> ระบุว่า พื้นที่บริเวณ San Francisco-Oakland-Berkeley เป็นเมืองสุดท้ายในสหรัฐฯ ที่มีอัตราค่าเช่าต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาด
อย่างไรก็ดี ดังที่กล่าวไปแล้วข้างต้น เหล่าพนักงานและนายจ้างต่างตระหนักดีว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องอยู่ในสำนักงานเพื่อให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกต่อไปแล้ว
“ถ้าคุณต้องไปสำนักงานใหญ่เพียงสัปดาห์ละ 2 วันหรือน้อยกว่านั้น คุณสามารถหาที่พักที่ตั้งอยู่ไกลๆ ได้จริงๆ” Matthew Kahn ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์แห่ง University of Southern California ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับลักษณะการทำงานทางไกลในอีก 5 ถึง 10 ปีกล่าว “คุณสามารถหาที่พักในรัศมี 80 ไมล์ 100 ไมล์จากใจกลางเมือง นี่เป็นการเปิดโอกาสที่เป็นไปได้มากมาย”
ขณะที่บริษัทต่างๆ จะต้องเผชิญกับพื้นที่สำนักงานที่ว่างเปล่า แต่การทำงานทางไกลจะยังคงอยู่ตลอดไป “บริษัทที่แสวงหาผลกำไรสูงสุดโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ จะพยายามทดลองให้มีนโยบายทำงานจากบ้าน เพื่อให้พนักงานรู้สึกพึงพอใจ เนื่องจากพนักงานที่ทำงานดีมักมีทางเลือก มิเช่นนั้นบริษัทจะต้องประสบปัญหาด้านทรัพยากรบุคคลอย่างไม่มีทางเลือก”
ทั้งนี้ แม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับค่าครองชีพในเมืองต่างๆ แต่ Cordova ยืนยันว่า พนักงานไม่เพียงกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในเมืองที่พวกเขาอยู่ แต่ยังรวมถึงคุณภาพชีวิตของพวกเขาในสถานที่เหล่านั้นด้วย ฉะนั้นบริษัทต่างๆ จึงควรให้ความสนใจกับประเด็นเหล่านี้ด้วยเช่นกัน หากพวกเขาต้องการเพิ่มการจ้างงานในระดับประเทศและในระดับโลก
เพราะอัตราเงินเฟ้อปรับตัวแตะระดับสูงสุดในรอบ 40 ปี ทำให้พนักงานจำนวนมากยินดีที่จะโยกย้ายถิ่นฐาน และยึดติดกับสำนักงานลดน้อยลง
พบกับ “10 เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก ประจำปี 2022” โดย Mercer บริษัทผู้นำด้านการให้คำปรึกษาชั้นนำระดับโลก

<ol class="ol1">
 	<li class="li2">HongKong เขตปกครองพิเศษของสาธารณรัฐประชาชนจีน </li>
 	<li class="li2">Zurich สวิตเซอร์แลนด์</li>
 	<li class="li2">Geneva สวิตเซอร์แลนด์</li>
 	<li class="li2">Basel สวิตเซอร์แลนด์</li>
 	<li class="li2">Bern สวิตเซอร์แลนด์</li>
 	<li class="li2">Tel Aviv อิสราเอล</li>
 	<li class="li2">New York City สหรัฐอเมริกา </li>
 	<li class="li2">Singapore สิงคโปร์</li>
 	<li class="li2">Tokyo ญี่ปุ่น</li>
 	<li class="li2">Beijing สาธารณรัฐประชาชนจีน</li>
</ol>
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ These Global Cities Have The Highest Cost Of Living เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/commentaries/insights/%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%84%e0%b8%a1-buffett-%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%82%e0%b8%b2%e0%b8%94%e0%b8%97%e0%b8%b8%e0%b8%99%e0%b8%8a%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%87.html">ทำไม Buffett ไม่กลัวขาดทุนช่วงเงินเฟ้อ?</a>
<div class="single-content-writer-box">
<div>

<hr />

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a style="color: #003300;" href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</div>

การจัดอันดับ “เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก” ประจำปี 2022

<h2>iPrice สำรวจภาวะค่าครองชีพชาวอาเซียนภายใต้สถานการณ์โควิด พบคนกรุงเทพ ค่าครองชีพพุ่ง สวนทางรายได้ลด ค่ากิน ค่าอยู่เป็นรองสิงคโปร์ เวียดนาม สวรรค์ของอีคอมเมิร์ซ สตาร์ทอัพ ค่าตอบแทนสูง ด้านกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย เมืองที่มีราคาน่าคบหา</h2>
iPrice Group บริษัทวิจัยตลาดออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้รวบรวมข้อมูลจากเว็บไซต์ numbeo.com และเก็บข้อมูลจากชาวต่างชาติ (คละสัญชาติ) กว่า 500,000 คน ที่อาศัยอยู่ ณ เมืองหลวงของประเทศนั้นๆ ทั้งหมด 6 ประเทศหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ มาเลเซีย, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, เวียดนาม รวมไปถึงประเทศไทย ได้ข้อมูลที่น่าสนใจ ดังนี้

