ความฝันของ ‘SNOOP Dogg’  ตำนานฮิปฮอปจาก California ในวัย 52 ปี

<h2>Larry Connor เศรษฐีพันล้านผู้ชื่นชอบความท้าทายสร้างความมั่งคั่งจากธุรกิจอะพาร์ตเมนต์หรูผ่านกลยุทธ์เน้นการถือครองระยะสั้น วิธีการของเขาสร้างผลกำไรได้มากมายมานานหลายปี แต่ในขณะนี้เมื่อสภาวะตลาดเปลี่ยนแปลงไปต้องรอดูว่าเขาจะยอมแบกรับความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ณ วันหนึ่งของช่วงปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ท้องฟ้าเมือง Dayton รัฐ Ohio อึมครึมไปด้วยเมฆหมอก Larry Connor กำลังพลิกอ่านรายงานข้อมูลด้านอสังหาฯ ที่วางซ้อนเป็นตั้งอยู่บนโต๊ะในห้องทำงานของเขา ซึ่งสามารถมองเห็นลานบินและโรงซ่อมบำรุงของท่าอากาศยาน Wright Brothers Airport&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่นี่มีโมเดลจำลองเสมือนจริงเครื่องบิน Model B ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องบินรุ่นที่ถูกสร้างขึ้นเป็นลำดับแรกๆ ของโลกจอดโชว์อยู่ ภายในออฟฟิศมีกรอบรูปภาพที่ระลึกกิจกรรมต่างๆ ที่เขาทำ เช่น การกระโดดร่มจากบอลลูนทุบสถิติโลกด้วยระดับความสูง 38,139 ฟุต ภารกิจเยือนสถานีอวกาศ International Space Station ด้วยเที่ยวบินเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของโลก และการดำดิ่งสู่ร่องมหาสมุทร Mariana Trehch ในจุดที่ต่ำที่สุดของโลกซึ่งอยู่ใต้ระดับน้ำทะเลลงไป 35,876 ฟุต&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“เราต้องกล้าเสี่ยงในสิ่งที่คาดคำนวณมาแล้ว ไม่ใช่ไปเสี่ยงทำอะไรสะเปะสะปะแบบไม่คิด” Connor กล่าว สิ่งนี้เป็นเหมือนกลยุทธ์ที่ช่วยนำพาเขาและบริษัทอสังหาริมทรัพย์ Connor Group ไปสู่ความสำเร็จ ยืนยันได้จากตัวเลขกำไรมหาศาลที่โตต่อเนื่องนานกว่า 3 ทศวรรษ และทรัพย์สินในครอบครองมูลค่ากว่า 2 พันล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ตั้งแต่เขาร่วมก่อตั้งบริษัทขึ้นเมื่อปี 1991 อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในอะพาร์ตเมนต์หรูของบริษัทอยู่ที่ 30.4% ต่อปี ตัวเลขดังกล่าวสูงในระดับที่แทบไม่ใครทำได้ในธุรกิจนี้ โดยบริษัทบริหารจัดการสินทรัพย์ยักษ์ใหญ่อย่าง Blackstone และ Brookfield สร้างอัตราตอบแทนเฉลี่ยนับตั้งแต่จัดตั้งสำหรับการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯ อยู่ที่ 16% และ 18% ต่อปีตามลำดับ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Connor สามารถทำกำไรในอัตราสูงแตะระดับดังกล่าวด้วยการมุ่งหาโอกาสแปรสภาพการลงทุนให้ได้กำไรเร็วที่สุดในตลาดที่มีสภาพคล่องต่ำ “ผมจะเพิ่มมูลค่าให้ได้มากที่สุดโดยใช้เวลาน้อยที่สุด” Connor กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยเฉลี่ยแล้วเขาถือครองอสังหาฯ แต่ละแห่งในพอร์ตประมาณ 5 ปีครึ่ง ขณะที่บรรดากอง REITs ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะถือครองทรัพย์สินยาวถึง 10 ปี ครั้งหนึ่งเขาเคยปิดดีลขายอาคารใน Charlotte รัฐ North Carolina และทำกำไรเข้ากระเป๋าไป 75% ภายในระยะเวลาเพียงปีกว่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน Connor Group เป็นเจ้าของและเป็นผู้บริหารโครงการอะพาร์ตเมนต์ 51 แห่งมูลค่ารวม 5 พันล้านเหรียญ ซึ่งกระจายอยู่ใน 12 รัฐ ตั้งแต่ Colorado ไปจนถึง Florida ในช่วงปี 2020-2022 ซึ่งอัตราค่าเช่าและมูลค่าอสังหาริมทรัพย์พุ่งสูงขึ้นช่วงหลังการระบาดใหญ่ กองทุนของบริษัททำกำไรเข้ากระเป๋าถึง 42.5% หลายโครงการที่ลงทุนถูกขายออกไปในระยะเวลาไม่ถึง 3 ปีนับจากวันที่เริ่มถือครอง โดยมีอัตราผลตอบแทนตั้งแต่ 17-159%&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Connor เติบโตที่เมือง Dayton และเกือบเรียนไม่จบชั้นมัธยมปลาย เขาจบการศึกษาเมื่อปี 1968 ด้วยเกรดเฉลี่ย 2.0 แต่ด้วยการที่เป็นคนมีหัวจึงเริ่มหารายได้ด้วยการรับทาสีบ้าน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจบการศึกษาเขาตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสองและซื้อไวน์ราคาถูกที่ “ฉลากสินค้าฉีกขาดหรือเสียหาย” บรรทุกใส่เต็มท้ายรถ จากนั้นก็ขายทั้งไวน์ทั้งรถให้กับนักศึกษาใน Athens ซึ่งเขาจบจาก Ohio University ที่อยู่ในเมืองนี้เช่นกัน ช่วงที่เขาศึกษาระดับปริญญาตรีในวันหยุดสุดสัปดาห์ Connor จะรับจ้างนำร่างผู้เสียชีวิตไปส่งที่โรงเก็บศพสำหรับรอทำพิธีโดยได้ค่าจ้างศพละ 5 เหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;หลังจบมหาวิทยาลัยเขาเริ่มทำงานเป็นพนักงานขายชั่วคราวที่ศูนย์รถยนต์ Volkswagen จากนั้นได้มาทำงานบริการแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งระหว่างนั้นทำให้เขาได้เดินทางไปโมร็อกโก เม็กซิโก และประเทศแถบยุโรป&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้เขายังเคยเปิดบาร์ในปี 1977 ซึ่งเขาบอกว่าประสบความสำเร็จอย่างมาก บรรดาผู้ร่วมลงทุนได้รับผลตอบแทน 300% หลังขายกิจการออกไปใน 2 ปีครึ่งให้หลัง Connor รวบรวมเงินที่ได้มาทั้งหมดและย้ายไปยัง Orlando รัฐ Florida เพื่อเปิดธุรกิจตัวแทนจำหน่ายเครื่องไมโครคอมพิวเตอร์ของ IBM แต่ว่าความสำเร็จนั้นไม่ได้คงอยู่ตลอดไป “สุดท้ายแล้วเราลงเอยด้วยการปิดตัวลงหลังเปิดดำเนินการมา 9 ปี ผมจบปริญญาเอกด้านความล้มเหลวในธุรกิจ”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาเดินทางกลับ Dayton ด้วยสภาพตกงานพร้อมหนี้จำนวน 900,000 เหรียญ เบนเข็มมายังธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โดยจับมือกับหุ้นส่วน 2 รายและนักลงทุน 1 ราย เพื่อเข้าซื้ออะพาร์ตเมนต์ 3 แห่งใน Dayton จากสถาบันเพื่อการออมและปล่อยกู้ซึ่งดำเนินกิจการหลักอยู่ใน Kansas&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทว่าวิกฤตสินเชื่อ S&amp;L ที่ปะทุขึ้นทำให้ดีลซื้อขายที่ตกลงไว้ล้มไม่เป็นท่า และฉุดให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำอย่างหนัก แต่ไม่นานกระแสความสำเร็จก็เริ่มพัดผ่านมาทาง Connor หลังจากนั้น 1 ปีเขาสามารถปิดดีลเข้าซื้ออะพาร์ตเมนต์ดังกล่าวได้ในราคาที่ถูกลงกว่าเดิม 1 ล้านเหรียญ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในปี 1994 เขาปลดหนี้ได้สำเร็จ และอีก 9 