<h2>มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เผยผลการสำรวจภาวะการมีงานทำของบัณฑิตระดับปริญญาตรี ม.ธรรมศาสตร์ พบว่า อัตราการมีงานทำสูงถึง 92.62% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรุ่นก่อนหน้า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของหลักสูตรและความพร้อมของบัณฑิตในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน โดยบัณฑิตส่วนใหญ่ทำงานในภาคเอกชนถึง 64.77% รองลงมาคือข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ 15.83% และดำเนินธุรกิจอิสระ 12.45%</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า เมื่อพิจารณาตามกลุ่มสาขาวิชา จากการสำรวจข้อมูลบัณฑิตกว่า 6,366 คน พบว่า บัณฑิตในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพมีอัตราการมีงานทำสูงที่สุดถึง 95.67% รองลงมาคือสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ที่ 92.46% และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ 91.32% สะท้อนถึงความต้องการแรงงานในภาคสุขภาพที่ยังคงมีสูงต่อเนื่องในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และศักยภาพการพัฒนาของหลักสูตรและการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัย ทั้งนี้รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของบัณฑิต ยังเพิ่มขึ้นจากรุ่นปีที่ผ่านมาประมาณ 2.78% อีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ กลุ่มบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากคณะ วิทยาลัย สถาบัน ด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ พบว่ามีอัตราการได้งานทำสูงมากกว่า 90% อาทิ คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ 98.33%, คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี 96.56%, คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา 94.64%, คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน 93.36%, คณะนิติศาสตร์ 92.04%, คณะศิลปศาสตร์ 91.39% และคณะศิลปกรรมศาสตร์ 91.18%​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/HVtUS5knKtJ8yZhR5Mpj.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="HVtUS5knKtJ8yZhR5Mpj.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0" origin-size="720,480"><figcaption><div>ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์</div></figcaption></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ อธิบายเพิ่มเติมว่า สถิติดังกล่าวข้างต้นเกิดจากการดำเนินงานอย่างเป็นระบบในการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานของม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งในแง่ของความรู้และทักษะสำคัญที่ส่งผลต่อการได้งานทำจะมาจากทักษะการคิดวิเคราะห์ การใช้ภาษาต่างประเทศ และการสื่อสาร เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมโอกาสในการหางาน ดังนั้น นอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการแล้ว ทักษะด้าน Soft Skills ก็มีความสำคัญไม่น้อยในการสร้างความแตกต่างในตลาดแรงงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“อัตราการได้งานสูงนี้ ไม่เพียงตอกย้ำถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยในการผลิตบัณฑิตที่เต็มไปด้วยทักษะแห่งอนาคต แต่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าผู้ศึกษาที่ ม.ธรรมศาสตร์ มีความพร้อมทำงานจริง สร้างผลลัพธ์จริง และความรู้ที่ได้จากรั้วมหาวิทยาลัยจะเป็นเครื่องมือที่บัณฑิตนำไปต่อยอดให้กับทุกองค์กรที่ก้าวเข้าไปด้วย” ศ.ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวทิ้งท้าย​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/02/i2kpNHzK6borpLrFv448.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="i2kpNHzK6borpLrFv448.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1" origin-size="720,480"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน มุก - อาทิตยาธรณ์ พละสูนย์ บัณฑิตคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เผยว่า หลักสูตรของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถือเป็นหลักสูตรที่มีความแข็งแกร่งครบถ้วนตรงตามกรอบมาตรฐานคุณวุฒิในระดับอุดมศึกษา โดยมีการบูรณาการทักษะวิชาชีพจริง ช่วยให้นักศึกษาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในการทำงาน เสริมสร้างความมั่นใจเมื่อต้องก้าวเข้าสู่ตลาดแรงงาน สิ่งเหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บัณฑิตธรรมศาสตร์เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงาน มีความพร้อมทั้งด้านทักษะวิชาชีพและการปรับตัวในโลกการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ยังคงยืนหยัดในฐานะมหาวิทยาลัยสมบูรณ์แบบชั้นนำเพื่อสังคมแห่งอนาคต โดยมุ่งเน้นการผลิตบัณฑิตที่มีความรู้ มีความสามารถในการปรับตัวในโลกแห่งการทำงานที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว พร้อมมุ่งมั่นพัฒนาหลักสูตรให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน สร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการเรียนรู้ พร้อมทั้งสนับสนุนโอกาสการทำงานผ่านโครงการฝึกงาน การแนะแนวอาชีพ และการพัฒนาทักษะที่สำคัญ เพื่อให้บัณฑิตสามารถปรับตัวและแข่งขันในตลาดงานได้อย่างมั่นใจ ภาพ: มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/global/3-qualities-of-inspiring-people-by-adam-galinsky" alt="‘วิสัยทัศน์-แบบอย่าง-การชี้แนะ’ คุณลักษณะสากล 3 ข้อ สู่การเป็นผู้นำนักสร้างแรงบันดาลใจ">‘วิสัยทัศน์-แบบอย่าง-การชี้แนะ’ คุณลักษณะสากล 3 ข้อ สู่การเป็นผู้นำนักสร้างแรงบันดาลใจ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>​

มธ.อวดบัณฑิตป.ตรีมีงานทำถึง 92.62% เผยหลักสูตรเน้น ‘Soft Skills-ประสบการณ์ตรง’ ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน

<h2>ผลการศึกษาใหม่ล่าสุดจาก Hult International Business School และบริษัทวิจัยอิสระ Workplace Intelligence ซึ่งเผยแพร่เมื่อวันอังคารที่ 21 มกราคม 2025 ที่ผ่านมา พบว่า แม้ต้องเผชิญกับภาวะขาดแคลนแรงงาน บรรดานายจ้างกลับเลือกที่จะจ้างหุ่นยนต์หรือ AI มากกว่าบัณฑิตจบใหม่</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การศึกษาดังกล่าวมีการสำรวจหัวหน้างานด้านทรัพยากรมนุษย์ (HR) จำนวน 800 คน และบัณฑิตจบใหม่ (อายุระหว่าง 22-27 ปี) อีก 800 คน ในตำแหน่งงานเกี่ยวกับธุรกิจ อาทิ การเงิน การบัญชี การตลาด การขาย การบริการจัดการ การปฏิบัติการ โลจิสติกส์ และการวิเคราะห์ธุรกิจ ซึ่งหัวหน้า HR ถึง 98% เผยว่าองค์กรของพวกเขากำลังมองหาแรงงานที่มีความสามารถอย่างยากลำบาก ทว่า 89% บอกว่าพวกเขาหลีกเลี่ยงการจ้างงานบัณฑิตจบใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อถามถึงเหตุผล บรรดาผู้จัดการด้านการจ้างงานชี้ว่า บัณฑิตจบใหม่ขาดสิ่งต่างๆ เหล่านี้&nbsp; &nbsp; - ประสบการณ์ในโลกของการทำงานจริง (60%)&nbsp; &nbsp; - ทัศนคติแบบสากล (57%)&nbsp; &nbsp; - ทักษะการทำงานเป็นทีม (55%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;- ทักษะการทำงานที่เหมาะสม (51%)&nbsp; &nbsp; - มารยาททางธุรกิจและการทำงาน (50%)&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3 ใน 10 ของเหล่าหัวหน้า HR เผยว่า พวกเขาเลือกให้ตำแหน่งงานนั้นว่างดีกว่าจะจ้างบัณฑิตจบใหม่ ขณะที่ 37% เลือกจะใช้หุ่นยนต์หรือไม่ก็ AI เพื่อทำงานในส่วนนั้นแทน แต่ก็มีถึง 45% ที่เลือกจะจ้างฟรีแลนซ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับบริษัทที่เลือกจ้างบัณฑิตจบใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา 78% เผยว่าพวกเขาได้มีการเชิญพนักงานเหล่านั้นออกไปบ้างแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในขณะเดียวกัน บัณฑิตจบใหม่ที่ประสบความสำเร็จในการหางานและได้เข้าร่วมเป็นพนักงานบริษัทต่างพบว่า ประสบการณ์การทำงานนั้นเป็นสิ่งประเมินค่ามิได้ โดย 77% เรียนรู้สิ่งต่างๆ ในระยะเวลาครึ่งปีที่ได้ทำงาน มากกว่าตลอด 4 ปีที่เรียนรู้ในระดับปริญญาตรีเสียอีก และ 87% เผยว่านายจ้างของพวกเขาสอนทักษะอาชีพได้ดีกว่าในรั้วมหาวิทยาลัย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;55% ของบัณฑิตจบใหม่ที่ได้งานบอกว่า มหาวิทยาลัยไม่ได้เตรียมพร้อมพวกเขาสำหรับงานที่พวกเขากำลังทำอยู่เลย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผลสำรวจของเราเผยให้เห็นว่าหลักสูตรในมหาวิทยาลัยแบบเดิมๆ อาจไม่ได้สอนสิ่งจำเป็นที่อำนวยให้นักศึกษาประสบความสำเร็จ ในสภาพแวดล้อมการทำงานยุคปัจจุบันที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วและเทคโนโลยีก็เข้ามามีบทบาทมากขึ้น” Dan Schawbel หุ้นส่วนผู้จัดการ Workplace Intelligence กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แล้วสิ่งที่บัณฑิตจบใหม่ยังขาด แต่เป็นสิ่งที่หัวหน้า HR ต้องการคืออะไร?&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;คำตอบคือทักษะด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะ AI, การวิเคราะห์ดาต้า และ IT ซึ่งหัวหน้า HR ถึง 97% มองว่าสำคัญ แต่มีบัณฑิตจบใหม่เพียง 20% เท่านั้นที่มีทักษะเหล่านี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การศึกษาเพียงทฤษฎีอย่างเดียวไม่พอแล้ว” Martin Boehm รองกรรมการผู้จัดการและคณบดีหลักสูตรปริญญาตรีจาก Hult International Business School กล่าว “การเตรียมพร้อมนักศึกษาด้วยวิธีการใหม่ โดยให้ความสำคัญกับการสร้างทั้งทักษะและทัศนคติซึ่งจำเป็นสำหรับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องนั้น คืออนาคตของการศึกษา” แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a href="https://www.entrepreneur.com/business-news/employers-would-rather-hire-ai-robots-than-recent-grads/485878" alt="37% of Employers Would Rather Hire a Robot or AI Than a Recent Grad: 'Theory Alone Is No Longer Enough'">37% of Employers Would Rather Hire a Robot or AI Than a Recent Grad: 'Theory Alone Is No Longer Enough'</a>​ Cover Photo by&nbsp;<a href="https://www.pexels.com/photo/photo-of-person-holding-graduation-cap-and-diploma-7944064/" alt="Pavel Danilyuk">Pavel Danilyuk</a>&nbsp;from Pexels​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/world/global-world/andy-jassy-ravenous-and-hungry-to-learn" alt="“กระหายการเรียนรู้และไม่หยุดพัฒนา” หลักการสำหรับผู้แสวงหาความสำเร็จที่ซีอีโอ Amazon แนะนำ">“กระหายการเรียนรู้และไม่หยุดพัฒนา” หลักการสำหรับผู้แสวงหาความสำเร็จที่ซีอีโอ Amazon แนะนำ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แม้ตำแหน่งว่างก็ไม่จ้างเด็กจบใหม่! เหตุผลหลักเพราะขาดประสบการณ์ บางส่วนขอไปจ้าง AI แทน