 

กรุงเทพฯ ค่าครองชีพพุ่ง มีค่าใช้จ่ายเกินรายรับ

จากการเก็บข้อมูล พบว่า เงินเดือนโดยเฉลี่ยของชาวกรุงเทพฯ อยู่ที่ 26,502 บาท แต่กลับมีข้อมูลค่าครองชีพรวมโดยเฉลี่ยสูงถึง 33,032 บาท ถือว่ามีรายจ่ายเกินรายรับพื้นฐานอยู่มากพอตัว และเมื่อนำเมนูอาหาร Fast Food ยอดนิยมอย่างชุดเซ็ตชีสเบอร์เกอร์จากแมคโดนัลมาเปรียบเทียบใน 6 ประเทศ ยังพบว่า อาหารเมนูนี้ในกรุงเทพฯ มีราคาแพงเป็นอันดับที่ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรองแค่สิงคโปร์เท่านั้น (กรุงเทพฯ 150 บาท และสิงคโปร์ 175 บาท)

ผลสำรวจ ยังพบด้วยว่า ค่าครองชีพหลักๆ ที่จำเป็น เช่น ค่าเช่าที่อยู่อาศัยที่กรุงเทพฯ สูงเป็นอันดับที่ 3 (12,942 บาท) และค่าเดินทางสูงเป็นอันดับที่ 2 (1,040 บาท) ซึ่งเป็นรองเพียงสิงคโปร์อีกเช่นเคย

นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจคือ กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีค่าเทอมโรงเรียนนานาชาติสูงเป็นอันดับที่ 1 (25,000 บาท) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายต่างกันเกือบครึ่งจากเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามที่สูงเป็นอันดับที่ 2 (14,666 บาท) ซึ่งอาจมีเหตุผลจากการที่ไทยเป็นประเทศ Non-speaking นั่นเอง

ขณะที่ สิงคโปร์ เป็นเมืองที่มีค่าครองชีพสูง แต่คุณภาพชีวิตสูงตามไปด้วย ซึ่งจากข้อมูล พบว่า ถึงแม้ค่าครองชีพจะสูงแต่ก็สมน้ำสมเนื้อกับรายรับ และรายจ่าย โดยชาวสิงคโปร์มีอัตราเงินเดือนเฉลี่ยอยู่ที่ 118,075 บาท แต่มีค่าเช่าที่อยู่อาศัยเฉลี่ย 46,686 บาท หรือราวร้อยละ 39 ของเงินเดือน ต่างจากค่าเช่าที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ ที่สูงถึงร้อยละ 48 ของเงินเดือน หรือค่าเช่าที่อยู่อาศัยในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนามที่แพงที่สุดในภูมิภาคถึงร้อยละ 71 ของเงินเดือน

แต่ทั้งนี้ถ้าเปรียบเทียบค่าครองชีพที่ว่าสูงในสิงคโปร์ยังไม่เกินรายรับ (เงินเดือนโดยเฉลี่ย) เหมือนเมืองหลวงส่วนใหญ่ในภูมิภาค และค่าครองชีพโดยรวมของสิงคโปร์ คือ 76,770 บาท เป็น 1 ใน 2 ประเทศของภูมิภาคที่มีรายรับมากกว่ารายจ่าย (อีกเมืองคือกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย)

 

กัวลาลัมเปอร์ เมืองที่มีค่าครองชีพน่าคบหาในภูมิภาค

มาเลเซีย เป็นประเทศที่มีชายแดนติดกับประเทศไทยในแบบที่ว่านั่งรถไปได้ และเป็นอีกหนึ่งประเทศ English Speaking ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผลสำรวจค่าครองชีพในกัวลาลัมเปอร์ เมืองหลวงของมาเลเซีย พบว่า กัวลาลัมเปอร์มีค่าเช่าที่พักอาศัยถูกที่สุดในภูมิภาคโดยเฉลี่ยเพียง 9,044 บาทเท่านั้น ขณะที่มีเงินเดือนเฉลี่ยสูงเป็นอันดับที่ 2 (34,209 บาท) เป็นรองเพียงสิงคโปร์