ปีให้หลังเขาได้ควักกระเป๋าซื้อหุ้นจากหุ้นส่วนคืนทั้งหมดและกลายเป็นเจ้าของเพียงคนเดียว เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจโลกปะทุขึ้นในปี 2008 การที่ Connor ดำเนินธุรกิจแบบมุ่งเน้นลดค่าใช้จ่ายไม่จำเป็นทำให้เขามีเงินซื้อของดีราคาถูกจำนวนมาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ดี ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีความผันผวนอย่างอสังหาริมทรัพย์ การดำเนินธุรกิจมักต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อยู่เสมอ Fitch Ratings เผยว่า อัตราการผิดนัดหนี้สินเชื่ออะพาร์ตเมนต์ที่อยู่อาศัยคาดว่าจะพุ่งขึ้นเป็นเท่าตัวในปี 2024 ซึ่งเป็นตัวเลขที่มากกว่าระดับสูงสุดที่เกิดขึ้นในช่วงการระบาด&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;มูลค่าการลงทุนในอะพาร์ตเมนต์ร่วงลง 61% เหลือ 1.19 แสนล้านเหรียญเมื่อปีที่ผ่านมา นับเป็นมูลค่าที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2014 ข้อมูลเหล่านี้นำไปสู่คำถามสำคัญว่า อะไรจะเกิดขึ้นหาก Connor ต้องการขายแต่ไม่สามารถหาผู้ซื้อได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Connor ยอมรับว่ากลยุทธ์ของเขาไม่ได้รับประกันความสำเร็จเสมอไป “เราทำผลงานได้ไม่ดีนักในปี 2023 เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานของเรา” เขากล่าว ทว่าเขาเห็นต่างจากความเห็นส่วนใหญ่ที่มองว่าราคาอสังหาริมทรัพย์จะยังคงปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง “ผู้ที่มีความต้องการซื้อจะเข้ามาในตลาดมากขึ้น” เขากล่าวอย่างหนักแน่น “และเราน่าจะเริ่มปิดการขายได้ในช่วงกลางปีนี้” ​เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/world/america/emma-chamberlain-come-back-with-chamberlain-coffee" alt="Emma Chamberlain การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมสตาร์ทอัพฉบับคนรักกาแฟ">Emma Chamberlain การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่พร้อมสตาร์ทอัพฉบับคนรักกาแฟ</a>​<a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" alt="คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกรกฎาคม 2567 ในรูปแบบ e-magazine</a><div class="se-component se-image-container __se__float-none" contenteditable="false"><figure><a href="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" alt="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" data-image-link="image"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2024/08/hjAQMj24TZJDrWShQGfV.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="none" data-file-name="hjAQMj24TZJDrWShQGfV.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="300px,auto" data-rotate="" origin-size="320,420" data-image-link="https://www.ookbee.com/shop/magazine/FORBES/833398be-f87c-4d1f-bc2b-1f516f075a7c/july-2024" style="width: 300px; height: auto;" data-index="0"></a></figure></div>