<h2>จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วม World Economic Forum ประกาศ The Future of Jobs 2025 ชี้ทักษะแห่งอนาคต พร้อมแนะกลยุทธ์สร้างมนุษย์แห่งอนาคต (Future Human) สำหรับประเทศไทย</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร อธิการบดี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย&nbsp;แถลงข้อมูลรายงาน Future of Jobs 2025 ซึ่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเป็นตัวแทนหนึ่งเดียวในประเทศไทยร่วมกับ&nbsp;World Economic Forum&nbsp;ในการเสนอแนวทางเพื่อรับมือการเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานในระหว่างปี พ.ศ. 2568 - 2573&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รายงานนี้อ้างอิงจากการสำรวจ 1,000 บริษัท ครอบคลุมพนักงาน 14 ล้านคน ใน 22 อุตสาหกรรม จาก 55 ประเทศทั่วโลก โดยมีผลการวิเคราะห์ที่สำคัญดังนี้&nbsp; &nbsp; • ตำแหน่งงานใหม่ 170 ล้านตำแหน่ง จะเกิดขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและการเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• 92 ล้านตำแหน่งงาน จะหายไป เนื่องจากระบบอัตโนมัติและการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• การเติบโตสุทธิของการจ้างงานคิดเป็น 7% หรือเท่ากับ 78 ล้านตำแหน่งงานทั่วโลก​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/BhwJPdZCcNpZHTCKfM8j.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="BhwJPdZCcNpZHTCKfM8j.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="768,1086" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในส่วนของปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนแปลงตลาดแรงงานในปี 2573 สามารถเรียงลำดับความสำคัญ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี - AI หุ่นยนต์ และนวัตกรรมด้านพลังงานเป็นปัจจัยหลักที่เปลี่ยนแปลงบทบาทงานและทักษะ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. การเปลี่ยนแปลงด้านสิ่งแวดล้อม - ารลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกระตุ้นความต้องการวิศวกรสิ่งแวดล้อมและพลังงานหมุนเวียน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. ความผันผวนทางเศรษฐกิจ - ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นและการชะลอตัวทางเศรษฐกิจเป็นความท้าทายสำคัญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. การเปลี่ยนแปลงด้านประชากร - ประชากรสูงอายุในประเทศรายได้สูงและแรงงานขยายตัวในประเทศรายได้ต่ำปรับเปลี่ยนตลาดแรงงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. การแบ่งแยกทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ - ข้อจำกัดทางการค้าและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ส่งผลต่อรูปแบบธุรกิจ&nbsp; &nbsp; นอกเหนือจากนี้ คาดว่าภายในปี พ.ศ. 2573 สองในห้าของทักษะที่มีอยู่จะถูกเปลี่ยนแปลง โดยทักษะที่สำคัญที่คนไทยต้องมี คือ ทักษะด้าน AI และ Big Data ทักษะการคิดเชิงวิเคราะห์ ทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล ในขณะที่ระดับโลกเน้นทักษะด้าน AI และ Big Data ทักษะด้านเครือข่ายและความปลอดภัยทางข้อมูล ความฉลาดในการใช้งานเทคโนโลยี และทักษะการคิดอย่างสร้างสรรค์ <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2025/01/Pa7Yf5WGFJR6ckg91Ufa.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,900px" data-align="center" data-file-name="Pa7Yf5WGFJR6ckg91Ufa.jpg" data-file-size="0" origin-size="819,1024" data-origin="819px,1024px" style="width: 720px; height: 900px; transform: rotate(0deg);" data-index="1"></figure></div>​&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เพื่อให้แรงงานและองค์กรต่างๆ ในประเทศไทยมีศักยภาพสู่การแข่งขันบนเวทีโลกในอนาคต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยแนะนำกลยุทธ์สำคัญ 5 ประการ ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;1. สร้างการเปลี่ยนแปลงแบบ Holistic Skill Change - ยกเครื่องการ Upskill ของบุคลากรในมิติ ไม่ใช่ทักษะใดทักษะหนึ่งเท่านั้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;2. สร้างองค์กรให้เป็น Future-Ready Organization - ที่ต้องมีระบบการพัฒนาทักษะอนาคตของบุคลากร&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;3. Human Replacement - งานที่ซ้ำซากให้เลิกใช้คน และทดแทนด้วยระบบ Automation&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;4. Enhancing Dynamic Work Role - มีการส่งเสริมให้ไม่ยึดติดกับบทบาทการทำงานในแบบเดิมๆ แต่มีการปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5. ผสานเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้เข้ากับการทำงาน - เชื่อมโยงเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้างนวัตกรรมที่เพิ่มคุณค่าและความสามารถในการแข่งขัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ศาสตราจารย์ ดร.วิเลิศ ภูริวัชร ยังกล่าวด้วยว่า “จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยก้าวสู่การเป็น ‘The University of AI’ มหาวิทยาลัยแห่งนี้มุ่งสร้าง ‘คนพันธุ์ใหม่’ หรือ ‘Future Human’ ที่ไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญในการใช้งาน AI (Artificial Intelligence) แต่ยังเปี่ยมด้วยทักษะที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง II (Instinctual Intelligence) หรือ ‘ปัญญาสัญชาตญาณ’ ซึ่งสร้างสรรค์ปัญญาที่ไม่อาจประดิษฐ์ขึ้นได้ ที่สำคัญ ‘คนพันธุ์ใหม่’ จะต้องไม่ได้มีเพียงสมองที่ชาญฉลาด แต่ต้องมีหัวใจที่ดีงาม ที่จะเปลี่ยนความสามารถทางเทคโนโลยีให้เป็นพลังที่สร้างคุณค่าแก่ทั้งตนเองและสังคม” เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/hr/fast-retailing-raises-monthly-salary-for-new-employees-10-percent" alt="บริษัทแม่ Uniqlo ประกาศขึ้นเงินเดือนพร้อมแจกโบนัสฉ่ำ ตั้งเป้าดึงดูดเด็กจบใหม่เก่งๆ เข้าทำงาน">บริษัทแม่ Uniqlo ประกาศขึ้นเงินเดือนพร้อมแจกโบนัสฉ่ำ ตั้งเป้าดึงดูดเด็กจบใหม่เก่งๆ เข้าทำงาน</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

จุฬาฯ เผยรายงาน The Future of Jobs แนะ AI และ Big Data คือทักษะแห่งอนาคต ที่จำเป็นสำหรับประเทศไทย

<h2>ตั้งแต่เปิดให้บริการ Kahoot! แพลตฟอร์มระดับโลกเพื่อการเรียนรู้และมีส่วนร่วม ช่วยให้ผู้เรียนหลายพันล้านคนได้พัฒนาความรู้ ล่าสุด Kahoot! ประกาศเปิดตัวเว็บไซต์และแอปพลิเคชันมือถือสำหรับ Android และ iOS ในภาษาไทยอย่างเป็นทางการ ตอนนี้ครู นักเรียน บุคลากร ครอบครัว และเพื่อนๆ ชาวไทยสามารถร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ด้วยภาษาของตนเอง</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้วยการใช้ Kahoot! สร้างบทเรียนแบบอินเทอร์แอคทีฟเพื่อส่งเสริมการเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยการใช้ภาษาของตนเอง นักเรียนจะได้รับประโยชน์จากการเรียนรู้ที่จะช่วยส่งเสริมความเข้าใจและการจดจำ ในขณะที่บุคลากรในแต่ละสายงานสามารถใช้ Kahoot! เพื่อพัฒนาการฝึกอบรม การประชุม และการปฐมนิเทศให้มีประสิทธิภาพและน่าสนใจยิ่งขึ้นให้ตรงตามความต้องการ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ภาษาเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การเรียนรู้เข้าถึงได้ง่ายและสอดคล้องกับบริบทของผู้เรียน Kahoot! จึงมุ่งมั่นที่จะมอบประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีที่สุดแก่ผู้ใช้งานชาวไทย ด้วยการแปลแพลตฟอร์มเป็นภาษาไทย เราเชื่อมั่นว่าจะช่วยเปิดโอกาสให้ครูและผู้เรียนชาวไทยในทุกระดับ ได้สัมผัสประสบการณ์การเรียนรู้ที่สนุกและเป็นธรรมชาติ” Eilert Hanoa CEO ของ Kahoot! กล่าว​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/qZMrRVYXFgSsnEkQWMTU.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="qZMrRVYXFgSsnEkQWMTU.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="4199,2361" style="width: 720px; height: auto;" data-index="0"></figure></div> สร้างสรรค์ Kahoot! ด้วย AI หรือเลือกเนื้อหาพรีเมียมจากพันธมิตรชั้นนำ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kahoot! ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้าง นำเสนอ และสัมผัสการเรียนรู้แบบอินเทอร์แอคทีฟ ไม่ว่าพวกเขาจะสร้างเนื้อหาด้วยตนเอง สร้างด้วย AI อันทรงพลังหรือเลือกใช้เนื้อหาพรีเมียมจากพันธมิตรชื่อชั้นนำ เช่น Sanrio Disney และ Peanuts เป็นต้น Kahoot! ช่วยให้การเรียนรู้เป็นเรื่องง่าย สนุก และมีเนื้อหาการเรียนรู้ที่น่าสนใจสำหรับทุกคน&nbsp; &nbsp; ทัศนวรรณ สังข์กลาง ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร กรุงเทพฯ ผู้ใช้ Kahoot! เป็นประจำในการเรียนการสอน ได้กล่าวว่า “ฉันใช้ Kahoot! เพื่อตรวจสอบก่อนเข้าเรียนและเพื่อทดสอบความรู้การอ่านของนักเรียนก่อนการเรียนในทุกชั้นเรียน อีกทั้งยังใช้เพื่อทดสอบความรู้ของนักเรียนในคลาสเรียนก่อนหน้า Kahoot! ช่วยทำให้นักเรียนตื่นเต้นก่อนเข้าเรียนซึ่งให้ทั้งความรู้และความสนุกและเป็นวิธีที่ดีในการประเมินความรู้ก่อนอ่านของนักเรียน” ​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/9RsUm2pJN28Q66EqoU8w.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="9RsUm2pJN28Q66EqoU8w.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="720px,auto" data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" origin-size="1276,654" style="width: 720px; height: auto;" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับผู้ปกครองและผู้เรียนรุ่นเยาว์ ก็มี Kahoot! Kids ซึ่งเป็นแอปแบบสแตนด์อโลนสำหรับ iOS และ Android ที่ออกแบบมาสำหรับเด็กอายุ 2 ถึง 7 ขวบ โดยได้รับการแปลเป็นภาษาไทยแล้วเช่นกัน แอปนี้ช่วยให้ผู้ปกครองสามารถสนับสนุนบุตรหลานของท่านได้สร้างทักษะพื้นฐานและทักษะปฐมวัยผ่านการเรียนรู้ผ่านการเล่น Kahoot! ขับเคลื่อนการเรียนรู้สำหรับผู้คนทั่วโลก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kahoot! ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ได้รับความไว้วางใจสำหรับการทำให้การเรียนรู้เป็นซึ่งที่น่าทึ่ง ในสภาวะสภาพแวดล้อมที่หลากหลายทางการศึกษา ระดับมืออาชีพ และทางสังคมทั่วโลก โดยมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 11 พันล้านคนนับตั้งแต่เปิดตัว โดยเฉพาะในประเทศไทย คุณครูมากกว่า 130,000 คนใช้ Kahoot! เพื่อจุดประกายการมีส่วนร่วมในชั้นเรียนและพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kahoot! มีผู้เข้าร่วมมากกว่า 20 ล้านคนบนแพลตฟอร์มในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การใช้งานในสายอาชีพเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการเติบโตมากกว่า 50% ในเซสชันที่จัดขึ้นในที่ทำงาน ตัวเลขเหล่านี้เน้นให้เห็นถึงแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นของนายจ้างชาวไทยที่หันมาใช้ Kahoot! เพื่อทำให้การฝึกอบรมและการประชุมมีปฏิสัมพันธ์ น่าสนใจ และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งเสริมความร่วมมือและการมีส่วนร่วมในที่ทำงาน​ <div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 720px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/12/yfNCbBXoJbd8FkSFvu5V.jpg" alt="" data-proportion="true" data-size="720px,396px" data-align="center" data-file-name="yfNCbBXoJbd8FkSFvu5V.jpg" data-file-size="0" origin-size="1795,988" data-origin="1050px,578px" style="width: 720px; height: 396px; transform: rotate(0deg);" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Kahoot! เปิดสำนักงานใหม่ในสิงคโปร์เพื่อรองรับการเติบโตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมยกระดับการสนับสนุนผู้ใช้ในทุกภาคส่วน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราเล็งเห็นถึงโอกาสอันดีในการส่งเสริมการเรียนรู้ในประเทศไทยให้เข้าถึงและครอบคลุมผู้คนได้มากยิ่งขึ้น การแปลแพลตฟอร์มเป็นภาษาไทยครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของเรา ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนบุคลากร การแปลภาษา และการสร้างความร่วมมือกับพันธมิตร” Ahteram Uddin รองประธานฝ่ายการพาณิชย์ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งประจำอยู่ที่สิงคโปร์ กล่าว ภาพ: Kahoot! เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/british-council-ndea-2024-english-assessment-in-thailand" alt="‘บริติช เคานซิล’ มองการศึกษาไม่เท่าเทียมกระทบทักษะภาษาอังกฤษคนไทย แนะแก้ทั้งการสอนและการวัดระดับ">‘บริติช เคานซิล’ มองการศึกษาไม่เท่าเทียมกระทบทักษะภาษาอังกฤษคนไทย แนะแก้ทั้งการสอนและการวัดระดับ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