นอกจากค่าที่พักถูกแล้ว ค่าสินค้าและบริการต่างๆ เช่น บัตรชมภาพยนตร์ (91 บาท) และค่าน้ำดื่มขนาด 1.5 ลิตร (11 บาท) ถือว่าถูกที่สุดด้วยเช่นกัน รวมทั้งกัวลาลัมเปอร์เป็นเมืองที่มีรายจ่ายน้อยกว่ารายรับ 1 ใน 2 เมืองจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อีกเมืองคือสิงคโปร์) โดยมีค่าครองชีพเฉลี่ยรวม 24,566 บาท ในขณะที่เงินเดือนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 34,209 บาท

ขณะที่ ฟิลิปปินส์ ถือเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพถูกที่สุดในภูมิภาค โดยข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ ในมะนิลาจะมีราคาถูก แต่ก็เป็นเมืองที่มีอัตราเงินเดือนโดยเฉลี่ยน้อยที่สุดในภูมิภาคด้วยเช่นกัน (12,277 บาท) ในขณะที่มีค่าเช่าที่พักอาศัยเฉลี่ยที่ 14,137 บาท ซึ่งสูงกว่าเงินเดือน และมะนิลายังเป็นเมืองที่มีค่าตั๋วหนังเฉลี่ยแพงเป็นอันดับ 2 รองจากสิงคโปร์อีกด้วย (มะนิลา 162 บาท และสิงคโปร์ 280 บาท)

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการออกไปหาประสบการณ์ที่มะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ คือ การได้ฝึกภาษาแบบจัดเต็ม เพราะแทบจะทุกคนสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ และยังใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาราชการ เป็นเหตุผลที่ค่าเทอมในโรงเรียนนานาชาติของเมืองมะนิลามีราคาถูกที่สุด (9,750 บาท) ถ้าเทียบกับประเทศ English Speaking ทั้งหมดในภูมิภาค และมะนิลายังเป็นเมืองที่มีค่าอาหาร Fast Food ชุดเซ็ตชีสเบอร์เกอร์จากแมคโดนัลถูกที่สุดในภูมิภาคอีกด้วย (78 บาท)

 

โฮจิมินห์ ฐานทัพของอี-คอมเมิร์ซ

สำหรับเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม อาจไม่เหมาะสำหรับการย้ายถิ่นฐานไปหาประสบการณ์ โดยมีค่าเช่าที่พักอาศัยเฉลี่ยสูงถึง 10,767 บาท สูงที่สุดในภูมิภาคเมื่อนำมาเทียบกับเงินเดือน ในขณะที่เงินเดือนโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 15,071 เท่านั้น ยังไม่นับรวมค่าครองชีพพื้นฐานโดยรวมที่สูงถึง 25,396 บาท ซึ่งสูงกว่ารายรับเกือบเท่าตัว ค่าเดินทางแม้จะถูกที่สุดในภูมิภาคที่ 135 บาท แต่อาจเป็นเพราะไม่มีรถไฟฟ้า หรือการโดยสารที่คล่องตัวนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการใช้ชีวิตอยู่ในเมืองโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม คือ หากอยากลองหางานแนวอีคอมเมิร์ซ หรือสตาร์ทอัพ ที่นี่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดทั้งเจ้าเล็ก เจ้าใหญ่ โดยปีที่ผ่านมา มีอัตราคนเข้าชมเวบไซต์อีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น 11% เป็นอันดับ 2 รองจากอินโดนีเซีย อ้างอิงจากงานวิจัย Map of E-commerce ของ iPrice Group ยิ่งถ้ามีทักษะทางภาษา อาจลองยื่นเรื่องไปฝึกงาน หรือหางานที่มีตำแหน่งสูง ๆ ได้ไม่ยาก

สำหรับจาการ์ต้า ประเทศอินโดนีเซีย คืออีกหนึ่งประเทศที่มีค่าใช้จ่ายเกินรายรับ มีค่าครองชีพโดยรวมเฉลี่ยถึง 26,305 บาท ในจำนวนค่าครองชีพนี้มีค่าเช่าที่พักอาศัยรวมอยู่ 9,610 บาท ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อดีของจาการ์ต้า เพราะมีค่าเช่าที่พักอาศัยน้อยที่สุดรองจากเมืองกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย มีเงินเดือนโดยเฉลี่ยพื้นฐานอยู่ที่ 14,922 บาท น้อยที่สุดในภูมิภาค

สำหรับค่าสาธารณูปภาคพื้นฐานอย่าง ค่าน้ำ 1.5 ลิตร (11 บาท), ค่าเดินทาง (216 บาท), ค่าอาหาร Fast Food (108 บาท), หรือค่าตั๋วหนัง (108 บาท) ในจาการ์ต้าถือว่ามีราคาน่าคบหา แม้จะไม่ถูกที่สุดในภูมิภาค แต่ก็อยู่ในเรตราคาต่ำ ไปถึงราคากลางเท่านั้น