“อยากสำเร็จต้องกล้าเสี่ยง” วิธีคิดสู่ความมั่งคั่งของเศรษฐีพันล้าน Larry Connor

Mark Taira ผู้เปลี่ยนร้านเบเกอรี่ครอบครัว ให้เติบโตสู่ทรัพย์สินกว่า 2,000 ล้านเหรียญ

Jeff Bezos ขับเคลื่อน AMAZON โตแบบไร้ขีดจำกัด

<h2 class="p1">ในช่วงปีที่ผ่านมา มีมหาเศรษฐีอเมริกัน 17 คนที่หลุดจากรายชื่อ Forbes 400 ทำเนียบเศรษฐีที่รวยที่สุดในสหรัฐอเมริกา</h2>
การหย่าร้าง ยอดขายแซนด์วิชซึ่งลดฮวบ และความรักเพื่อนมนุษย์ เป็นสาเหตุให้เศรษฐี 3 คนต้องหลุดโผไป ส่วนเศรษฐีคนอื่นก็ยังรวยไม่ถึงเกณฑ์ จึงข้ามไม่พ้นเส้นแบ่ง 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อจะขึ้นมาเป็นเศรษฐีที่รวยที่สุด 400 อันดับแรกของสหรัฐอเมริกา

<ul>
 	<li class="p1"><a href="https://www.forbes.com/forbes-400/#f5db6ac7e2ff">อ่าน Forbes 400 ทำเนียบมหาเศรษฐี 400 อันดับแรกของสหรัฐฯ ปี 2018 ที่นี่</a></li>
</ul>
Forbes Thailand ขอนำเสนอ 5 เศรษฐีที่น่าสนใจ ผู้หลุดจากโผ Forbes 400 ไปในปีนี้เนื่องจากมูลค่าทรัพย์สินที่ลดลง หรือการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของเขา
&nbsp;
<h3 class="p1">Peter Buck
ธุรกิจ: ร้านอาหาร Subway
ทรัพย์สิน: 1.5 พันล้านเหรียญ</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-3404" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Peter-Buck.jpg" alt="" width="800" height="628" />
“ทรัพย์” จาง - Subway เชนร้านแซนด์วิชที่ก่อตั้งโดย Peter Buck กำลังพบช่วงเวลาลำบาก ยอดขายที่ตกมาหลายปีทำให้บริษัทต้องปิดร้านเกือบ 900 แห่งทั่วสหรัฐฯ ในปี 2017 และเมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2018 บริษัทก็ต้องเริ่มมองหาซีอีโอคนแรกที่ไม่ใช่สมาชิกในตระกูลผู้ก่อตั้ง
ปัญหาของ Subway บวกกับการบริจาคเพื่อการกุศลทำให้สินทรัพย์ของ Buck ลดลง 35% ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา
&nbsp;
<h3 class="p1">Bill Gross
ธุรกิจ: บริษัทจัดการการลงทุน Pimco
ทรัพย์สิน: 1.5 พันล้านเหรียญ</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-3405" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Bill-Gross.jpg" alt="" width="800" height="628" />
เตียงหัก - ชีวิตแต่งงานของ Bill Gross อดีตเจ้าพ่อนักลงทุนแห่ง Pimco ปิดฉากลงอย่างน่าเกลียดด้วยศึกชิงสินทรัพย์ระหว่างเขากับภรรยาชื่อ Sue ซึ่งยื่นฟ้องหย่าในปี 2016 ด้วยสาเหตุคือความขัดแย้งที่ไม่อาจประนีประนอมกันได้
ในที่สุดฝ่ายภรรยาก็เดินจากไปพร้อมสินทรัพย์ 1 พันล้านเหรียญ ซึ่งรวมถึงบ้านมูลค่า 36 ล้านเหรียญที่เมือง Laguna Beach รัฐ California งานศิลปะครึ่งหนึ่งจากคอลเล็คชั่นมูลค่า 56 ล้านเหรียญของทั้งคู่ และแมว 2 ตัวจาก 3 ตัว งานนี้เล่นเอาถลอกปอกเปิกไปไม่น้อย
&nbsp;
<h3 class="p3">Reid Hoffman
ธุรกิจ: LinkedIn
ทรัพย์สิน: 1.8 พันล้านเหรียญ</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-3406" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Reid-Hoffman.jpg" alt="" width="800" height="628" />
ยิ่งให้ ยิ่งหลุดโผ - Reid Hoffman ผู้ร่วมก่อตั้ง LinkedIn (ซึ่งเขาขายให้ Microsoft ไปเมื่อปี 2016) ชอบบริจาคเงินเหมือนที่ธุรกิจเก่าของเขาชอบส่งอีเมลไปทั่ว
