<h2>Gardens of Eden (การ์เด้น ออฟ อีเดน) มิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ แห่งล่าสุดบนหาดบางเทา จ.ภูเก็ต ภายใต้การพัฒนาของกลุ่มบริษัทอมัล (Amal Group of Companies) ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับนานาชาติ เดินหน้าก่อสร้างเฟส 1 ในพิธีวางศิลาฤกษ์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 ตอบรับดีมานด์อันแข็งแกร่งของตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ทั้งไทยและต่างชาติ พร้อมเปิดตัวเฟสที่ 2 “Park Residences” (ปาร์ค เรสซิเดนเซส) ที่อยู่อาศัยจำนวน 441 ยูนิต</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการ Gardens of Eden ตั้งอยู่บนหาดบางเทา ย่านเชิงทะเล ทำเลทองของภูเก็ต ครอบคลุมพื้นที่กว่า 73 ไร่ ด้วยการลงทุนของ DPD Invest จากดูไบครั้งแรกในภูเก็ต มูลค่าถึง 11,000 ล้านบาท (ประมาณ 315 ล้านเหรียญสหรัฐ) ประกอบด้วยเฟสแรก ‘Eden Residences’ (อีเดน เรสซิเดนเซส) อะพาร์ตเมนต์หรูจำนวน 141 ยูนิต ตั้งอยู่ริมชายหาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;และเฟสที่สอง ‘Park Residences’ (ปาร์ค เรสซิเดนเซส) ตั้งอยู่ใจกลางโครงการ โอบล้อมด้วยสวนสีเขียว จำนวน 441 ยูนิต ใช้เวลาเดินทางโดยรถยนต์เพียง 5 นาทีไปยังภูเก็ตโบ๊ทลากูน (Phuket Boat Lagoon) ท่าจอดเรือ และหมู่บ้านวิถีชีวิตทางทะเลเต็มรูปแบบแห่งแรกของประเทศไทย และ 30 นาทีโดยรถยนต์จากสนามบินนานาชาติภูเก็ต 30 นาทีจากโรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Eden Residences (เฟสที่ 1) ประกอบด้วยห้องชุดหรูหราระดับไฮเอนด์ 141 ยูนิต แบ่งเป็น 5 แบบ ตั้งแต่ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 75-85 ตารางเมตร ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 110-120 ตารางเมตร ไปจนถึงเพนต์เฮ้าส์ 3-4 ห้องนอน ขนาด 200-400 ตารางเมตร นอกจากนี้ยังมีห้องชุดแบบดูเพล็กซ์ ขนาด 120-200 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวและพื้นที่ใช้สอยส่วนตัว​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/U8RjAv72unoXwXCge1Zm.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="U8RjAv72unoXwXCge1Zm.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,441" style="" data-index="0"><figcaption><div>Eden Residences</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตัวอาคารพักอาศัยตั้งอยู่บนพื้นที่แปลงที่ 1 ขนาด 16,000 ตารางเมตร ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการก่อสร้างเฟสแรก โดยมีพิธีวางศิลาฤกษ์อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2567 หลังจากเปิดตัวในปลายปี 2566 ปัจจุบันราคากระโดดสูงขึ้นมากกว่า 40%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ส่วน Park Residences (เฟสที่ 2) มีห้องชุดหลากหลายขนาด ตั้งแต่ห้องชุด 1 ห้องนอน ขนาด 48-56 ตารางเมตร ห้องชุด 2 ห้องนอน ขนาด 78-100 ตารางเมตร ห้องชุด 3 ห้องนอน ขนาด 122-156 ตารางเมตร และห้องชุด 4 ห้องนอน ขนาด 220 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวกกลางแจ้งมากมาย ราคาเริ่มต้น ตารางเมตรละ 160,000 บาท – 240,000 บาท​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 497px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/DU9QRLsScmv7qJde6yCS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="497px,248px" data-align="center" data-file-name="DU9QRLsScmv7qJde6yCS.jpg" data-file-size="0" origin-size="720,360" data-origin="497px,248px" style="width: 497px; height: 248px; transform: rotate(0deg);" data-index="1"><figcaption style="margin-top: 0px;"><div>Park Residences</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนั้น ภายในอาณาจักร Gardens of Eden จะปลูกต้นไม้พื้นเมืองมากกว่า 1,000 ต้น และจัดสรรพื้นที่ 70% เป็นพื้นที่สีเขียวและสวนแนวตั้ง ซึ่งจะออกแบบแนวไบโอฟิลิก (Biophilic Design) รวมถึงการส่งเสริมวิถีชีวิตที่มีสุขภาพดีผ่านสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อาทิ ศูนย์สุขภาพขนาด 5,000 ตารางเมตร และสวนสาธารณะขนาด 5 เฮกเตอร์ พร้อมเส้นทางออกกำลังกายสำหรับการเดิน วิ่ง และขี่จักรยาน และจุดออกกำลังกายที่กว้างขวาง สวนออร์แกนิก สระน้ำลากูนบรรยากาศสไตล์ทรอปิคอล ทะเลสาบ ไปจนถึงคิดส์คลับ 2 แห่ง สวนน้ำขนาดเล็ก 1 แห่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/c33nHhwB5G8YP5kThouk.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="c33nHhwB5G8YP5kThouk.