Kahoot! เปิดตัวภาษาไทยแล้ว ทั้งบนเว็บไซต์ iOS และ Android พร้อมช่วยคนไทยสนุกกับการเรียนรู้

‘บริติช เคานซิล’ มองการศึกษาไม่เท่าเทียมกระทบทักษะภาษาอังกฤษคนไทย แนะแก้ทั้งการสอนและการวัดระดับ

<h2>​ผลการวิจัยล่าสุดของ McKinsey &amp; Co. เผยว่า สหรัฐฯ กำลังเผชิญกับวิกฤตขาดแคลน 'แรงงานที่มีฝีมือ' อย่างหนัก หลังจากกลุ่มแรงงานดังกล่าวเริ่มเข้าสู่วัยเกษียญอายุ ประกอบกับคนรุ่นใหม่ทั้งชายและหญิงเลือกที่จะก้าวเข้าสู่อาชีพแรงงานต่างๆ อาทิ การก่อสร้าง, การประปา และการขนส่งลดน้อยลง </h2> &nbsp; &nbsp; วิกฤตดังกล่าวทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นจากช่วงสถานการณ์โควิด-19 แพร่ระบาด และยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจต่างๆ ที่ต้องปรับตัวในการแข่งขันเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่องไปยังค่าจ้างสำหรับแรงงานที่มีทักษะฝีมือสูงที่หลายบริษัทต่างต้องการว่าจ้างงานก็ขยับตัวเพิ่มขึ้นตามไปด้วยกว่า 20%&nbsp; &nbsp; ทั้งนี้ จากตัวเลขล่าสุดของสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯ ยังคาดการณ์ด้วยว่า&nbsp;นับตั้งแต่ปี 2024 นี้ยาวไปจนถึงปี 2032&nbsp;จะมีงานใหม่ซึ่งเป็นที่ต้องการมากกว่า 1.5 ล้านตำแหน่ง สำหรับกลุ่มคน Gen Z และ​ราวๆ 35% ของกลุ่มสายงานอาชีพที่เติบโตเร็วที่สุดจะอยู่ในกลุ่มธุรกิจแรงงานที่มีทักษะเป็นหลักโดยไม่เน้นในเรื่องของวุฒิการศึกษาปริญญาตรีอีกด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Nathan Soto ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพของ Resume Genius ให้ข้อมูลแก่สำนักข่าว CNBC ว่า "กลุ่มคนรุ่นใหม่ยังพยายามมองหางานที่มีรายได้สูงโดยไม่จำเป็นต้องพึ่งใบปริญญา ดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับแรงงานที่มีทักษะฝีมือ จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มคน Gen Z อีกทั้งสายงานที่เกี่ยวข้องกับด้านการผลิต, การบิน และพลังงานนั้น ยังให้ค่าแรงหรือเงินเดือนสูงไม่แตกต่างจากกลุ่มพนักงานออฟฟิศเลยทีเดียว"​ &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ 5 สาขาอาชีพที่ตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ต้องการ โดยบางตำแหน่งไม่จำเป็นต้องใช้วุฒิปริญญาตรีและยังมีเงินเดือนสูงไม่ต่ำกว่า 100,000 เหรียญสหรัฐฯ ได้แก่&nbsp; &nbsp;1. ช่างเทคนิคลิฟต์และบันไดเลื่อน ทำหน้าที่ดูแลรักษาพร้อมติดตั้งหรือซ่อมแซมอุปกรณ์ต่างๆ ได้&nbsp;วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย และมีใบอนุญาตจากสมาคมที่เกี่ยวข้อง มีฐานเงินเดือนเฉลี่ย 102,420 เหรียญต่อปี คิดเป็นเงินไทยราว 3,548,034 บาทต่อปี2. พนักงานโรงไฟฟ้า ทำหน้าที่ควบคุมหม้อไอน้ำ, กังหัน และเครื่องกำเนิดไฟฟ้าต่างๆ ภายในโรงงาน วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย ต้องผ่านการฝึกอบรมและได้รับใบอนุญาตจากคณะกรรมการกำกับการนิวเคลียร์ มีฐานเงินเดือนเฉลี่ย 100,890 เหรียญต่อปี คิดเป็นเงินไทยราว 3,495,031 บาทต่อปี3. พนักงานควบคุมการจราจรทางอากาศ ทำหน้าที่ดูแลการจราจรเครื่องบินทั้งบนอากาศและพื้นดิน และให้คำแนะนำนักบินในการขึ้นบินและลงจอด แต่ตำแหน่งนี้จะต้องมีการศึกษาระดับปริญญาตรี หรือประกาศนียบัตรที่ได้จากโปรแกรม Air Traffic Collegiate Training Initiative (AT-CTI) และต้องผ่านการฝึกอบรมที่ Federal Aviation Administration (FAA) รวมถึงการฝึกปฏิบัติงานในสถานที่จริง มีฐานเงินเดือนเฉลี่ย 137,380 เหรียญต่อปี คิดเป็นเงินไทยราว 4,759,118 บาทต่อปี4. ช่างเทคนิคนิวเคลียร์ ทำงานร่วมกับนักฟิสิกส์ วิศวกร และนักวิทยาศาสตร์ เพื่อผลิตพลังงานนิวเคลียร์ และทดสอบตัวอย่างอากาศ น้ำ และดิน เพื่อหาสารปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสี วุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาวิทยาศาสตร์นิวเคลียร์ หรือเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับนิวเคลียร์ และต้องผ่านการฝึกงาน มีฐานเงินเดือนเฉลี่ย 101,740 เหรียญต่อปี คิดเป็นเงินไทยราว 3,524,477 บาทต่อปี5. ผู้บังคับบัญชาแนวหน้าตำรวจและนักสืบ ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของสมาชิก พร้อมจัดตารางงาน ฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ และประสานงานในการสืบสวนคดีต่างๆ ซึ่งจะเป็นการทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง วุฒิการศึกษาระดับมัธยมปลาย และต้องมีประสบการณ์ทำงานในสาขาตำรวจหรือการสืบสวนมาก่อน มีฐานเงินเดือนเฉลี่ย 101,750 เหรียญต่อปี คิดเป็นเงินไทยราว 3,524,824 บาทต่อปี​แปลและเรียบเรียงจากบทความ :&nbsp;<a href="https://www.cnbc.com/2024/11/21/5-in-demand-jobs-that-can-pay-over-100000-and-dont-require-a-bachelors-degree.html" alt="5 in-demand jobs that can pay over $100,000 and don’t require a bachelor’s degree">5 in-demand jobs that can pay over $100,000 and don’t require a bachelor’s degree</a> เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/hr/discrimination-in-the-hiring-process-still-lacks-equality" alt="Jobsdb by SEEK เผยผลสำรวจการเลือกปฏิบัติในกระบวนการจ้างงานยังขาดความเท่าเทียม">Jobsdb by SEEK เผยผลสำรวจการเลือกปฏิบัติในกระบวนการจ้างงานยังขาดความเท่าเทียม</a><a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