Forbes ทราบมาว่าเขาบริจาคเงินอย่างเงียบๆ ไปแล้วถึง 1.5 พันล้านเหรียญในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาจนเหลือสินทรัพย์เพียง 1.8 พันล้านเหรียญ และในปีนี้ Hoffman ก็ยังลงนามกับโครงการ Giving Pledge ที่เป็นการประกาศต่อสาธารณชนว่าจะบริจาคทรัพย์สมบัติเกินครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศล ซึ่งเขาใกล้จะทำสำเร็จแล้ว
&nbsp;
<h3 class="p1">Tom Benson
(อายุ 90 ปี, เสียชีวิต 15 มี.ค.)
ธุรกิจ: ทีม NEW ORLEANS SAINTS
ทรัพย์สิน: 2.8 พันล้านเหรียญ</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-3407" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Tom-Benson-New.jpg" alt="" width="800" height="628" />
Tom Benson เริ่มต้นทำงานกับดีลเลอร์รถยนต์ก่อนจะกลายเป็นเจ้าของทีมกีฬาอเมริกันฟุตบอล New Orlens Saints ในลีก NFL และทีมบาสเก็ตบอล New Orleans Pelicans ใน NBA ซึ่งเขาเข้าซื้อในปี 1985 และ 2012 ตามลำดับ
นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของออฟฟิศบิลดิ้ง 26 ชั้น รวมถึง Champions Square แหล่งรวมความบันเทิงกลางแจ้งติดกับสนาม Superdome ของทีม The Saints
ก่อนหน้าที่เขาจะเสียชีวิต Benson ต้องเผชิญกับความขัดแย้งภายในครอบครัว จากการแก่งแย่งสมบัติของเขาระหว่างลูกสาวเขาเองและบรรดาหลานๆ โดยสมาชิกครอบครัวอ้างว่า Benson ไม่มีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์พอที่จะควบคุมดูแลทีม ซึ่งในที่สุด ความขัดแย้งจบลงด้วยการทำข้อตกลงลับร่วมกันเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2017
Benson ล้มป่วยด้วยโรคไข้หวัดตั้งแต่วันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2018 และเสียชีวิตในโรงพยาบาลระหว่างรับการรักษาเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2018 ด้วยอายุ 90 ปี
&nbsp;
<h3 class="p1">Richard DeVos
(อายุ 92 ปี, เสียชีวิต 6 ก.ย.)
ธุรกิจ: บริษัทขายตรง AMWAY 
ทรัพย์สิน: 5.4 พันล้านเหรียญ</h3>
<img class="alignnone size-full wp-image-3408" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/Richard-DeVos.jpg" alt="" width="800" height="628" />
DeVos คือผู้ร่วมก่อตั้ง Amway กับ Jay Van Andel เพื่อนสมัยมัธยมของเขา (เสียชีวิตเมื่อปี 2004) พวกเขาก่อตั้งบริษัทขายตรงนี้ขึ้นในปี 1959 เริ่มต้นจากการเคาะประตูขายน้ำยาทำความสะอาดอเนกประสงค์ตามบ้าน
DeVos เกษียณอายุไปตั้งแต่ปี 1993 โดยธุรกิจยอดขาย 8.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีนี้ ถูกส่งต่อให้ลูกหลานของ DeVos และ Andel ดูแลผ่านบริษัทชื่อ Alticor
ผู้ร่วมก่อตั้ง Amway และเจ้าของทีมบาสเก็ตบอล Orlando Magic จากไปเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2018 ในบ้านของเขาเอง จากอาการติดเชื้อในกระแสเลือด
&nbsp;

<hr />

<a style="color: #800000;" href="http://www.aisbookstore.com/Shop/Magazine/FORBES/f1065cc2-5b2a-4811-aa7b-20793e378f6b">คลิกอ่านรายชื่อเศรษฐีที่หลุดออกจากทำเนียบ Forbes 400 ทั้ง 17 คนได้จากนิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2561</a>

<img class="alignnone wp-image-3346" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/01/COVER-DECEMBER-67--780x1024.jpg" alt="" width="311" height="563" />