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,327" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยความโดดเด่นเหล่านี้ของโครงการ Gardens of Eden ได้ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มลูกค้าและนักลงทุนระดับโลกทั้งในยุโรปและเอเชีย สร้างความแตกต่างในตลาดโครงการที่พักอาศัยสุดหรู ที่มีการแข่งขันอย่างดุเดือดบนเกาะภูเก็ต โดยเฉพาะในทำเลทองอย่าง “บางเทา”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ยานา ชูวาโลฟ (Yana Chuvalova) ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด กล่าวว่า “Park Residences ในเฟส 2 เป็นอีกก้าวสำคัญของวิสัยทัศน์ที่มุ่งเน้นการสร้างแดนสวรรค์แห่งความหรูหราระดับเหนือชั้น ท่ามกลางความงามบริสุทธิ์ของภูเก็ต ด้วยการสนับสนุนอันมั่นคงจากนักลงทุนของเราในดูไบ เราไม่เคยหยุดยั้งที่จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์ทุกมิติของโครงการนี้ให้ออกมาอย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่การออกแบบที่พิถีพิถัน ไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกที่ยอดเยี่ยม เรามุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยที่ผสมผสานกับธรรมชาติ ครอบครัว และชุมชน ที่สำคัญคือปลอดภัยและมั่นคง”​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/i4TrEV96K9ZRNJrKiTcb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="i4TrEV96K9ZRNJrKiTcb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,468" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อีกหนึ่งความพิเศษของโปรเจกต์ที่อยู่อาศัยเฟสใหม่นี้ คือการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อมที่ได้รับการรับรองในระดับสากล เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนด้วยการสร้างชีวมณฑลทางธรรมชาติที่ยั่งยืนอย่างระมัดระวัง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตลอดทั้งการพัฒนาได้รับการสนับสนุนจากแนวทางปฏิบัติด้านการอนุรักษ์พลังงานระดับแนวหน้า และมีพื้นที่ธรรมชาติอันสมบูรณ์ เพื่อให้เด็กๆ ได้เจริญเติบโตในชุมชนที่ปลอดภัย โดยโซนที่อยู่อาศัยจะถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นที่เพียง 30% ในขณะที่ 70% จะเป็นพื้นที่สีเขียว และที่จอดรถทั้งหมดจะอยู่ชั้นใต้ดิน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/05/ueA95h8JBuDVBK56tVGp.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ueA95h8JBuDVBK56tVGp.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="720,441" style="" data-index="4"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มาร์ติน พัลเลรอส (Martin Palleros) สถาปนิกผู้นำทีม กล่าวว่า “ในขณะที่ Eden Residences เน้นย้ำความสวยงามของชายหาด Park Residences ยังคงมอบประสบการณ์ที่ใกล้ชิดธรรมชาติผ่านสวนสาธารณะและสวนสวย โดยเน้นที่สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเป็นหัวใจสำคัญ ดังนั้นแนวคิดการออกแบบแบบ Biophilic Design (การออกแบบที่เน้นเชื่อมโยงมนุษย์กับธรรมชาติ) ถูกนำเสนออย่างชัดเจนในเฟส 2 โครงการมีพื้นที่เปิดโล่งมากขึ้น ชักชวนให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติ พื้นที่เหล่านี้เชื่อมโยงกันจนกลายเป็นชุมชนแห่งสุขภาพ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของโครงการ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน ราวี จันดราน (Ravi Chandran) ที่ปรึกษาฝ่ายกิจการองค์กร ผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ และเป็นผู้อาศัยในภูเก็ตมากว่า 25 ปี กล่าวว่า “วิสัยทัศน์สีเขียวของภูเก็ตมีความสำคัญ ไม่เพียงแค่ภายใน Gardens of Eden แต่ยังรวมไปถึงพื้นที่โดยรอบด้วย&nbsp; &nbsp; "ภูเก็ตเป็นสถานที่พิเศษในหัวใจผม ผมเชื่อว่า Amal เป็นผู้พัฒนาโครงการที่โดดเด่น มุ่งมั่นที่จะอยู่เคียงข้างและลงทุนในอนาคตของเกาะและชุมชน โดยเริ่มต้นจากการสร้างโครงการคุณภาพและมาตรฐานระดับโลก Gardens of Eden ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วในชุมชนท้องถิ่น โดยมีเป้าหมายที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นต่อไป ผ่านโครงการด้านการศึกษาร่วมกับโรงเรียนนานาชาติบริติช (British International School) และโครงการด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกับสมาคมโรงแรมภูเก็ต (Phuket Hotels Association) อีกด้วย” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/property/singha-estate-launched-shawn-2-locations" alt="‘สิงห์ เอสเตท’ ส่งแบรนด์ใหม่ ‘SHAWN’ บ้านเดี่ยวลักชัวรี่ 2 ทำเลกรุงเทพฯ ตะวันออก ราคาเริ่ม 19 ล้าน เจาะกลุ่ม Young Successor">‘สิงห์ เอสเตท’ ส่งแบรนด์ใหม่ ‘SHAWN’ บ้านเดี่ยวลักชัวรี่ 2 ทำเลกรุงเทพฯ ตะวันออก ราคาเริ่ม 19 ล้าน เจาะกลุ่ม Young Successor</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