'ไม่เน้นวุฒิปริญญา แต่ค่าจ้างสูง' ส่อง 5 ทักษะอาชีพกำลังเนื้อหอมในตลาดแรงงานสหรัฐฯ

<h2>ม.ศรีปทุม เผยประเทศไทยกำลังขาดแรงงานทักษะสูงใน 4 สาขาอาชีพ ได้แก่ วิศวกรระบบราง โลจิสติกส์ซัพพลายเชน การบินและคมนาคม การท่องเที่ยวและบริการ พร้อมสนับสนุนผลิตแรงงานทักษะสูงกว่า 200,000 อัตราป้อนสู่อุตสาหกรรม หลังรัฐบาลเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ เชื่อมระบบคมนาคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ </h2>&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ดร. รัชนีพร พุคยาภรณ์ พุกกะมาน อธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม เผยว่า จากการขับเคลื่อนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ของรัฐบาล&nbsp; ซึ่งครอบคลุม ทางบก ราง น้ำ อากาศ อย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมโยงออกไปยังภูมิภาคตะวันออกและตะวันตก อาทิ โครงการพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่เริ่มพัฒนาไปก่อนหน้านั้น ส่งผลให้ประเทศไทยมีความต้องการแรงงานทักษะสูงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ ด้านวิศวกรรมระบบราง ขนส่งและโลจิสติกส์ และการบิน ที่เพิ่มสูงขึ้นราว 200,000 อัตรา จึงถือเป็นความสำคัญที่จะต้องเร่งผลิตแรงงานเหล่านี้ออกสู่ตลาด ซึ่งบัณฑิตที่จบการศึกษาในสาขาที่เกี่ยวข้องมีโอกาสได้งานและได้รับค่าตอบแทนสูง อีกทั้งยังจะเป็นการช่วยเพิ่มประชากรที่มีรายได้สูงเพิ่มขึ้นภายในประเทศ ส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและสังคม&nbsp;&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/DoBHyS5Shcagdhm1h7hW.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="DoBHyS5Shcagdhm1h7hW.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="0"></figure></div>&nbsp;วิศวกรระบบรางเป็นที่ต้องการกว่า 20,000 อัตรา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผศ.ดร.ชลธิศ&nbsp; เอี่ยมวรวุฒิกุล คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ เผยว่า ปัจจุบันสายงานระบบรางมีความต้องการแรงงานมากขึ้น เนื่องจากในช่วง 10 ปี การเดินทางได้พัฒนาเปลี่ยนผ่านจากรถไฟระบบเดิมเป็นระบบใหม่ รถไฟรางคู่ รถไฟความเร็วสูงและรถไฟฟ้า&nbsp; สายงานในระบบราง มีความต้องการบุคลากรมากกว่า 20,000 อัตรา คณะวิศวกรรมศาสตร์ ม.ศรีปทุม จึงออกแบบการเรียนการสอน เชื่อมโยงเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และสถาบันต่างประเทศเกี่ยวข้อง ให้นักศึกษาได้ออกไปเรียนรู้ประสบการณ์จริงในสนามจริง อาทิ การไปเรียนรู้ปฏิบัติงาน กับเอกชนผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS MRT และ Airport rail link กับบริษัทเอกชนผู้รับเหมาระบบราง และส่งนักศึกษาไปเรียนเพิ่มเติมกับเจ้าของเทคโนโลยีที่ สถาบันระบบรางขนาดใหญ่ ณ เมืองหูหนาน ประเทศจีน เพื่อเก็บประสบการณ์จริงจากเจ้าของเทคโนโลยี โดยปัจจุบันทางคณะได้มีเปิดสอนสาขาระบบรางโดยตรง และยังเปิดเป็นวิชาเลือกให้นักศึกษาที่เรียน ในสาขาวิศวกรรม เครื่องกล ไฟฟ้า โยธา ได้เสริมวิชาชีพด้านระบบราง สำหรับนักศึกษาคณะวิศวกรรมศาสตร์ &nbsp; &nbsp; ม.ศรีปทุม ไม่จำเป็นต้องจบสายวิทย์-คณิต ด้วยมหาวิทยาลัยมองว่า การเรียนรู้ไม่ควรจำกัดสาขา ทุกคนสามารถเรียนรู้ข้ามศาสตร์ได้&nbsp;&nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/to3C5Sq9LoyuqM2J5ZYw.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="to3C5Sq9LoyuqM2J5ZYw.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="1"></figure></div>&nbsp;ธุรกิจโลจิสติกส์แนวโน้มเติบโต 200 เท่า ดันค่าตัวสูง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผศ.ดร.