ร่วงลงหรือลาลับ: 5 “เศรษฐีอเมริกัน” ผู้หลุดจากทำเนียบคนรวยที่สุดในสหรัฐฯ ปี 2018

<h2>โผคะแนน : ผู้คว้าทุนของ Thiel มีผลงานเป็นอย่างไรกันบ้าง?</h2>
Peter Thiel เศรษฐีอเมริกัน ผู้ก่อตั้ง Founders Fund เวนเจอร์แคปิตอลแถวหน้าของสหรัฐอเมริกา (และยังติดอันดับที่ 74 ของบุคคลทรงอิทธิพลที่สุดของโลกในปี 2016 จัดอันดับโดย Forbes หลังจากที่เขาสนับสนุน Donald Trump อย่างเปิดเผย) เมื่อปี 2011 Thiel ริเริ่มโครงการสุดแหวกแนว โดยจะมอบทุน 100,000 เหรียญ ให้กับวัยรุ่นที่ต้องการเลิกเรียนเพื่อตามฝันสร้างธุรกิจของตนเอง โครงการนี้ติดกระแสได้รับการพูดถึงอย่างรวดเร็วเมื่อมีผู้หลั่งไหลเข้ามาสมัครเป็นจำนวนมาก

ในท้ายที่สุดผู้ประกอบการวัยรุ่น 24 รายได้รับทุนจากโครงการ Thiel Fellowship เป็นรุ่นแรก ในอีก 5 ปีถัดมาผู้ได้รับทุนรุ่นแรกมีเส้นทางเดินที่แตกต่างกันไป บางคนยังคงยึดมั่นอยู่กับแนวคิดธุรกิจเดิมขณะที่คนอื่นเปลี่ยนแนวธุรกิจไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง และมีเพียงไม่กี่รายที่สามารถก้าวไปสู่ความสำเร็จแห่งเวทีธุรกิจของ Silicon Valley โดยสามารถระดมทุนเพื่อสร้างธุรกิจของตัวเอง

รายงาน: Matt Drange
ขอบคุณภาพปก: Kyle Kirchhoff/Forbes

&nbsp;
<h2>การระดมทุน</h2>
<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/8b32f1f493a86cbfeffe66564a827ae4.png" alt="" width="680" height="353" /><figcaption> Paul Gu หยุดการเรียนในมหาวิทยาลัย Yale ในขณะที่เขาอายุ 20 ปีเพื่อรับทุน, Andrew Hsu เป็นนักเรียนด้านประสาทวิทยาศาสตร์ที่มหาวิทยาลัย Stanford เขาดรอปเรียนเพื่อรับทุนก่อตั้งกิจการในวัย 19 ปี</figcaption></figure>

มีสมาชิกโครงการ Thiel Fellowship เพียง 4 รายหรือคิดเป็น 16% ที่สามารถระดมทุนมูลค่ามากกว่า 1 ล้านเหรียญนับตั้งแต่ได้รับข้อเสนอจาก Thiel ผู้นำกลุ่มคือ Paul Gu ผู้ร่วมก่อตั้ง Upstart ซึ่งเขาระดมทุนไปได้ 53 ล้านเหรียญสำหรับธุรกิจกู้ยืมเงินออนไลน์ ขณะที่ Andrew Hsu คือคนแรกที่ระดมทุนสำเร็จ โดยได้รับเงินทุนไป 1.5 ล้านเหรียญเพื่อขยายธุรกิจ Airy Labs ผู้ผลิตเกมเพื่อการศึกษาสำหรับเด็ก

&nbsp;
<h2>
เกาะติดแผนเดิม</h2>
<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/80fc6b8a87da557657e63554ed3b18d8.png" alt="" width="680" height="353" /><figcaption> Laura Deming ชาวนิวซีแลนด์ เธอฉายแววด้านชีววิทยาตั้งแต่ 8 ขวบ และได้รับอนุมัติเข้าเรียนใน MIT ตั้งแต่อายุ 14 ปี ก่อนจะได้รับทุน Thiel เมื่ออายุ 16 ปี, Dale Stephens เข้าร่วม Thiel Fellowship เมื่ออายุ 19 ปี การศึกษาของเขาเกือบทั้งหมดเป็นการเรียนด้วยตนเองที่บ้าน (Homeschool) </figcaption></figure>