เริ่มสร้างแล้ว Gardens of Eden มิกซ์ยูสหรูใหม่ใน ‘ภูเก็ต’ ทุนจากดูไบ มูลค่ากว่า 11,000 ล้านบาท

<h2>จ.ภูเก็ตที่ได้รับการขนานนามว่าไข่มุกแห่งอันดามันยังคงดึงดูดนักท่องเที่ยวทั่วโลกกว่า 10 ล้านคน/ปี ให้เดินทางมาสัมผัสความงามแห่งท้องทะเลได้อยู่เสมอ แม้จะมีโรงแรมหรูเปิดให้บริการนักท่องเที่ยวอยู่แล้วหลายแห่ง แต่ภูเก็ตก็ยังเป็นเกาะแห่งโอกาสสำหรับผู้เล่นรายใหญ่ในธุรกิจโรงแรมได้เข้ามาสร้างสีสันให้ที่พักระดับไฮเอนด์ และเป็นการเติมเต็มพอร์ตการลงทุนของตนให้ครบครันยิ่งขึ้น</h2>
ล่าสุด Rosewood Hotel Group จาก ฮ่องกง ผู้บริหาร Rosewood Hotels &amp; Resorts เครือโรงแรมและรีสอร์ทระดับอัลตรา-ลักชัวรี่กว่า 20 แห่งทั่วโลก ทั้งในสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส ซาอุดิอาระเบีย จีน ฯลฯ ก็รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างเต็มสูบ