ธรินี&nbsp; มณีศรี คณบดีวิทยาลัยโลจิสติกส์และซัพพลายเชน เปิดเผยว่า&nbsp; ธุรกิจโลจิสติกส์มีแนวโน้มเติบโต 200 เท่า ส่งผลให้บุคลากรในสายอาชีพนี้มีค่าตัวสูงขึ้น โดยปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยได้เปิดสอน ตั้งแต่ระดับ ปริญญาตรี โท และเอก ในสาขาวิชาการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน มีการบูรณาการข้ามศาสตร์ร่วมกับคณะบริหารธุรกิจ คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะวิศวกรรมศาสตร์ วิทยาลัยการท่องเที่ยวและบริการ เป็นต้น&nbsp; นอกจากนี้หลักสูตรยังสามารถบูรณาการการเรียนร่วมกับคณะการเป็นเจ้าของธุรกิจเพื่อให้ก้าวไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ได้ด้วย&nbsp; ในสายงานโลจิสติกส์นี้มีความต้องการบุคลากร ราว 120,000 คน ในระหว่างปี 2564-2568&nbsp; จึงเป็นโอกาสของนักศึกษาที่เรียนทางด้านนี้ จะได้ทำงานระหว่างเรียน และจบแล้วได้งานทันที&nbsp;&nbsp;&nbsp;สายงานด้านการบินได้งานทันทีหลังสำเร็จการศึกษา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;พลอากาศเอกพิธพร กลิ่นเฟื่อง คณบดีวิทยาลัยการบินและคมนาคม เปิดเผยว่า บุคลากรในสายวิชาชีพการบินเป็นที่ต้องการของตลาดกำลังคนสมรรถสูง อย่างมากทั้งในปัจจุบันและอนาคตด้วยปัจจัยเร่ง 2 ประการได้แก่ 1.เกิดความต้องการกำลังคนเร่งด่วนหลังจากลดช่วงโควิด การโดยสารและขนส่งเครื่องบินกับมาเดินเครื่องปกติทุกสายการบินมีแผนเพิ่มเที่ยวบิน โดยสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย อนุมัติให้ 8 สายการบินเพิ่มเที่ยวบิน 60 ลำตลอดปี 2567 &nbsp; 2. รัฐบาลเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะแผนผลักดันเป็นศูนย์กลางการขนส่งของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทางวิทยาลัยฯได้เตรียมความพร้อมสร้างกำลังคนใน 6 สาขาอาชีพ คือ 1.การจัดการความปลอดภัยการคมนาคม&nbsp; 2.การจัดการสนามบินและสินค้าทางอากาศ&nbsp; 3.นักบินพาณิชย์ จบภายใน 4 ปี ได้รับใบรับรองและใบอนุญาตนักบินจากสำนักงานการบินพลเรือน เป็นนักบินได้ทันที&nbsp; 4. พนักงานอำนวยการเครื่องบิน วางแผนเส้นทางบิน (Fight Planning) 5.ผู้ควบคุมจราจรทางอากาศ โดยทุกหลักสูตรการเรียน 4 ปี พร้อมทำงานทันที ซึ่งปัจจุบันทุกสาขาบัณฑิตที่จบได้งานทำทันทีที่จบ&nbsp; &nbsp; <div class="se-component se-image-container __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/ErH2Nuvv6V9J2Yi9fvuC.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="ErH2Nuvv6V9J2Yi9fvuC.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="2"></figure></div>&nbsp;ธุรกิจการบินและการท่องเที่ยวเติบโตอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผศ.ดร. อนุพงศ์ อวิรุทธา คณบดีวิทยาลัยการท่องเที่ยวและการบริการ กล่าวว่า&nbsp; หลังจากสถานการณ์Covid-19 คลี่คลายลง หลายประเทศได้ตระเตรียมมาตรการและการกระตุ้นเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสร้างงานใหม่ในอุตสาหกรรม ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและทั่วโลก โดยเฉพาะประเทศไทยที่ถูกจัดอันดับให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่น่าเดินทางไปเยือนมากที่สุดในโลก&nbsp; ที่ผ่านมาได้ผลิตบุคลากรคุณภาพเข้าสู่อุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย ยุโรป และอเมริกา กว่า 100 คน ในสายการบินชั้นนำ โรงแรมระดับสากล และสายการเดินเรือสำราญขนาดใหญ่ระดับโลกที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว&nbsp;ทั้งนี้ เพื่อรองรับการเติบโตของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ และโครงการ Mega Project ของทางภาครัฐ และแผนผลักดันเป็น Aviation Hub ของภูมิภาค&nbsp;&nbsp;​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/02/tAHYFUpFT4xuhnpp3hjb.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="tAHYFUpFT4xuhnpp3hjb.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" style="" data-index="3"></figure></div> ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/education-reflects-economic-growth-vietnamese-study-abroad-in-southeast-asia" alt="การศึกษาสะท้อนการเติบโตเศรษฐกิจ 'เด็กเวียดนาม' เรียนต่อนอกมากสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้">การศึกษาสะท้อนการเติบโตเศรษฐกิจ 'เด็กเวียดนาม' เรียนต่อนอกมากสุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ม.ศรีปทุม ขานรับ Mega Project รัฐบาล เร่งผลิตแรงงานทักษะสูงป้อนสู่อุตสาหกรรม 2 แสนอัตรา