สมาชิกราวครึ่งหนึ่งยังคงยึดมั่นกับแผนธุรกิจดั้งเดิม อย่างเช่น Dale Stephens ที่ยังคงมุ่งหน้ากับ UnCollege ธุรกิจที่เขาก่อตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้คำแนะนำนักเรียนที่กำลังจะเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยค้นหาตัวเองในช่วงหยุดเรียน 1 ปี ทางด้าน Laura Deming ยังคงมุ่งผลักดันกองทุนร่วมลงทุนที่มุ่งเน้นธุรกิจเทคโนโลยีชีวภาพของเธอที่ชื่อ Longevity Fund

&nbsp;
<h2>
สานต่อความสัมพันธ์กับ Thiel</h2>
มี 4 คนที่ยังมีความสัมพันธ์กับ Thiel ได้แก่ James Proud ผู้ก่อตั้งบริษัท Hello ซึ่งพัฒนาอุปกรณ์ติดตามคุณภาพการนอนหลับ <a href="http://forbesthailand.com/people-detail.php?did=1647">(อ่านเพิ่มเติม: James Proud ลูกแกะแตกฝูง)</a>

<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/48a0d8bb766f99cc19ffc5cefd156c83.png" alt="" width="340" height="356" /><figcaption> Eden Full Goh เริ่มสร้างผลิตภัณฑ์ด้านพลังงานแสงอาทิตย์ SunSaluter ตั้งแต่อายุ 11 ปี และเข้ารับทุน Thiel เมื่ออายุ 19 ปี</figcaption></figure>

ด้าน Eden Full Goh ลงมือก่อตั้งบริษัทด้านพลังงานแสงอาทิตย์ก่อนย้ายมาร่วมทีม Palantir บริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของ Thiel ขณะที่ Tom Currier ย้ายมานั่งตำแหน่งผู้ประกอบการชั่วคราวใน Founders Fund ของ Thiel หลังจากจัดตั้งบริษัท Black Swan Solar ส่วน Daniel Friedman ได้รับเงินทุนจาก FF Angel หนึ่งในบริษัท VC ของ Thiel เพื่อใช้ขยาย Thinkful ธุรกิจเกิดใหม่ของเขาที่เสนอบริการสอนเขียนโปรแกรมผ่านระบบออนไลน์

&nbsp;
<h2>
ศึกษาต่อ</h2>
<figure><img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/c8d3e9835f75a7619cc6ac671ebe652e.png" alt="" width="340" height="356" /><figcaption> David Luan ศึกษาที่มหาวิทยาลัย Yale มาแล้ว 2 ปีก่อนจะดรอปเรียนมารับทุน และกลับไปเรียนต่ออีกครั้ง แต่ขณะนี้ Luan ได้กลับมาสานต่อบริษัท Dextro ของตนเองแล้ว</figcaption></figure>

กฎของ Thiel ไม่ได้ระบุว่าสุดท้ายแล้วสมาชิกโครงการห้ามเรียนต่อ สมาชิกอย่างน้อย 5 รายตัดสินใจศึกษาต่อ หนึ่งในนั้นรวมถึง David Luan ซึ่งคว้าปริญญาจาก Yale และก่อตั้ง Dextro บริษัทใหม่เกี่ยวกับการสอนให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้ด้วยตัวเอง (Machine Learning)
<h2></h2>
<h2>เบนเข็ม</h2>
สมาชิกราว 12 คนเปลี่ยนทิศทางจากธุรกิจเดิมของตน หนึ่งในนั้นคือ Sujay Tyle ทำตามสัญญาด้วยการก่อตั้งเว็บไซต์หางาน Hired ก่อนที่จะเปลี่ยนไปร่วมงานกับ Sherpa Ventures หนึ่งในผู้ลงทุนของ Hired

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events