การระบาดของโควิด 19 เริ่มเห็นแสงสว่างจากจำนวนการฉีดวัคซีนที่มากขึ้นในหลายประเทศ ทำให้หลายประเทศเริ่มเข้าสู่สภาวะฟื้นตัว คนเริ่มวางแผนชีวิตหลังโควิดเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าเดิม และหนึ่งในแผนการยอดนิยมก็คือ ‘การออกไปเรียนรู้และหาประสบการณ์นอกประเทศ’ และหนึ่งในข้อมูลที่ได้รับการค้นหามากที่สุดก็คือ ‘ค่าครองชีพ’ ของแต่ละประเทศ ที่ส่วนใหญ่ผู้คนจะนำมาเปรียบเทียบกับคุณภาพชีวิตในประเทศไทยเพื่อประกอบการตัดสินใจ

<img class="alignnone wp-image-46842 size-large" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/messageImage_1623651627121-786x1024.jpg" alt="ค่าครองชีพพุ่ง" width="640" height="834" />

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/commentaries/investment-outlook/%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A0%E0%B8%84-%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87.html">“พฤติกรรมผู้บริโภค” หลังเศรษฐกิจเปิดใหม่อีกครั้ง</a>

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a> 

&nbsp;

iPrice สำรวจคนกรุงเทพ ค่าครองชีพพุ่ง ติดอันดับบนในอาเซียน

<h2>วิกฤตค่าเงินของตุรกียังระส่ำต่อเนื่อง ล่าสุดอัตราเงินเฟ้อทำสถิติใหม่เเตะ 24.52 % สูงสุดในรอบ 15 ปี ผลจากการอ่อนค่าลงของค่าเงินลีรา ด้านประชาชนเดือดร้อนหนัก รับผลราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น</h2>
Turkish statistics office (TUIK) สำนักงานสถิติของตุรกี เปิดเผยรายงานดัชนีราคาผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน พุ่งสูงขึ้นถึง 24.52% เมื่อเทียบกับในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 15 ปี โดยในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ตุรกียังคงมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 17.9% โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าการคาดการณ์ของ Bloomberg ซึ่งเคยคาดว่าจะอยู่ที่ 21.1%

<div class="text_exposed_show" style="display: inline; font-family: system-ui, -apple-system, system-ui,;">

โดยธนาคารกลางตุรกี ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ระดับ 24% เมื่อเดือนที่ผ่านมา เพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม ค่าเงินลีรากลับอ่อนค่าลงถึง 40% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ ทำให้อัตราเงินเฟ้อของตุรกีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ประกอบกับความตึงเครียดกรณีพิพาทด้านการทูตระหว่างสหรัฐและตุรกี

<img style="width: 638px; height: 331px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/575090e7f8f6488d6274dedbb5d58d8d.jpg" alt="" />

ด้านผลกระทบในตลาด เหล่าผู้ผลิตสินค้าเตรียมปรับขึ้นราคา หลังอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาสินค้าทั่วไปในตุรกีปรับราคาสูงขึ้นอีก 10% ในเดือนกันยายน เเละราคาสินค้าทั้งหมดในตุรกีปรับขึ้นถึง 46% นับตั้งเเต่ต้นปีนี้เป็นต้นมา ขณะที่ตลาดการเงิน ต่างกังวลเกี่ยวกับการควบคุมนโยบายการเงินของประธานาธิบดี Recep Tayyip Erdogan ที่เข้าเเทรกเเซงการจัดการภาวะเงินเฟ้อของธนาคารกลางตุรกี

โดยสำนักสถิติตุรกี ระบุว่าสินค้าต่างๆ เเพงขึ้นกว่าเดือนที่เเล้วเกือบทุกชนิด เช่น ราคาเสื้อผ้าปรับขึ้น 4% เฟอร์นิเจอร์เเละเครื่องใช้ในบ้านเรือนปรับขึ้น 11.4% รวมถึงค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้น 9.15% ราคาอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้น 6.4%



ที่มา

<ul>
 	<li style="margin: 6px 0px; font-family: inherit;">https://www.bloomberg.com/news/articles/2018-10-03/turkish-inflation-climbs-to-24-5-percent-as-lira-takes-its-toll</li>
 	<li style="margin: 6px 0px; font-family: inherit;">https://www.reuters.com/article/us-turkey-economy-inflation/turkey-inflation-surges-to-nearly-25-percent-in-sept-highest-in-15-years-idUSKCN1MD0TP</li>
</ul>


แปลเเละเรียบเรียง : ศิริลักษณ์ หาพันธ์นา
ภาพ : AFP Photo


</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events