SEAC กรุยแผนธุรกิจปี 65 กับเป้าหมายอัพสกิลคนไทย 1 ล้านคนใน 3 ปี

สถานการณ์ช่วงชิงแรงงานทั่วโลกรุนแรง ไทยยังติดหล่มพัฒนา "แรงงานทักษะสูง"

<h2 style="text-align: left;">เป็นที่เข้าใจกันอย่างแพร่หลายในหมู่ผู้กำหนดนโยบายนักการศึกษา ภาคธุรกิจและภาคสังคม ว่า "แรงงานไทย" ในศตวรรษที่ 21 จะต้องใช้ความรู้และทักษะจาก STEM (วิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, วิศวกรรมศาสตร์, และคณิตศาสตร์) และใหม่ล่าสุดคือวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น</h2>
ถึงแม้สังคมไทยจะพูดเรื่องนี้กันบ่อยขึ้น กระนั้นยังมีคำถามที่คงอยู่เสมอคือ “เราสามารถปรับเปลี่ยนการจัดการการศึกษาและการฝึกทักษะของเราได้ตรงความต้องการได้หรือยัง”

เราจับคู่กับความต้องการและสร้างทักษะที่เหมาะสมสำหรับงานในวันนี้และอนาคตได้หรือไม่ หลักสูตรของเราให้ความสำคัญกับเนื้อหามากเกินไป แต่ให้ความสำคัญน้อยเกินไปในเรื่องความสามารถหรือเปล่า เรามีการสอนทักษะให้เด็กรู้จักการเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนรู้จากชีวิตจริง และการเรียนรู้ด้วยตนเองหรือยัง

สภาพแวดล้อมในการทำงานทุกวันนี้ การทำงานด้วยมือตามคำสั่งได้ลดน้อยลงไป ในขณะที่งานการวิเคราะห์และในด้านที่เกี่ยวข้องกับการหาโซลูชั่นมีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นพนักงานทุกคนจึงถูกคาดหวังว่าการทำงานจะต้องเกี่ยวโยงกับการรวบรวมข้อมูลที่ถูกต้องและการทำวิจัย เพื่อให้มีความพร้อมสำหรับการหารือ อภิปราย และตัดสินใจ ในการประชุมหารือตอนเช้า ซึ่งเรื่องนี้

สะท้อนให้เห็นว่า สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ในห้องเรียนกับสภาพแวดล้อมในการทำงานจริงนั้นมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายประเทศได้นำรูปแบบ “Flipped Classroom” มาใช้ โดยครูคาดหวังว่านักเรียนจะทำการรวบรวม ข้อมูล วิเคราะห์ และวิจัย เกี่ยวกับประเด็นปัญหาจากบ้านมาก่อนและนำมาเพื่อหารือและถกแถลงในห้องเรียนในวันถัดไป ห้องเรียนรูปแบบใหม่นี้ถูกออกแบบมาเพื่อเตรียมความพร้อมให้พวกเขาเป็นแรงงานในศตวรรษที่ 21

ในทัศนะของผม แรงงานศตวรรษที่ 21 ที่โรงเรียนต้องเตรียมนักเรียนของพวกเขา คือ

1.การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Life-long Learning): ความสามารถในการอ่าน เขียน สามารถคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อน
2.นักคิดริเริ่ม (Innovator): การพัฒนาความสามารถในการคิดนอกกรอบที่นำไปใช้ประโยชน์ได้
3.พลเมืองของโลก (Global Citizen): สามารถพูดและอ่านภาษาได้ดีหลายภาษา รวมทั้งเข้าใจวัฒนธรรมที่ต่างกันและอธิบายความแตกต่างทางวัฒนธรรมได้

การปฏิรูปการศึกษาครั้งใหม่จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ การปฏิรูปที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่การปฏิรูปกฎหมายโดยปราศจากการดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จการปฏิรูปครั้งหน้าจึงควรระดมความคิดให้เกิดความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะได้ผลที่ดีกว่า

<img class="alignnone wp-image-5120 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/-ชลพิจารณ์-1-e1551195377554.jpg" alt="" width="300" height="300" />
โดย
ปิยบุตร ชลวิจารณ์
อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม
และรองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการใหญ่ สถาบันคีนันแห่งเอเชีย

<hr />

<a href="http://bit.ly/ForbesthailandFEB19">คลิกอ่านฉบับเต็ม "แรงงานไทยในศตวรรษที่ 21: เรื่องเล่าขานของประเทศไทย" และบทความทรงคุณค่า เพิ่มได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand Magazine ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<img class="alignnone wp-image-5124 size-medium" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/ชวัลวัฒน์-ทิพพาภรณ์-เนรมิตฝัน-MQDC-แสนล้าน-พลังจอเงินสู่โปรเจกต์พลิกโลก-228x300.jpg" alt="" width="228" height="300" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events