บริษัทประกาศเปิดตัวโรงแรมใน 3 ประเทศ คือ Rosewood Phuket ประเทศไทย Rosewood Phnom Penh ประเทศกัมพูชา และ Rosewood Luang Prabang สปป.ลาว ซึ่งทั้งหมดจะเปิดบริการในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่วน Rosewood Bangkok ย่านเพลินจิต ที่มี บริษัท เรนด์ เพลินจิต โฮเต็ล จำกัด เป็นเจ้าของ และให้ Rosewood Hotels &amp; Resorts บริหาร จะเปิดบริการในราวปี 2562

<img style="width: 680px; height: 511px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/45ded55d9c1326022cc2e18d9c1b96a0.png" alt="" />

Andrew Turner, Managing Director ของ Rosewood Phuket เล่าถึงภาพรวมธุรกิจโรงแรมระดับอัลตรา-ลักชัวรี่ในภูมิภาคนี้ว่ายังเติบโตได้อีกมาก เพราะกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับบนต้องการที่พักที่สามารถสร้างความอบอุ่น ผ่อนคลาย สะดวกสบาย และมีมาตรฐานการบริการระดับสูงสุด เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์การท่องเที่ยวอันน่าประทับใจ

สำหรับภูเก็ตซึ่งเป็นจุดหมายลำดับต้นๆ ของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นมีกระแสความนิยมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับบนมาราว 13 ปีแล้ว และยังมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่อง Rosewood Hotel Group จึงวางแผนการลงทุนสร้างโรงแรมมาตั้งแต่ปี 2555

Turner ไม่ขอเปิดเผยมูลค่าการลงทุน แต่กล่าวว่าบริษัทเป็นเจ้าของและดำเนินการเอง โดย Rosewood Phuket ตั้งอยู่บนพื้นที่ราว 43 เอเคอร์ หรือเกือบ 110 ไร่ ใน ต. ป่าตอง อ. กะทู้ ชูจุดเด่นที่การมีชายหาดเป็นวงโค้งรูปพระจันทร์เสี้ยวยาวราว 600 เมตร ออกแบบตกแต่งที่พักทั้งหมด 71 ห้อง โดยผสานแนวคิดของโรงแรมเข้ากับธรรมชาติให้เกิดความกลมกลืนมากที่สุด

<img style="width: 680px; height: 524px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/2290dec9748b8c8f759b425112f10908.png" alt="" />

เขากล่าวถึงกลุ่มลูกค้าด้วยว่า เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวไทยระดับไฮเอนด์ยังมีจำนวนน้อย ดังนั้นจึงจะเน้นนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก โดยเฉพาะจากจีน รัสเซีย สหราชอาณาจักร เยอรมนี และออสเตรเลีย ซึ่งเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ตมากเป็น 5 อันดับแรก เมื่อดูอัตราการเข้าพักในภูเก็ต ภาพรวมจะอยู่ที่ราว 70% ต้นๆ หากเป็นที่พักระดับลักชัวรี่จะอยู่ที่ 65-68% ซึ่ง Turner คาดการณ์ว่าน่าจะเป็นอัตราใกล้เคียงกับที่ Rosewood Phuket วางไว้

ผู้บริหารโรงแรมไม่หวั่นที่จะลงแข่งขันกับที่พักในระดับเดียวกันอย่าง อมันปุรี ตรีสรา ศรีพันวา ฯลฯ “เพราะเราเห็นโอกาสอีกมากในกลุ่มอสังหาฯ ไฮเอนด์” เขาบอก พร้อมเผยถึงแผนธุรกิจต่อไปว่ายังมีส่วน Rosewood Residences จำนวน 32 หลัง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการออกแบบตกแต่ง หากแล้วเสร็จและเปิดตัวก็น่าจะกระตุ้นอสังหาฯ ระดับบนของภูเก็ตให้คึกคักยิ่งขึ้น

“Rosewood เป็นที่รู้จักมากขึ้นแล้วในเอเชีย และเราก็หวังว่าในไม่ช้านี้คนไทยจะรู้จักเรามากขึ้น” Turner ตั้งความหวังปิดท้าย

ภาพ: Rosewood Hotels &amp; Resorts

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events