<h2>ไทวัสดุ เดินหน้ากลยุทธ์ป่าล้อมเมือง ทุ่ม 480 ล้านบาท รุกขยายสาขาใหม่ต่อเนื่องเป็นอันดับที่ 83 เพื่อรองรับการขยายตัว EEC โดยสาขาดังกล่าวตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพซึ่งเป็นถนนทางหลวงสายหลัก อ.แกลง และยังถือเป็นสาขาแห่งที่ 3 ของจ.ระยอง ต่อจากสาขาที่ตั้งอยู่ในอำเภอบ้านฉางและตัวเมือง </h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไทวัสดุ ธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ภายใต้บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล รุกขยายสาขาต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยล่าสุดปักหมุดล้อมเมืองระยอง ด้วยงบลงทุน 480 ล้านบาท&nbsp;กับการเปิดสาขาใหม่อันดับที่ 83 ของประเทศ “ไทวัสดุ สาขาแกลง”&nbsp; และนับเป็นร้านไทวัสดุสาขาที่ 3 ของจังหวัด ต่อจากสาขาบ้านฉาง และสาขาระยอง เพื่อตอบรับทุกดีมานด์ ทั้งการขยายตัวทางเศรษฐกิจ การเติบโตของนิคมอุตสาหกรรม และกำลังซื้อของจังหวัดระยองที่มี GDP และ GPP&nbsp; สูงที่สุดติดต่อกันนับสิบปี&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยสาขาดังกล่าวยังอยู่ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ซึ่งมีมูลค่าอุตสาหกรรรมของจังหวัดระยอง ที่มีสัดส่วนมากถึง 15.8% ของอุตสาหกรรมทั้งประเทศ และเป็นที่ตั้งของนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำหลายแห่ง นอกจากนี้ การเปิด “ไทวัสดุ สาขาแกลง” ยังมีจุดเด่นคือทำเลศักยภาพซึ่งตั้งอยู่บนทางหลวงสายหลัก ริมถนนสุขุมวิท ตำบลทุ่งควายกิน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง บนพื้นที่ให้บริการมากกว่า 15,500 ตร.ม. พร้อมด้วยทัพสินค้าวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง อุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ระบบประปา เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าตกแต่งบ้าน และไลน์สินค้าอีกมากมายกว่า 40,000 รายการ ทั้งนี้ในพิธีเปิด “ไทวัสดุ สาขาแกลง” ได้รับเกียรติจาก นางสาวสลารีวรรณ ทัพทวี&nbsp; รองผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง ร่วมเป็นประธานเปิดงาน พร้อมด้วยผู้บริหารจากหน่วยงานราชการและเอกชนมาร่วมแสดงความยินดี <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/z591cYvuMcKwVv23fax3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="z591cYvuMcKwVv23fax3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือ เซ็นทรัล รีเทล เผยว่า การเปิดไทวัสดุ สาขาแกลง จะเป็นการขยายฐานลูกค้าที่มีจำนวนประชากรมากกว่า 129,000 คนในพื้นที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตในภาคเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม และอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดโดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการ EEC ที่มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เส้นทางคมนาคมขนส่ง นิคมอุตสาหกรรม การลงทุนธุรกิจใหม่ในพื้นที่ของบริษัทต่าง ๆ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของประชากรทั้งชาวไทย ชาวต่างประเทศที่เข้ามาอยู่อาศัยหนาแน่นขึ้น จึงทำให้ความต้องการด้านบ้านพักอยู่อาศัย อาคารห้องชุด อาคารพาณิชย์ และโรงแรม รีสอร์ทต่างๆ มีแนวโน้มสูงมากขึ้นตามไปด้วย ซึ่ง“ไทวัสดุ สาขาแกลง” จะสามารถรองรับดีมานด์ตลาดสินค้าวัสดุก่อสร้าง และสินค้าตกแต่งซ่อมแซมบ้าน ในกลุ่มลูกค้าทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่ ช่างรับเหมา ช่างก่อสร้าง และลูกค้ารายย่อยทั่วไป พร้อมเติมเต็มทุกมิติเรื่องงานก่อสร้างและตกแต่ง ซ่อมแซ่มบ้านให้กับชาวเมืองแกลงและพื้นที่ใกล้เคียงในจังหวัดระยองได้เป็นอย่างดี <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/uUn4PW9Zrcq7WYT58ZU6.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uUn4PW9Zrcq7WYT58ZU6.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ สุทธิสาร ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ได้วางกลยุทธ์เพื่อเสริมความโดดเด่นไทวัสดุ สาขาแกลง 4 ด้าน เพื่อก้าวสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำโมเดิร์นเทรดธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่มีศักยภาพสูงสุดในภูมิภาคตะวันออกดังนี้1. ตรงทุกความต้องการ ‘ไทวัสดุ สาขาแกลง’ เป็นโมเดิร์นเทรดที่รวมสินค้าวัสดุก่อสร้างและตกแต่งบ้านครบวงจรสาขาที่ 3 ของจังหวัดระยอง ครอบคลุมทั้งวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ไฟฟ้า อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ เครื่องมือช่าง กระเบื้อง สีและเคมีภัณฑ์ ปั้มน้ำ อุปกรณ์สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ รวมถึงไลน์สินค้าอื่นๆ จากแบรนด์ชั้นนำมากถึง 40,000 รายการ พร้อมโปรโมชั่นและส่วนลดพิเศษสุดคุ้มมากมาย เพื่อตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าผู้รับเหมา ผู้ประกอบการ นายช่าง และลูกค้าทั่วไปที่อยากจะตกแต่ง ซ่อมแซมบ้าน ได้อย่างสะดวกสบาย ได้ของครบถูกใจและคุ้มค่ามากที่สุด2. ตรงทุกเป้าการเติบโต พื้นที่อำเภอแกลงเป็นหัวเมืองที่สำคัญของจังหวัดระยอง ด้วยความหลากหลายของสภาพภูมิศาสตร์ จึงทำให้มีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นด้านเกษตรกรรมที่มีพืชและผลไม้เศรษฐกิจเช่น ยางพารา ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง เป็นต้น&nbsp; ด้านการท่องเที่ยวเช่น ชายหาดแหลมแม่พิมพ์ อ่าวไข่ ทุ่งโปรงทอง จุดชมวิวแหลมสน รวมถึงการลงทุนด้านอุตสาหกรรมและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่ง “ไทวัสดุ สาขาแกลง” จะมีส่วนช่วยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการขยายตัวของเมืองแกลงมากขึ้น อีกทั้งเกิดการจ้างงานคนในพื้นที่ได้มากถึง 200 อัตรา ทำให้เกิดการกระจายรายได้หมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้น3. ตรงและเข้าถึงทุกรอยต่อ ไทวัสดุ สาขาแกลง ตั้งอยู่ริมถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นทางหลวงและเส้นทางคมนาคมสายสำคัญของจังหวัดระยองที่เชื่อมต่อจากกรุงเทพไปยังจังหวัดต่างๆในภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี จันทบุรี ตราด และเส้นทางสายใหม่จากโครงการพัฒนาภาคตะวันออกหรืออีอีซี สามารถเชื่อมระยะทางจากกรุงเทพถึงอำเภอแกลงเพียง 170 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับเส้นทางไปท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา และเส้นทางรถไฟสายตะวันออก กับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง จึงทำให้ไทวัสดุ สาขาแกลง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในการรองรับกำลังซื้อของลูกค้าได้ทุกกลุ่มในอำเภอแกลงและพื้นที่ใกล้เคียงจังหวัดระยอง4. ตรงใจทุกประสบการณ์ช้อป ไทวัสดุ สาขาแกลง จะเป็นโมเดิร์นเทรดที่มอบประสบการณ์ในการเลือกซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์ระบบไฟฟ้า ระบบประปา เครื่องกรองน้ำ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องมือช่าง สุขภัณฑ์ เฟอร์นิเจอร์ สินค้าตกแต่งบ้าน และไลน์สินค้าอีกมากมายกว่า 40,000 รายการ ในพื้นที่สโตร์ที่ทันสมัย กว้างขวาง พร้อมด้วยห้อง Construction Showroom โดยไทวัสดุเป็นเจ้าแรกที่ได้มีการจัดดิสเพลย์ตัวอย่างวัสดุและสินค้าจริงกว่า 5,000 รายการ อาทิ กระเบื้องหลังคาบ้าน เหล็กรูปพรรณ อุปกรณ์นั่งร้าน ฯลฯ พร้อมด้วยการให้บริการจากพนักงานที่เชี่ยวชาญ สามารถให้คำปรึกษาและคำแนะนำแก่ลูกค้า นอกจากนี้ยังเพิ่มช่องทางช้อปปิ้งแบบออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อความสะดวกสบาย ง่ายและรวดเร็วมากขึ้น ด้วยบริการสั่งซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ www.thaiwatsadu.com ที่เปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงบริการ Chat &amp; Shop ผ่าน Line @Thaiwatsadu และสั่งซื้อผ่าน Call Center 1308&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ ซีอาร์ซี ไทวัสดุ ณ ปัจจุบัน มีสาขาครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค รวมแล้ว 48 จังหวัด โดยในปี 2567 นี้ ได้เปิดตัวสาขาใหม่แล้วทั้งสิ้น 3 สาขา ได้แก่ 1. ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม สาขาอุดรธานี กุดสระ 2. ไทวัสดุ สาขาอรัญประเทศ 3. ไทวัสดุ สาขาสระแก้ว โดย ไทวัสดุ สาขาแกลง จะเป็นสาขาที่ 4 ของปีนี้ อีกทั้งนับเป็นสาขาที่ 83 ของประเทศ และยังมีแผนเปิดสาขาอื่น ๆ อย่างต่อเนื่องตลอดปี 2567 เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ&nbsp;:&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/marketing/thai-watsadu-invests-500-million-baht-branch-81-aranyaprathet" alt="ไทวัสดุ ทุ่มงบ 500 ล้าน ปักหมุดสาขาที่ 81 ‘อรัญประเทศ’ รุกตลาดการค้าชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน">ไทวัสดุ ทุ่มงบ 500 ล้าน ปักหมุดสาขาที่ 81 ‘อรัญประเทศ’ รุกตลาดการค้าชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน</a>​ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ไทวัสดุ เดินหน้ากลยุทธ์ป่าล้อมเมือง เปิดใหม่สาขา 3 อำเภอ 'แกลง' จ.ระยอง รองรับการขยายตัว EEC

<h2>ESTAR เผยผลงานไตรมาส 1/2567 ยอดขายโตทะลุกว่า 510 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 75% พร้อมเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในจ.ระยองและกรุงเทพ คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 1,600 ล้านบาท คาดรายได้สิ้นปีโตเพิ่มกว่า 40%</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เผยว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา ยังเป็นปีที่ESTAR เติบโตอย่างสดใส หลังเปิดตัวโครงการใหม่ ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยทำยอดขายทะลุเป้าที่วางไว้อยู่ที่ 1,580 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา อีกทั้งในไตรมาส 1/2567 บริษัทยังสามารถดันยอดขายนิวไฮ แตะถึง 510 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 75% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลค่าเพียง 292 ล้านบาท <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/xHRhz1fj4xYZKkVq8tQB.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="xHRhz1fj4xYZKkVq8tQB.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้านยอดโอนไตรมาสแรก อยู่ที่ 300 ล้านบาท โตเพิ่ม 21% QoQ โดยแบ่งสัดส่วน เป็นยอดขายโครงการในกรุงเทพ ทั้งแนวสูงและแนวราบ ไตรมาสแรก มูลค่ากว่า 400 ล้านบาท มียอดโอนที่ 165 ล้านบาท สำหรับยอดขายโครงการแนวราบใน อ.บ้านฉาง จ.ระยอง จะอยู่ที่กว่า 109 ล้านบาท มียอดโอนที่ มูลค่า 135 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ทิศทางอสังหาฯ ปี 2567 นี้ ยังมีทั้งโอกาสและความเสี่ยง โดยปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นกำลังซื้อภาคอสังหาฯ ให้ดีขึ้นได้ หลักๆ คือ การลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สินเชื่อบ้าน จากทางภาครัฐ รวมถึงมาตรการลดค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% ที่จะทำให้ภาคตลาดอสังหาริมทรัพย์คึกคักอีกครั้ง“ ผู้บริหารของ ESTAR กล่าว <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/PUcf1hdtm7iYFfDbrDaD.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="PUcf1hdtm7iYFfDbrDaD.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม ESTAR ยังตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ ในช่วง Q1-Q3/2567 เป็นต้นไป มีมูลค่ารวมกว่า 1,600 ล้านบาทแบ่งออกเป็น ทำเลโซน บ้านฉาง จังหวัดระยองจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว VELANA HYDE อู่ตะเภา-บ้านฉาง ระยอง มูลค่าโครงการ 800 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 5-9 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว GRAND VELANA POOL VILLA บ้านฉาง ระยอง จำนวน 6 หลัง มูลค่าโครงการ 120 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ อีก 1 โครงการจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ ได้แก่ โครงการ ESTON ลาดกระบัง- สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮม 2-3 ชั้น มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 3.29-5 ล้านบาทขึ้นไป พร้อมดันโครงการต่างๆ ที่มีอยู่ในมืออีก 11 โครงการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“สำหรับยอดขายภาพรวมในปีนี้ บริษัทได้ตั้งเป้าอยู่ที่กว่า 2,000 ล้านบาท และเป้าหมายรับรู้รายได้อยู่ที่กว่า 1,700 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้แล้ว สำหรับโครงการประเภทคอนโดมีเนียมทำเลใจกลางกรุงเทพ รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท” ไพโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/uXZtVgpPMVE8bDPrQfYZ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="uXZtVgpPMVE8bDPrQfYZ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/epAjbZUKUdg2j1LLQPW3.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="epAjbZUKUdg2j1LLQPW3.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"><figcaption><div>​VELANA HYDE อู่ตะเภา-บ้านฉาง​</div></figcaption></figure></div>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/06/t1f8n1pNsZct3UcHv4iV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="t1f8n1pNsZct3UcHv4iV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="4"><figcaption><div>​โครงการ ESTON ลาดกระบัง- สุวรรณภูมิ​</div></figcaption></figure></div> ​ ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/property/sansiri-condominium-direction-2024" alt="‘แสนสิริ’ ประกาศแผนธุรกิจคอนโด ปีนี้เปิดตัว 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้าน สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ">‘แสนสิริ’ ประกาศแผนธุรกิจคอนโด ปีนี้เปิดตัว 20 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 26,000 ล้าน สูงสุดในกลุ่มอสังหาฯ</a>​​​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ESTAR โชว์ยอดขาย Q1/67 ทะลุ 510 ลบ. พร้อมเปิด 3 โครงการใหม่ ระยอง-กรุงเทพ มูลค่ารวม 1,600 ลบ.

<h2>บมจ.อาปิโก ไฮเทค ภายใต้กิจการร่วมทุน “พูเรม อาปิโก” คิกออฟเดินเครื่องเต็มรูปแบบ 2 โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสียแห่งใหม่ในประเทศมาเลเซียและไทย ปักหมุดกำลังการผลิตรวม 2 แห่งต่อปีกว่า 700,000 ชิ้น จ้างงานรวม 250 คน รองรับดีมานด์ทั้งในและต่างประเทศ ต่อจิ๊กซอว์เสริมทัพการเติบโต พร้อมหนุนภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ภูมิภาคอาเซียนระยะยาวขยายตัวแข็งแกร่ง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ ธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์และศูนย์บริการหลังการขาย และธุรกิจบริการด้านเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ และ IoT (Internet of Things) กล่าวว่า ล่าสุดบริษัท พูเรม อาปิโก จำกัด (Purem AAPICO) ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่าง บมจ.อาปิโก ไฮเทค และบริษัท พูเรม อินเตอร์เนชั่นแนล จีเอ็มบีเอช จำกัด ในสัดส่วน 49 : 51 ได้คิกออฟเดินเครื่องกำลังการผลิตเต็มรูปแบบ 2 โรงงานผลิตระบบควบคุมไอเสียแห่งใหม่ ในเมืองราวัง ประเทศมาเลเซีย และจังหวัดระยอง ประเทศไทย รวมกำลังการผลิต 2 แห่งกว่า 700,000 ชิ้นต่อปี​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/4grKiGSSWupcJjwHgwab.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="75%," data-align="center" data-file-name="4grKiGSSWupcJjwHgwab.jpg" data-file-size="0" origin-size="1620,1080" data-origin="1050px,700px" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," style="width: 100%;" data-index="0"></figure></div> ​&nbsp; &nbsp; โดยโรงงานแห่งใหม่ในเมืองราวัง ประเทศมาเลเซีย ได้เริ่มเดินเครื่องการผลิตเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2566 ภายใต้ชื่อ “Purem AAPICO SDN. BHD.” ซึ่งมีพื้นที่รวม 4,000 ตารางเมตร โดยใช้เทคโนโลยีชั้นสูงผลิตระบบ exhaust gas aftertreatment ทั้งแบบ hot end และ cold end กำลังการผลิตรวม 400,000 ชิ้นต่อปี พนักงานรวม 100 คน ซึ่งจะส่งให้กับค่ายรถยนต์สัญชาติมาเลเซียจำนวน 4 รุ่น อีกทั้งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนส่งมอบให้กับลูกค้ารายอื่นๆในประเทศ รวมถึงขยายงานด้านเทคนิคสำหรับ catalyst, manifold และ muffler ของระบบควบคุมไอเสีย ทั้งแบบ hot end และ cold end ในอนาคต&nbsp; &nbsp; พื้นที่ตั้งของ Purem AAPICO SDN. BHD. ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือราว 20 กิโลเมตร และอยู่ใกล้กับเมืองเปตาลิงจายา ซึ่งเป็นเมืองศูนย์กลางทางธุรกิจที่สำคัญแห่งหนึ่งประเทศในมาเลเซีย ​&nbsp; &nbsp; ขณะที่โรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทยภายใต้ชื่อ “Purem AAPICO นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ ระยอง” ใช้ระยะเวลาก่อสร้างเพียง 5 เดือน ก่อนจะเริ่มเดินเครื่องการผลิตเต็มรูปแบบนับตั้งแต่วันที่ 12 ตุลาคม 2566 หลังคิกออฟโรงงาน Purem AAPICO SDN. BHD. ในเมืองราวัง ประเทศมาเลเซีย เพียง 2 วัน ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะ ซิตี้ จังหวัดระยอง บนพื้นที่รวม 3,000 ตารางเมตร รายล้อมไปด้วยโรงงานผู้ผลิตชั้นนำ ทั้งค่ายญี่ปุ่น, อเมริกัน และเยอรมนี โดยมีกำลังผลิต 300,000 ชิ้นต่อปี พนักงานรวม 150 คน &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โรงงานแห่งนี้ผลิตระบบควบคุมไอเสียบนมาตรฐาน clean mobility ระดับโลก ได้แก่ Euro6, CARB – LEV III และ EPA – TIER 3 ส่งผลให้รถยนต์ที่ผลิตจากประเทศไทย สามารถส่งออกได้กว่า 100 ประเทศทั่วโลก ภายใต้การเป็นศูนย์กลางผลิตรถยนต์รายใหญ่ในภูมิภาคอาเซียน​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false" style="width: 75%; min-width: 100%;"><figure style="margin: auto; width: 75%;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/10/w2JL5mnaQXmZwMGB3oLS.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="w2JL5mnaQXmZwMGB3oLS.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="75%," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="75," origin-size="1500,1125" style="width: 100%;" data-index="1"></figure></div>​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“บริษัทมี 2 โรงงานผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในมาเลเซีย และ 21 โรงงานในไทย สะท้อนความเชื่อมั่นในอนาคตอันสดใสของอุตสาหกรรมยานยนต์ทั้งใน 2 ประเทศ ซึ่งบริษัทมั่นใจในเทคโนโลยีระบบควบคุมไอเสียของ Purem ในฐานะเป็นผู้ผลิต OEM รายใหญ่ของโลก จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมยานยนต์ในภูมิภาคอาเซียนในระยะยาว” เย็บ ซู ชวน&nbsp;กล่าว&nbsp; &nbsp;&nbsp;ด้านมาร์ติน ปีเตอร์ส ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนผู้จัดการ กลุ่มบริษัทเอเบอร์สเปเชอร์ (Eberspaecher Group) กล่าวว่า&nbsp;นับเป็นอีกขั้นความสำเร็จของ Purem ในธุรกิจและฐานการผลิตในภูมิภาคอาเซียน สะท้อนถึงการยอมรับเป็นอย่างดีต่อสินค้าและเทคโนโลยี clean mobility ของบริษัทฯ ซึ่งความร่วมมือกับ AAPICO ด้านองค์ความรู้ในการผลิตชิ้นส่วนยานยนต์จะช่วยให้บริษัทแข็งแกร่งยิ่งขึ้นในภูมิภาคนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“Purem by Eberspaecher เติบโตอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ที่สะอาดและขยายธุรกิจไปทั่วโลก ล่าสุดบริษัทเปิดโรงงานใหม่ถึง 2 แห่งในมาเลเซียและไทย ในสัปดาห์เดียวกัน ทําให้บริษัทมีฐานการผลิตสินค้าอยู่ใน 19 ประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการเติบโตทางธุรกิจด้านยานยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมในตลาดโลก” มาร์ติน ปีเตอร์ส กล่าว อ่านเพิ่มเติม :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/finance-and-investment/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B8%9F%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99-%E0%B8%9B%E0%B8%B5-67-%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0-3-6" alt="หอการค้าคาดส่งออกไทยฟื้น ปี 67 ขยายตัวร้อยละ 3.6">หอการค้าคาดส่งออกไทยฟื้น ปี 67 ขยายตัวร้อยละ 3.6</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events